chronic kidney overview disease definition 1 scaled

เข้าใจโรคไตวายเรื้อรัง ดูแลดี ยืดการทำงานไต

ไตวายเรื้อรังเป็นโรคเรื้อรังที่ประเทศไทยมีผู้ป่วยเยอะเป็นอันดับต้น ๆ ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ทำให้กว่าจะรู้ตัวก็เป็นโรคไตไปเสียแล้ว มารู้จักและทำความเข้าใจโรคไตวายเรื้อรังไปพร้อม

มีคำถามเกี่ยวกับ ไตวายเรื้อรัง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ไตวายเรื้อรัง เป็นอย่างไร 

โรคไตเรื้อรังหรือภาวะไตวายเรื้อรัง (Chronic kidney disease: CKD) เป็นภาวะไตเสื่อมลงช้า ๆ อย่างต่อเนื่อง นานเกิน 3 เดือนขึ้นไป นานเป็นเดือนไปจนถึงหลายปี ทำให้ไตมีขนาดเล็กลง ทำงานไม่ได้ตามปกติ เมื่อปล่อยไว้ไม่รักษาจะทำให้ไตเสื่อมจนเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้าย

ความรุนแรงของโรคแบ่งได้เป็น 5 ระยะ ตามตามอัตราการกรองของไต เรียกตัวย่อว่า eGFR (Estimated glomerular filtration rate) คือ ปริมาณเลือดที่ไหลผ่านตัวกรองของไตในหนึ่งนาที (มล./นาที/1.73 ตร.ม.) ซึ่งผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจะมีค่า eGFR ผิดปกติหรือไม่ก็ได้

  • ระยะที่ 1 ค่า eGER ตั้งแต่ 90 ขึ้นไป หมายถึง ไตปกติ 
  • ระยะที่ 2 ค่า eGER ระหว่าง 6090 หมายถึง ไตทำงานลดลงเล็กน้อย
  • ระยะที่ 3a ค่า eGER ระหว่าง 4559 หมายถึง ไตทำงานลดลงเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • ระยะที่ 3b ค่า eGER ระหว่าง 3044 หมายถึง ไตทำงานลดลงปานกลางถึงมาก
  • ระยะที่ 4 ค่า eGER ระหว่าง 1529 หมายถึง ไตทำงานลดลงมาก
  • ระยะที่ 5 ค่า eGER น้อยกว่า 15 หมายถึง ไตวายระยะสุดท้าย

อาการไตวายเรื้อรัง สังเกตอย่างไร

ปกติแล้ว ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังในช่วงแรก ๆ มักไม่มีอาการ หรือมีเพียงแค่เล็กน้อย บางคนอาจตรวจเจอจากการไปตรวจรักษาโรคอื่น หรือตรวจสุขภาพประจำปี เพราะจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อมารับการตรวจเลือดหรือตรวจปัสสาวะ 

เมื่อการทำงานของไตลดลง อาการของโรคจะเริ่มแสดงออกมา โดยสัญญาณเตือนไตวายเรื้อรังที่พบบ่อย ได้แก่ 

  • ปัสสาวะผิดปกติไป เช่น ปัสสาวะเป็นฟอง ปัสสาวะปนเลือด ปัสสาวะน้อยตอนกลางวัน ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติตอนกลางคืน
  • บวมตามร่างกาย เมื่อกดลงไปแล้วเป็นรอยบุ๋ม เช่น ใบหน้าบวม หนังตาและตาบวม แขนบวม ขาบวม 
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ขาดสมาธิ นอนราบไม่ได้ 
  • คลื่นไส้ อาเจียน 
  • เบื่ออาหาร ขมปากขมคอ ปากไม่รับรส
  • คันตามตัว ผิวหนังซีด ผิวแห้ง มีจ้ำเลือดขึ้นง่าย
  • เป็นตะคริวตอนกลางคืน 
  • ปวดหลังหรือบั้นเอวด้านใดด้านหนึ่ง 
  • น้ำหนักลด หรือน้ำหนักขึ้น แล้วแต่ราย
  • ความดันโลหิตสูง
  • มีภาวะโลหิตจาง

เมื่อสังเกตถึงความผิดปกติในข้อใดข้อหนึ่ง ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุ 

สาเหตุของไตวายเรื้อรัง เกิดจากอะไร

ไตวายเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ สาเหตุที่พบได้บ่อยมีดังนี้

