ควรรู้อะไรก่อนการตัดสินใจเสพยา

ควรรู้อะไรก่อนการตัดสินใจเสพยา!

การหาซื้อยาเสพติดไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป ในบางครั้งคุณอาจพบว่า แม้แต่คนใกล้ตัวก็เสพยาเสพติด และชักชวนให้ลองเสพยาด้วยเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ยาเสพติดเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านของผู้เสพ มีไว้ในครอบครอง หรือเป็นผู้จัดจำหน่าย นอกจากจะทำให้เสียอนาคตแล้ว สารในยาเสพติดยังส่งผลกระทบต่อร่างกาย และเป็นอันตรายมากกว่าที่คิด

ยาเสพติดออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาเสพติดบางชนิดเป็นสารเคมี หรือมีสารประกอบของสารเคมีที่ส่งผลให้การทำงานของสมองและร่างกายทำงานผิดเพี้ยนไป

ถึงแม้ว่า ยาเสพติดบางชนิดจะเป็นยารักษาโรค แต่ก็ต้องได้รับการควบคุมการใช้อย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ และส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย

เมื่อเสพยาเสพติดเข้าร่างกายด้วยวิธีการรับประทาน สูดดม หรือการฉีดสารเข้าทางเส้นเลือด สารเคมีของยาเสพติดจะถูกส่งไปตามกระแสเลือดขึ้นสู่สมอง และอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย

สารเคมีที่เข้าสู่สมองนั้นจะส่งผลต่อการทำงานสมองส่วนความคิด (Cerebral Cortex) และสมองส่วนอยาก (Limbic System) กระตุ้นให้หลั่งโดปามีน (Dopamine) หรือสารที่ทำให้เกิดความสุขมากขึ้นกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม เมื่อยาหมดฤทธิ์จะทำให้รู้สึกหงุดหงิด ซึมเศร้า ทำให้ต้องการเสพยาซ้ำไปเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ จนเกิดเป็นภาวะสมองติดยาได้

ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ สารเคมีจากยาเสพติดจึงส่งผลกระทบต่อสมรรถนะทางร่างกาย ระบบความคิด และการตัดสินใจ แม้แต่การดื่มแอลกอฮอล์ก็สามารถทำให้ผู้ดื่มตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงได้ โดยเฉพาะการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

ผลกระทบจากการเสพยาต่อสมอง

สารในยาเสพติดจะออกฤทธิ์ต่อสมองและระบบประสาทโดยตรง ซึ่งส่งผลให้เกิดการทำลายเซลล์สมองส่วนความคิดได้ ทำให้การใช้ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลเสียไปจนทำให้สมองส่วนอยากมีอิทธิพลเหนือสมองส่วนคิด โดยเฉพาะช่วงอาการอยากสารเสพติด

ผลกระทบจากการที่เซลล์สมองส่วนความคิดถูกทำลายคือ ผู้เสพยาจะทำอะไรตามใจมากกว่าเหตุผล เช่น ฉุนเฉียวง่าย มีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่สามารถควบคุมตัวเอง หรือขาดความยับยั้งชั่งใจ จนนำไปสู่ความรุนแรงในสังคมที่พบได้บ่อยๆ เช่น การปล้นจี้ ลักขโมย หรือทำร้ายร่างกายได้

ไม่เพียงเท่านั้น ผลกระทบจากยาเสพติดยังอาจทำให้เกิดอาการทางจิต มีหูแว่ว เห็นภาพหลอน จนกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช

สิ่งที่ผู้กำลังคิดจะลองเสพยาควรชั่งใจให้ดีก็คือ การเสพยาเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถทำลายเซลล์สมองได้ และเป็นเรื่องยากที่จะสามารถบำบัดรักษาให้สมองฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แม้ว่าจะเข้ารับการบำบัดอย่างรวดเร็วก็ตาม

หลายคนใช้ยาเสพติดเพราะเหตุใด?

