ashwagandha

โสมอินเดีย (Ashwagandha)

โสมอินเดีย หรืออาชวากันดา (Ashwagandha) เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์หลากหลาย และถูกนำมาใช้ในการแพทย์แผนโบราณของอินเดีย มาเป็นเวลาหลายศตวรรษ โสมอินเดียมีสารประกอบที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและรักษาอาการต่าง ๆ ได้หลายประการ มีสารออกฤทธิ์หลักที่ชื่อว่า Withanolides

สารบัญ

ประโยชน์ของโสมอินเดีย

1. ลดความเครียดและความวิตกกังวล

  • โสมอินเดียเป็นที่รู้จักกันดีในการเป็นสารปรับสมดุล ซึ่งช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อความเครียดได้ดีขึ้น
  • มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงว่า การบริโภคโสมอินเดียช่วยลดระดับ คอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด จึงช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและความเครียดได้

2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

  • โสมอินเดียช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเพิ่มการผลิตเม็ดเลือดขาว ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น
  • นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอักเสบต่าง ๆ

3. เพิ่มพลังงานและลดความอ่อนเพลีย

  • โสมอินเดียช่วยเสริมสร้างพลังงานและลดอาการอ่อนเพลีย โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเรื่องอ่อนล้าเรื้อรัง หรือรู้สึกหมดพลังงานระหว่างวัน
  • นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความอึดและความทนทานในการออกกำลังกาย จึงเหมาะสำหรับนักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ

4. ช่วยในด้านการนอนหลับ

  • สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่อง นอนไม่หลับ หรือมีอาการนอนหลับไม่เพียงพอ โสมอินเดียสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้
  • มีการศึกษาที่แสดงว่า การรับประทานโสมอินเดียช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น และลดปัญหาการตื่นกลางดึก

5. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

  • โสมอินเดียมีคุณสมบัติในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา เบาหวานชนิดที่ 2 หรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาล
  • การรับประทานโสมอินเดียช่วยให้ร่างกายใช้อินซูลินได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการรักษาและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

6. ปรับสมดุลฮอร์โมนและเสริมสุขภาพทางเพศ

  • โสมอินเดียถูกใช้ในการปรับสมดุลฮอร์โมนในผู้หญิงและผู้ชาย เช่น ช่วยบรรเทาอาการ วัยทอง และเพิ่มความสมบูรณ์ทางเพศในผู้ชาย โดยเพิ่มระดับ เทสโทสเตอโรน
  • ยังช่วยบรรเทาปัญหา การมีบุตรยาก โดยช่วยปรับปรุงคุณภาพของสเปิร์มและการทำงานของระบบสืบพันธุ์

7. บำรุงสมองและความจำ

  • โสมอินเดียมีคุณสมบัติในการเสริมสร้างการทำงานของสมองและช่วยปรับปรุงความจำ ทำให้มีความจำที่ดีขึ้นและช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของสมอง
  • มีการศึกษาที่แสดงว่าโสมอินเดียช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด โรคอัลไซเมอร์ และ พาร์กินสัน โดยการลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเซลล์สมอง

8. ช่วยลดการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ

  • โสมอินเดียมีสาร Withanolides ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
  • จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ และ โรคมะเร็งบางชนิด

โสมอินเดียออกฤทธิ์อย่างไร?

โสมอินเดียประกอบด้วยสารที่ช่วยทำให้สมองสงบลง, ลดการบวม (อักเสบ), ลดความดันโลหิตลง, และปรับสภาพระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย

การใช้และประสิทธิภาพของโสมอินเดีย

ภาวะที่อาจใช้โสมอินเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ความเครียด การทานสารสกัดจากรากของโสมอินเดีย 300 mg สองครั้งต่อวันหลังอาหารเป็นเวลานาน 60 วันจะช่วยลดอาการที่เกิดจากความเครียดได้จริง