โรคทางพันธุกรรม อาจเป็นมาแต่กำเนิดหรือค่อย ๆ แสดงอาการภายหลังก็ได้ เช่น โรคถุงน้ำที่ไตที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยจะเกิดถุงน้ำหรือซีสต์จำนวนมาก พอขยายใหญ่จะไปเบียดเนื้อไตปกติจนเกิดความเสียหาย 

โรคที่มีผลกระทบกับไต หรือทำให้ไตอีกเสบ เช่น

  • โรคเบาหวาน เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง จะส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดที่ไตและเนื้อไต มักจะเกิดหลังจากเป็นโรคเบาหวานมาแล้ว 5 ปีขึ้นไป 
  • โรคความดันโลหิตสูง เมื่อความดันโลหิตสูงจะทำให้หัวใจทำงานหนัก เส้นเลือดทั่วร่างกายเสื่อม รวมถึงเส้นเลือดที่ไตด้วย  
  • โรคภูมิแพ้ตัวเองหรือโรคลูปัส (SLE) เป็นความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ก่อให้เกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย 
  • โรคนิ่วในไต นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ไตเป็นส่วนหนึ่งของระบบปัสสาวะ เมื่อเกิดการอุดตันจากนิ่วจะกระทบต่อการทำงานของไต 
  • โรคอ้วน ทำให้ไตทำงานหนักในการกรองของเสีย เร่งให้ไตเสื่อมไว และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคไตวายเรื้อรังอีกด้วย

การกินอาหารรสจัด รสจัดในที่นี้ ไม่ใช่เพียงแค่รสเค็ม รวมไปถึงหวานจัด มันจัด หรือเผ็ดจัด ล้วนทำให้ไตทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

มีคำถามเกี่ยวกับ ไตวายเรื้อรัง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

การใช้ยาบางชนิด ยาบางชนิดหรือสารบางตัว เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน จะส่งผลต่อการทำงานไตในระยะยาว เช่น ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อ รวมถึงยาจีน ยาแผนโบราณ อาหารเสริม และสมุนไพรต่าง ๆ ซึ่งอาจมีแร่ธาตุหรือสารเคมีตัวสะสมในร่างกายจนเป็นอันตรายกับไต

การสูบบุหรี่ จะทำให้ความดันโลหิตผิดปกติ ส่งผลต่อระบบหลอดเลือดทั้งร่างกายรวมทั้งที่ไต ทำให้ไตได้รับความเสียหาย

รู้ได้อย่างไรว่าไตวายเรื้อรัง

การวินิจฉัยโรคไตวายเรื้อรังมักจะใช้การตรวจต่อไปนี้

  • การตรวจเลือดดูค่าไตจะช่วยประเมินการทำงานของไต (Glomerular filtration rate: GFR) ส่วนมากจะวัดจากปริมาณไนโตรเจน (Blood nitrogen urea: BUN) และครีเอตินิน (Creatinine: Cr) ซึ่งเป็นของเสียที่ตกค้างอยู่ในเลือด จะมีปริมาณสูงกว่าค่ามาตรฐาน
  • การตรวจปัสสาวะ ถ้าไตมีความผิดปกติ มีการทำงานบกพร่อง จะตรวจพบโปรตีนอัลบูมิน (หรือโปรตีนรั่ว) และเม็ดเลือดแดงปนอยู่ในปัสสาวะ 
  • การตรวจอัลตราซาวด์ และการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) กรณีพบความผิดปกติของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อหาสาเหตุที่กระทบต่อการทำงานของไต เช่น เนื้องอก นิ่ว หรือก้อนเนื้อ โดยอาจเกิดที่ไตหรือในระบบทางเดินปัสสาวะ

นอกจากนี้ อาจมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับอาการผิดปกติ ประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย และดุลยพินิจของแพทย์ที่รักษา

เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจสุขภาพไต 

ไตวายเรื้อรังรักษาอย่างไร เป็นแล้วหายไหม 

การรักษาไตวายเรื้อรังจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิด ระยะของโรค และโรคที่เป็นอยู่ตอนนั้น 

การรักษาต้นเหตุและชะลอการเสื่อมของไต
กรณีพบโรคหรือสาเหตุที่ทำให้ไตวายเรื้อรัง แพทย์จะรักษาสาเหตุที่ทำได้ก่อน และหาทางชะลอความเสื่อมของไต เช่น

