ตกขาวเป็นสีขาว ถือว่าไม่มีความผิดปกติจริงหรือไม่ scaled

ตกขาวสีขาวขุ่น การมีสีขุ่นปกติไหม มีสาเหตุใด

ตกขาวเป็นสารคัดหลั่งบริเวณช่องคลอดซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของผู้หญิง โดยตกขาวจะทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่นบริเวณช่องคลอด และปากมดลูก นอกจากนี้ตกขาวยังสามารถเป็นสัญญาณบอกถึงความผิดปกติของร่างกายได้ เช่น การมีตกขาวสีเขียว สีเหลือง หรือสีแดงอมชมพู

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คุณจะไม่ได้มีตกขาวเป็นสีอื่นที่ผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การมีตกขาวเป็น “สีขาว” คือ ความปกติของร่างกาย ตรงกันข้ามการมีตกขาวสีขาวนั้นอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกายก็เป็นได้ อย่าง ตกขาวสีขาวขุ่น หรือมีสีที่แตกต่างจากเดิม

ลักษณะตกขาวปกติ

ตกขาวปกติจะเป็นมูกเหลวใส มีลักษณะคล้ายแป้งเปียก อาจมีสีขาวปนเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น ไม่ทำให้รู้สึกคัน โดยปกติจะมีทุกวันแต่มักมีปริมาณน้อย ปริมาณตกขาวจะมากขึ้นในช่วงใกล้มีประจำเดือน หรือตกไข่

สาเหตุที่ตกขาวสีขาวขุ่น

แม้จะยังมีตกขาวเป็นมูกสีขาวใสอยู่ แต่หากกลิ่น ความใส เป็นแป้งก้อน แป้งเปียก หรือปริมาณมีการเปลี่ยนแปลงไปก็อาจบ่งบอกว่า ร่างกายของคุณกำลังมีความผิดปกติ หรือกำลังมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น

1. การติดเชื้อรา

การติดเชื้อราบริเวณช่องคลอดมักทำให้ตกขาวเปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีขาวเหลือง สีขาวขุ่น หรือเทา และมีกลิ่นเปรี้ยวคล้ายนมบูด

เชื้อราที่มักทำให้ตกขาวมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ เชื้อยีสต์ (Vaginal Yeast Infection) ชื่อว่า “แคนดิดา อัลบิแคน (Candida Albicans)”

เชื้อราตัวนี้จะส่งผลให้ตกขาวเปลี่ยนเป็นก้อนสีขาวขุ่น หรือคล้ายเศษเนยแข็ง (Cottage cheese) ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว หรือเหลืองเมื่ออาการลุกลามหนักขึ้น

นอกจากนี้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อยีสต์จะมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็วที่สุด

  • ตกขาวมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ผู้ป่วยบางรายอาจมีกลิ่นเหม็นขั้นรุนแรง
  • รู้สึกคันระคายเคืองบริเวณช่องคลอด โดยเฉพาะเวลาปัสสาวะ
  • รู้สึกเจ็บแสบช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
  • รอบๆ อวัยวะเพศ หรือช่องคลอดมีรอยแดง หรือผื่นขึ้น

การติดเชื้อยีสต์ยังเป็นโรคที่พบได้ในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งส่วนมากแพทย์จะให้รักษาโดยการทาครีมต้านเชื้อรา สำหรับผู้ที่มีผื่นรอบๆ อวัยวะเพศ หรือใช้ยาเหน็บช่องคลอดในผู้ที่ติดเชื้อในช่องคลอด ร่วมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น

  • สวมใสกางเกงชั้นในที่ระบายอากาศ ไม่รัดแน่นเกินไป
  • ไม่ปล่อยให้อวัยวะเพศอับชื้น โดยเฉพาะหลังจากอาบน้ำ หรือจากออกกำลังกาย
  • รับประทานโยเกิร์ต หรืออาหารที่ทำให้สมดุลของแบคทีเรียดีในช่องคลอดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การมีประจำเดือน

เมื่อคุณใกล้มีประจำเดือน ตกขาวจะมีลักษณะเหนียวข้นมากขึ้น ไม่เป็นมูกใส บางรายอาจมีตกขาวสีเหลืองเล็กน้อยปนด้วย เราสามารถเรียกช่วงเวลานี้ได้อีกอย่างว่า “ช่วงหลังไข่ตก (Luteal phase)”

หลังจากประจำเดือนหมดไป คุณอาจมีตกขาวเป็นสีน้ำตาล หรือสีแดงซึ่งเป็นเลือดประจำเดือนเก่าที่ยังออกมาไม่หมด

หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน ตกขาวจะมีปริมาณน้อย หรืออาจไม่มีเลย จากนั้นก็จะเพิ่มปริมาณขึ้นโดยมีสีขาวใส เป็นมูกเหนียว หรือเป็นก้อน ซึ่งเป็นช่วงที่ไข่ในระบบสืบพันธุ์เริ่มสุก เราเรียกช่วงเวลานี้ได้อีกอย่างว่า “ช่วงก่อนไข่ตก (Follicular phase)”