ภาวะที่ยังคงขาดหลักฐานว่าใช้โสมอินเดียรักษาได้หรือไม่

  • ลดผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับยาโรคจิต ยาโรคจิต (Antipsychotics) ถูกใช้เพื่อรักษาจิตเภทแต่ก็เป็นยาที่ทำให้ระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น การทานสารสกัดสารอินเดีย 400 mg สามครั้งต่อวันเป็นเวลานานหนึ่งเดือนจะช่วยลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดของผู้ที่ต้องใช้ยากลุ่มนี้ได้
  • ภาวะวิตกกังวล (Anxietyการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ได้แสดงให้เห็นว่าการทานโสมอินเดียสามารถลดอาการหรืออารมณ์วิตกกังวลบางอย่างได้
  • ภาวะสมาธิสั้น (Attention deficit-hyperactivity disorder (ADHD)) การศึกษาวิจัยทางการแพทย์ได้พบว่าการผสานกันของผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีส่วนประกอบเป็นโสมอินเดียจะช่วยเพิ่มระดับสมาธิและการควบคุมตนเองในเด็ก ADHD ได้ แต่สำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีตัวโสมอินเดียเพียงอย่างเดียวนั้นยังคงไม่แน่ชัด
  • โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar disorder) การใช้สารสกัดจากโสมอินเดียเป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยเพิ่มการทำงานของสมองของผู้ที่มีภาวะอารมณ์สองขั้ว
  • ภาวะสมองที่เรียกว่า  cerebellar ataxia การศึกษาเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าโสมอินเดียที่ใช้ร่วมกับการบำบัดอายุรเวชอื่น ๆ จะช่วยปรับสมดุลร่างกายของผู้ที่มีภาวะ cerebellar ataxia
  • อาการเหนื่อยล้าในผู้ป่วยที่กำลังรับการรักษามะเร็ง (เคมีบำบัด) การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้กล่าวว่าการทานสารสกัดโสมอินเดีย 2,000 mg ระหว่างการทำเคมีบำบัดจะช่วยลดการเกิดความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยได้
  • เบาหวาน (Diabetes) มีหลักฐานบางชิ้นที่กล่าวว่าโสมอินเดียสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้
  • คอเลสเตอรอลสูง มีหลักฐานบางชิ้นที่กล่าวว่าโสมอินเดียสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดของผู้ป่วยภาวะคอเลสเตอรอลสูงได้
  • ภาวะมีบุตรยากของผู้ชาย มีหลักฐานทางการแพทย์เบื้องต้นที่กล่าวว่าโสมอินเดียอาจช่วยเพิ่มคุณภาพน้ำเชื้อแต่ไม่เพิ่มจำนวนสเปิร์มในผู้ชายที่มีปัญหามีบุตรยากได้ แต่ยังคงไม่แน่ชัดว่าโสมอินเดียช่วยเพิ่มความสามารถในการมีบุตรจริงหรือไม่
  • ข้อเสื่อม (Osteoarthritisงานวิจัยพบว่าการทานโสมอินเดียร่วมกับ zinc complex, guggul, และ turmeric อาจช่วยบรรเทาอาการข้อเสื่อมได้ แต่สำหรับการใช้เพียงโสมอินเดียเพียงอย่างเดียวยังคงไม่ชัดเจน
  • โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-compulsive disorder (OCD)งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากรากของโสมอินเดียอาจลดอาการของ OCD ลงได้เมื่อทานร่วมกับยาที่แพทย์จัดให้เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ซึ่งจะให้ผลที่ดีกว่าการทานเพียงแค่ยาอย่างเดียว
  • โรคพากินสัน (Parkinson’s disease) งานวิจัยกล่าวว่าการใช้สมุนไพรอย่างโสมอินเดียร่วมกับยาจะช่วยให้อาการของโรคพากินสันดีขึ้น แต่สำหรับการใช้เพียงโสมอินเดียอย่างเดียวนั้นยังคงไม่ชัดเจน
  • โรคข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทานผงจากโสมอินเดียเป็นเวลา 3 สัปดาห์และตามด้วย sidh makardhwaj (ส่วนผสมของทอง, ปรอท, และซัลเฟอร์) จะช่วยให้ผู้ป่วย RA มีอาการดีขึ้นเล็กน้อย แต่สำหรับการใช้เพียงโสมอินเดียเพียงอย่างเดียวนั้นยังคงไม่แน่ชัด
  • ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น งานวิจัยพบว่าการทานสารสกัดจากโสมอินเดียทุกวันเป็นเวลานาน 8 สัปดาห์ร่วมกับการเข้ารับคำปรึกษาจะช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศของกลุ่มผู้หญิงขึ้น ซึ่งนับว่าให้ผลดีกว่าการเข้ารับคำปรึกษาเพียงอย่างเดียว
  • ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • โรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia)
  • กระตุ้นการอาเจียน
  • ปัญหาตับ
  • การป้องกันสัญญาณของการแก่
  • อาการบวม (อักเสบ)
  • เนื้องอก
  • แผลบนชั้นเยื่อบุผิว (Ulcerations)
  • ภาวะสุขภาพอื่น ๆ

จำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานให้มากขึ้นเพื่อให้ข้อมูลด้านประสิทธิผลของโสมอินเดีย

ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของโสมอินเดีย

โสมอินเดียจัดว่าปลอดภัยเมื่อต้องทานเป็นระยะสั้น ๆ ส่วนผลจากการใช้ในระยะยาวยังคงไม่แน่ชัด การบริโภคโสมอินเดียขนาดสูงอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง, ท้องร่วง, และอาเจียนได้ และยังไม่แน่ชัดว่าการทาโสมอินเดียบนผิวหนังนั้นปลอดภัยหรือไม่