เนื่องจากยาเสพติดนั้นมีหลายชนิดมาก จึงมีหลากหลายเหตุผลที่คนอยากทดลองเสพ เช่น

  • เชื่อว่า การเสพยาจะทำให้พวกเขารู้สึกเคลิบเคลิ้ม มีความสุข
  • ใช้ยาเพราะอย่างน้อยช่วงเวลาที่เสพยาทำให้พวกเขารู้สึกดี คลายเครียด
  • มีอีกหลายคนที่ชักชวนเพื่อนให้เข้าสู่วงจรนี้ด้วย เนื่องจากพวกเขาไม่อยากเสพยาตามลำพัง
  • เสพยาเพื่อให้พวกเขาคิดงานออก มีไอเดียใหม่ๆ
  • เสพยาเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อน หรืออาจได้รับความกดดันจากกลุมเพื่อน
  • อยากรู้ อยากลอง และคิดว่า เสพยาไม่กี่ครั้ง ไม่ทำให้ติดยา
  • เสพยาเพราะมีอาการซึมเศร้า และเชื่อว่า การเสพยาจะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้
  • เสพยาเพราะเครียด มีปัญหา

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ยาจะช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราว และไม่ได้แก้ปัญหาได้จริง และเมื่อไม่ได้เสพยาพวกเขาจะกลับมามีอาการแย่ลง ทำให้ต้องใช้ยามากขึ้นเรื่อยๆ อีก

ในส่วนของความเครียด มีวิธีแก้ปัญหามากมาย แตกต่างไปตามแต่ระดับความเครียดของแต่ละบุคคล การตรวจวิเคราะห์ความเครียด หรือปรึกษาจิตแพทย์ น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ตกอยูในสถานการณ์นี้

ตัวอย่างยาเสพติดให้โทษ

  • ยาคานิโทน หรือ Bath Salts
  • โคเคน
  • ยาแก้ไอและยาแก้หวัด
  • Crack หรือโคเคนสำหรับสูบ
  • ยากดประสาท
  • จีเอชบี (GHB)
  • เฮโรอีน
  • สารระเหย
  • ยาเค
  • แอลเอสดี (LSD)
  • ยาอี
  • กัญชา
  • เมทแอมเฟตามีน (Meth)
  • เห็ดเมา
  • พีซีพี (PCP)
  • ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์
  • โรฮิปนอล
  • แซลเวีย

การเลิกยา และการรักษา

หากคิดว่า เพื่อนของคุณ หรือแม้แต่ตัวคุณเองกำลังติดยา แนะนำให้รีบปรึกษาผู้ปกครอง แพทย์ ครูที่ปรึกษา หรือพยาบาลเพราะ บุคคลเหล่านี้สามารถช่วยคุณได้

เนื่องจากมีการรักษาต่างๆ มากมายที่ถูกกำหนดมาเพื่อการรักษาอาการติดยา โดยการรักษามี 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ

  • พฤติกรรมบำบัด เป็นการบำบัดโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วย
  • เภสัชบำบัด เป็นการรักษาด้วยยา

ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักบำบัดจะมีวิธีการรักษาให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการไม่ต้องเสพยา เช่น การจัดการกับอาการลงแดง หรือการเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงต่อการกลับไปเสพยา

การรักษาโดยการใช้ยาเพียงอย่างเดียวมักไม่ได้ผล นอกจากนี้การรักษาเพื่อเลิกยาเสพติดยังต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษา

อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลิกเสพยาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการบำบัดรักษา เนื่องจากต้องให้เวลากับตัวเอง และจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือสนับสนุน หรือได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง

ดังนั้นเมื่อคุณ หรือเพื่อนติดยา ควรเข้ารับการรักษากับศูนย์บำบัดในพื้นที่ใกล้เคียง หรืออาจขอคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาจากแพทย์ หรือคนใกล้ชิด


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ธนู โกมลไสย


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top