หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์แต่ยังไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วควรฉีดแบบไหนดี ซึ่งล่าสุดในปี 2025 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกคำแนะนำให้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์เป็นแนวทางหลักทั่วโลก ว่าแต่ทำไมถึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ข้อดีคืออะไร บทความนี้มีคำตอบ!
สารบัญ
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ป้องกันสายพันธุ์ไหนได้บ้าง?2
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ (Trivalent Influenza Vaccine) ประกอบด้วยเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา 3 ชนิด เพื่อป้องกันการระบาดในช่วงปีนั้น ได้แก่
- Influenza A (H1N1)
- Influenza A (H3N2)
- Influenza B/Victoria
ทำไมปี 2025 ถึงเปลี่ยนมาใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์
ก่อนหน้านี้มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ หรือ Quadrivalent ที่ป้องกันเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซาได้ 4 ชนิด ได้แก่ Influenza A (H1N1), A (H3N2), B/Victoria และ B/Yamagata5
อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 หลายประเทศได้เปลี่ยนกลับมาใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์แทนแบบ 4 สายพันธุ์ เพราะตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2020 ไม่มีรายงานว่าตรวจพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B/Yamagata จึงไม่มีความจำเป็นต้องใส่สายพันธุ์นี้ในวัคซีนอีกต่อไป3
องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงประกาศคำแนะนำให้ใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์สำหรับปี 2025-2026 โดยไม่มีสายพันธุ์ B/Yamagata9
ซึ่งการเปลี่ยนกลับมาใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์จะช่วยลดความซับซ้อนในการผลิตและลดต้นทุนแต่ยังคงได้ประสิทธิภาพครอบคลุมสายพันธุ์ที่สำคัญคือ H1N1, H3N2 และ B/Victoria2
อย่างไรก็ตามไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา WHO และหลายองค์กรจะเฝ้าระวังและประเมินเพื่อปรับสูตรวัคซีนไข้หวัดใหญ่ใหม่ในแต่ละปี ถ้าหากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถปรับสูตรวัคซีนให้สอดคล้องร่วมกับการตัดสินใจของผู้ผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ทันที2
ข้อดีของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์1
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ สามารถช่วยลดจำนวนผู้ป่วยและลดภาระระบบสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ยังมีข้อดีอีกมากมาย ดังนี้
- ช่วยลดความเสี่ยงการป่วยจากไข้หวัดใหญ่
- ลดอัตราการเข้ารักษาในโรงพยาบาล
- หากได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่แต่ยังติดเชื้อ วัคซีนสามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
- เหมาะกับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคปอด ถ้าได้รับวัคซีนจะลดความเสี่ยงการกำเริบของโรคและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้
- การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ระหว่างตั้งครรภ์สามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ถึง 50% และช่วยถ่ายทอดภูมิคุ้มกันให้ทารกในช่วงเดือนแรกเกิด ซึ่งยังไม่สามารถรับวัคซีนได้ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ยังช่วยปกป้องคนอื่นในสังคมได้อีกด้วย เพราะการฉีดวัคซีนไม่เพียงแค่ป้องกันตัวเอง แต่ยังช่วยลดการแพร่เชื้อไปยังกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้หากติดไข้หวัดใหญ่
ใครควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป แนะนำให้ฉีดทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง4
สำหรับเด็กที่มีอายุ 6 เดือนถึง 8 ปี ถ้าได้รับวัคซีนครั้งแรก อาจต้องฉีด 2 เข็มห่างกัน 4 สัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด6
หญิงตั้งครรภ์ก็ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ เพราะจะช่วยส่งภูมิต้านทานไปยังทารกผ่านรกได้ รวมถึงช่วยลดการเจ็บป่วยและอาการรุนแรงได้ชัดเจน4
นอกจากนี้ กลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ ปอด เบาหวาน หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำก็ถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์เช่นกัน โดยเฉพาะหากเป็นชนิด High-Dose หรือ Adjuvanted จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีและลดโอกาสที่จะป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้7
อีกกลุ่มที่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์คือกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และผู้ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันตัวเองและผู้อื่นจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่8
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ จำเป็นต้องฉีดทุกปีหรือไม่?4
ถึงแม้ว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์จะครอบคลุมไวรัสหลัก ได้แก่ H1N1, H3N2 และ B/Victoria แต่ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างรวดเร็วทุกปี จึงแนะนำให้ติดตามข่าวสารคำแนะนำจาก WHO ว่าในแต่ละปีควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบไหน เพื่อป้องกันตัวเองจากการระบาดในปีนั้นๆ
ถ้าไม่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและไวรัสสายพันธุ์ใหม่สามารถก่อโรครุนแรงได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นไข้หวัดใหญ่รุนแรง ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เด็ก และผู้มีโรคประจำตัว