  • ควบคุมโรคประจำตัว คนที่มีโรคประจำตัวที่กระทบต่อการทำงานของไต จะต้องควบคุมโรคให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อลดผลกระทบต่อไต โดยเฉพาะโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ที่เป็นสาเหตุหลักนำไปสู่ไตวายเรื้อรัง 
  • ควบคุมอาหาร เมื่อไตทำงานบกพร่อง ทำให้การกำจัดของเสียออกจากร่างกายไม่มีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องคุมอาหาร เพื่อลดการทำงานของไตลง เช่น ไม่กินอาหารรสจัด กินโปรตีนพอเหมาะ กินปริมาณพอดี ไม่มากเกินไป จำกัดปริมาณโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส
  • รักษาด้วยยา แพทย์อาจให้ใช้ยาช่วยควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาลดน้ำตาลในเลือด ยาขับปัสสาวะ ยาลดไขมันในเลือด เป็นต้น
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกาย ไม่ใช่ยาหรือสารต่าง ๆ โดยไม่จำเป็น

การรักษาด้วยวิธีบำบัดทดแทนไต
เมื่อเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้าย ทำให้ไตไม่สามารถทำงานเองได้ เกิดของเสียคั่งในร่างกาย ถ้าไม่ได้รักษาจะส่งผลให้ระบบในร่างกายผิดปกติและเสียชีวิต จึงต้องอาศัย การบำบัดทดแทนไต หรือการบวนการรักษาที่เข้ามาทำหน้าที่แทนไต มีอยู่ 3 ทางเลือก ได้แก่

  • ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) เป็นการนำเลือดออกจากร่างกายไปกรองผ่านเครื่องไตเทียม ทำให้เลือดสะอาด ปรับสมดุลแร่ธาตุและน้ำให้สมดุล ก่อนส่งกลับเข้าสู่ร่างกาย โดยระยะเวลาการฟอกเลือดอยู่ที่ 45 ชั่วโมงต่อครั้ง และต้องทำสัปดาห์ละ 23 ครั้ง
  • ล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal dialysis) เป็นการใช้เยื่อบุช่องท้องของเราเองในการกรองของเสียในเลือด โดยใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้องผ่านสายที่ฝังไว้ถาวร เมื่อครบกำหนดเวลา จะปล่อยน้ำยาล้างไตที่มีแต่ของเสียทิ้ง แล้วใส่น้ำยาใหม่เข้าไปแทนที่ โดยต้องทำต่อเนื่องกันทุกวัน วันละ 46 รอบ 
  • ปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation) เป็นการนำไตที่ยังทำงานได้ดีจากผู้บริจาค มาปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้าย โดยไม่จำเป็นต้องนำไตเก่าออก ทำให้ไตทำงานได้ใกล้เคียงกับไตปกติ แต่ผู้ป่วยต้องกินยากดภูมิต้านทานตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้ร่างกายปฏิเสธไตที่ปลูกถ่ายใหม่ 

ไตวายเรื้อรังป้องกันได้ 

ไตวายเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ บางสาเหตุสามารถป้องกันได้เมื่อดูแลและรักษาแต่เนิ่น ๆ คือ การควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง

รวมถึงควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงปัจจัยที่เอื้อให้เกิดโรคหรือทำให้ไตทำงานหนัก เช่น 

  • ดูแลน้ำหนักให้เหมาะสม โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลายชนิด รวมถึงโรคไต การลดน้ำหนักและรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจะช่วยลดความเสี่ยง
  • ไม่กินอาหารรสเค็มจัด กินอาหารให้ถูกหลัก เลี่ยงอาหารรสเค็มจัด หวานจัด มันจัด ของทอด ไขมันสูง เพิ่มการกินผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มากขึ้น ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 810 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยให้ไตขับของเสียได้ตามปกติ
  • ไม่ใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้ไข้ ยาชุด ยาหม้อ และไม่ซื้อยาที่โฆษณาว่าเป็น “ยาบำรุงไต” มากิน
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ สารนิโคตินและแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำลายไต 
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยควบคุมความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด และน้ำหนักตัว
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมถึงการตรวจปัสสาวะ และตรวจเลือด เพื่อเช็กสุขภาพไตและตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย

ไตมีเพียงคู่เดียว อย่าลืมเช็กสุขภาพไตเป็นประจำ HDmall.co.th คัดสรร โปรตรวจสุขภาพไต เลือกตรวจที่รพ. และคลินิกใกล้บ้านคุณ เช็กราคา และจองโปรราคาพิเศษก่อน พร้อมค่อยใช้

มีคำถามเกี่ยวกับ ไตวายเรื้อรัง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