คำเตือนและข้อควรระวังเป็นพิเศษ

  • สตรีมีครรภ์และแม่ที่ต้องให้นมบุตร: ห้ามทานโสมอินเดียขณะตั้งครรภ์เพราะเป็นยาที่จัดว่าไม่ปลอดภัยสำหรับผู้มีครรภ์เนื่องจากมีหลักฐานว่าโสมอินเดียทำให้แท้งบุตร แต่สำหรับผู้ที่กำลังให้นมบุตรนั้นยังคงไม่มีข้อมูลใด ๆ แต่เพื่อความปลอดภัย ควรเลี่ยงการใช้โสมอินเดียจะดีที่สุด
  • เบาหวาน: โสมอินเดียอาจลดระดับน้ำตาลในเลือดลง ซึ่งนั่นเป็นการรบกวนยาที่ใช้ในการรักษาเบาหวาน หากคุณเป็นโรคเบาหวานและต้องการใช้โสมอินเดีย ควรดูแลระดับน้ำตาลในเลือดของตนเองอย่างใกล้ชิด
  • ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ: โสมอินเดียอาจทำให้ความดันโลหิตลดลง ซึ่งอาจเข้าไปรบกวนยาที่ใช้รักษาระดับความดันโลหิตสูงได้ ดังนั้นในกลุ่มผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำหรือใช้ยาควบคุมความดันโลหิตควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
  • แผลในกระเพาะอาหาร: โสมอินเดียสามารถสร้างความระคายเคืองแก่ระบบทางเดินอาหารได้ ดังนั้นหากคุณมีแผลในกระเพาะอาหารไม่ควรใช้โสมอินเดียจะดีที่สุด
  • โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง อย่าง multiple sclerosis (MS), โรคพุ่มพวง (lupus (systemic lupus erythematosus, SLE)), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis (RA)), หรือภาวะที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ : โสมอินเดียอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของคุณทำงานมากขึ้น และนั่นจะทำให้คุณประสบกับอาการจากโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองมากขึ้น หากคุณป่วยเป็นโรคในกลุ่มนี้ควรเลี่ยงการใช้โสมอินเดียจะดีที่สุด
  • การผ่าตัด: โสมอินเดียอาจชะลอการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะกังวลว่ายาชาหรือยาอื่น ๆ ที่ใช้ระหว่างการผ่าตัดจะเพิ่มโอกาสเช่นนี้ ดังนั้นควรงดใช้โสมอินเดียเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • ความผิดปรกติที่ต่อมไทรอยด์: โสมอินเดียอาจเพิ่มระดับฮอร์โมนไทรอยด์ขึ้น ดังนั้นควรมีการใช้โสมอินเดียในปริมาณที่เหมาะสม หรือเลี่ยงการใช้ในกรณีที่คุณมีภาวะต่อมไทรอยด์หรือกำลังใช้ยาควบคุมฮอร์โมนไทรอยด์อยู่

ใช้โสมอินเดียร่วมกับยาเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง

  • ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants)
  • ยากล่อมประสาท (Benzodiazepines)
  • ยากล่อมประสาท (CNS depressants)
  • ฮอร์โมนไทรอยด์

โสมอินเดียจะเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันขึ้น ดังนั้นการใช้โสมอินเดียร่วมกับยาที่ลดระบบภูมิคุ้มกันอาจทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง

โสมอินเดียอาจทำให้เกิดอาการง่วงนอน ดังนั้นการทานโสมอินเดียร่วมกับยากล่อมประสาทอาจทำให้เกิดอาการง่วงมากเกินไป

คอยสังเกตอาการเมื่อต้องใช้โสมอินเดียร่วมกับยาเหล่านี้

ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งโสมอินเดียอาจเข้าไปเพิ่มปริมาณการผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ของร่างกายขึ้น การทานโสมอินเดียร่วมกับฮอร์โมนไทรอยด์อาจทำให้ร่างกายมีระดับไทรอยด์มากเกินไป ซึ่งจะเป็นการเพิ่มผลกระทบและผลข้างเคียงของฮอร์โมนไทรอยด์ขึ้น

ปริมาณยาที่ใช้

ขนาดโสมอินเดียที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่นอายุ, สุขภาพ, และภาวะอื่น ๆ ของผู้ใช้ ณ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ชัดขอบเขตที่เหมาะสมของปริมาณยาชนิดนี้ ดังนั้นต้องพึงจำไว้ว่าแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติก็ไม่จำเป็นต้องปลอดภัยทุกครั้ง พยายามปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาและปรึกษากับเภสัชกร, แพทย์, หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพท่านอื่นก่อนใช้โสมอินเดียทุกครั้ง

Scroll to Top