3. การตั้งครรภ์

ในวันแรกๆ ของช่วงไข่ตก หรือในช่วงกลางรอบมีประจำเดือน ตกขาวจะมีสีใสมากกว่าสีขาว มีลักษณะเป็นมูกเหนียว ยืดได้ และมีปริมาณมากกว่าปกติ

ผู้หญิงที่กำลังพยายามมีลูก หรือรอวันไข่ตกอยู่สามารถใช้ลักษณะของตกขาวในการรู้ช่วงเวลาไข่ตกของตนเองได้

ในหญิงตั้งครรภ์อ่อนๆ บางรายยังอาจมีตกขาวเป็นสีขาวในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ด้วย

สาเหตุอื่นๆ

ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ตกขาวเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นสีขุ่น เป็นก้อน ได้อีก เช่น

1. การรับประทานยาคุมกำเนิด

การรับประทานยาคุมกำเนิดสามารถส่งผลทำให้ปริมาณตกขาวเพิ่มมากขึ้นได้ เพราะตัวยาได้ไปเร่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระบบสืบพันธุ์ ซึ่งหากคุณไม่สบายใจ ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

2. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคก็สามารถทำให้ตกขาวเกิดการเปลี่ยนแปลงได้

  • โรคหนองในแท้ (Gonorrhea)
  • โรคหนองในเทียม (Chlamydia)
  • โรคติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด (Trichomonas)

โดยตกขาวที่เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มักจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลือง และมีหนองปน ร่วมกับมีกลิ่นแรง ทำให้มีอาการคันระคายเคือง

3. พฤติกรรมการใช้ชีวิตผิดๆ 

วิถีชีวิตที่ไม่คำนึงถึงสุขภาพก็สามารถส่งผลกระทบทำให้ความสมดุลของเชื้อแบคทีเรียดีในช่องคลอดเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ และทำให้ตกขาวเกิดความผิดปกติไปจากเดิม เช่น

  • การสูบบุหรี่
  • การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
  • ไม่รักษาสุขอนามัยบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ให้สะอาด
  • การใช้ห้องน้ำที่สกปรก การใช้สายฉีดในห้องน้ำสาธารณะซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

ตกขาวที่เกิดจากความไม่สมดุลของเชื้อแบคทีเรียดีในช่องคลอดมักมีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นคาวปลา ร่วมกับมีสีขาวขุ่น หรือสีเทา

วิธีสังเกตเกี่ยวกับความผิดปกติของตกขาว

มีวิธีสังเกตง่ายๆ ว่า ตกขาวของคุณผิดปกติหรือไม่ โดยให้สังเกต “กลิ่น” และ “อาการระคายเคือง” เป็นหลัก

หากรู้สึกว่า สีตกขาวยังเป็นปกติ แต่มีกลิ่นเหม็น ร่วมกับมีอาการคันช่องคลอด รอบๆ อวัยวะเพศมีผื่นแดง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

ความผิดปกติของตกขาวที่ควรไปพบแพทย์

หากมีความผิดปกติของตกขาวร่วมกับมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยทันที

  • ตกขาวเปลี่ยนเป็นตกขาวสีขาวขุ่น สีเทา สีเหลือง
  • มีกลิ่นเหม็นรุนแรง
  • มีผื่นแดงรอบอวัยวะเพศ
  • รู้สึกคันระคายเคือง หรือรู้สึกเจ็บแสบขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือปัสสาวะ

ความผิดปกติของตกขาวร่วมกับอาการที่กล่าวไปข้างต้นสามารถส่งผลอันตรายในหญิงตั้งครรภ์ได้ด้วย หรืออาจเป็นสัญญาณของโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ คุณจึงไม่ควรละเลยอาการผิดปกติเหล่านี้อย่างเด็ดขาด

วิธีป้องกันไม่ให้ตกขาวผิดปกติ

วิธีป้องกันไม่ให้ตกขาวเกิดความผิดปกติที่ดีที่สุด คือ การดูแลสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาดเสมอ ได้แก่

  • สวมกางเกงชั้นในที่ไม่รัดจนเกินไป
  • ไม่ปล่อยให้อวัยวะเพศอับชื้น
  • เข้าห้องน้ำสาธารณะที่สะอาด
  • ไม่ใช้น้ำยาพิเศษ หรือสารเคมีในการล้างอวัยวะเพศ ใช้แต่น้ำสะอาดล้างก็เพียงพอแล้ว
  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เช่น ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งและใช้อย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
  • เมื่อมีประจำเดือน ควรหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ1-2 ชั่วโมง
  • งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

เมื่อคุณมีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ หรือรู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ ก็ตาม คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและให้คำแนะนำในการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม


ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. วรรณวนัช เสถียรธรรมมณี


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top