เราเป็นคนนึงที่หน้ากลมมากๆ แถมยังมีปัญหาใต้ตาลึกด้วย เวลาถ่ายรูปเซลฟี่แต่ละทีก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ต้องคอยแต่งรูปปรับดึงคางและปรับใต้ตาให้ดูสดใสอยู่ตลอด
ก่อนหน้านี้เราเคยลองฉีดสลายไขมันมาแล้วครั้งนึง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่ จนได้มาศึกษาเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ เห็นว่าฟิลเลอร์สามารถช่วยปรับรูปหน้าของเราได้ ก็เลยสนใจอยากลองฉีดฟิลเลอร์คางและใต้ตาดูค่ะ
ตอนแรกเรายังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? แต่สุดท้ายก็มาเจอกับรีวิวการฉีดฟิลเลอร์คางและใต้ตา ของ Le Lys Clinic ซึ่งแต่ละเคสก็ได้ผลลัพธ์ออกมาดี สวยถูกใจเรามากๆ
ที่สำคัญคือ Le Lys Clinic เค้ายังโดดเด่นในเรื่องของการปรับรูปหน้าและการฉีดฟิลเลอร์ แถมให้บริการโดยคุณหมอเจนี่ ที่มีประสบการณ์มาแล้วกว่า 10 ปี และคนไข้หลายหมื่นเคส เราจึงมั่นใจและตัดสินใจเลือกใช้บริการที่นี่ทันทีค่ะ
สารบัญ
การเตรียมตัวก่อนใช้บริการ
ก่อนที่จะเข้าไปใช้บริการฉีดฟิลเลอร์ จากข้อมูลที่ได้ศึกษามาเราก็ต้องเตรียมตัวเตรียมความพร้อมกันก่อนดังนี้ค่ะ
- ห้ามกินยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด 1 สัปดาห์ก่อนทำ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค พอนสแตน วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม St. John’s wort น้ำมันกระเทียม เพราะมีผลต่อยาต้านการแข็งตัวของเลือด (ควรปรึกษาคุณหมอที่รักษาก่อนหยุดยา)
- งดทายาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) Retinols Retinoids Glycolic Acid หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging อย่างน้อย 3 วันก่อนทำ
- งดแว็กซ์ผิว ขัดผิว สครับผิว นวดหน้า โกนขน ดึงขน เลเซอร์ บริเวณที่จะทำอย่างน้อย 3 วันก่อนทำ
- ถ้ามีโรคประจำตัว ยาที่กินอยู่เป็นประจำ หรือแพ้ยา ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
และสุดท้ายก็ให้งดกิจกรรมที่ส่งผลให้มีการสูบฉีดไหลเวียนของเลือดมากขึ้น เช่น การออกกำลังกาย ซาวน่า ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนทำด้วยนะคะ
รีวิวโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คางและใต้ตา ที่ Le Lys Clinic
พอถึงวันนัดหมาย ก็เข้ามาที่คลินิกและติดต่อเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ว่ามาใช้บริการฉีดฟิลเลอร์คางและใต้ตาได้เลย
เจ้าหน้าที่ก็จะให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อทำประวัติกับทางคลินิกก่อน จากนั้นก็นั่งรอคิวเข้าพบคุณหมอสักครู่ค่ะ
หลังจากนั่งรอคิวไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้เข้าไปพบคุณหมอในห้องตรวจแล้วค่ะ โดยเริ่มแรกคุณหมอจะสอบถามปัญหาที่เรากังวลก่อนพร้อมกับประเมินโครงหน้าให้ว่าควรฉีดฟิลเลอร์ตรงไหนบ้าง
จากที่คุณหมอประเมิน เราก็ควรฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาและคางค่ะ เนื่องจากเรามีใต้ตาค่อนข้างลึก ถ้าเติมฟิลเลอร์เข้าไปก็จะทำให้ใต้ตาดูเต็มและสดใสขึ้นได้
ส่วนบริเวณคาง คุณหมอบอกว่าเราเป็นคนที่คางสั้นมากเลยทำให้หน้าดูกลม ถ้าเติมคางเข้าไปหน่อยก็จะช่วยทำให้หน้าดูเรียวยาวและดูสมส่วนมากขึ้นค่ะ
โดยการฉีดฟิลเลอร์ครั้งนี้ คุณหมอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ Restylane ที่ใต้ตาข้างละ 1 ซีซี และฉีดฟิลเลอร์ Neuramis ที่คาง 1 ซีซีค่ะ
หลังจากได้ปรึกษาปัญหากับคุณหมอเรียบร้อยแล้ว เราก็รู้สึกเชื่อมั่นในตัวคุณหมอเจนี่มากๆ และก็พร้อมที่จะปรับรูปหน้าให้สวยขึ้นแล้วค่ะ ขั้นตอนต่อไปเราก็ไปเริ่มฉีดฟิลเลอร์กันเลย
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์คางและใต้ตา
สำหรับขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ คุณหมอจะเริ่มฉีดจากบริเวณใต้ตาก่อนค่ะ โดยเจ้าหน้าที่จะเข้ามาเช็ดทำความสะอาดใบหน้าให้ จากนั้นก็นำน้ำแข็งมาประคบเย็นเลย
ระหว่างที่ประคบเย็น คุณหมอก็จะนำกล่องฟิลเลอร์มาให้เราเช็กด้วยว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้และเป็นของใหม่แกะกล่องแน่นอน ทำให้เรารู้สึกมั่นใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
พอเริ่มรู้สึกชาๆ แล้ว คุณหมอก็จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์ที่ใต้ตาข้างซ้ายก่อนค่ะ พอฉีดเสร็จก็จะเอากระจกมาให้ดูว่าข้างที่ฉีดกับยังไม่ฉีดมีความแตกต่างกันยังไงบ้าง
ตอนที่เราดูกระจกก็รู้สึกประทับใจกับผลลัพธ์ที่ได้มากๆ ค่ะ เพราะใต้ตาดูเต็มขึ้นทันทีและมีความสดใสกว่าข้างที่ยังไม่ฉีดอย่างเห็นได้ชัดเลย พอดูผลลัพธ์เสร็จแล้วคุณหมอก็จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาข้างขวาให้ต่อค่ะ
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครบทั้งสองข้างแล้ว ขั้นตอนต่อไปเจ้าหน้าที่ก็จะมาประคบเย็นที่บริเวณคางให้ และคุณหมอก็จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์คางพร้อมกับปรับแต่งทรงตามที่ประเมินไว้เลยค่ะ
สำหรับความรู้สึกตอนฉีดฟิลเลอร์ทั้งบริเวณคางและใต้ตา เนื่องจากเราไม่ได้ใช้ยาชาก่อนก็เลยจะรู้สึกจี๊ดๆ บ้างนิดหน่อยตอนเข็มจิ้มลงไปค่ะ แต่โดยรวมแล้วก็อยู่ในระดับที่ทนได้นะคะ เพราะคุณหมอมือเบามากๆ แถมใช้เวลาไม่นานก็เสร็จแล้ว
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังจากฉีดฟิลเลอร์คางและใต้ตาเสร็จเรียบร้อย คุณหมอก็ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์มาทั้งหมดดังนี้
- 1 วันหลังรับบริการ ให้งดแต่งหน้า งดทาครีมบำรุง แต่สามารถล้างหน้าได้ โดยล้างด้วยโฟมล้างหน้าและซับหน้าให้แห้ง
- 2-3 วันแรกหลังรับบริการ ห้ามนอนราบหรือนอนตะแคง ควรนอนให้ศีรษะสูงกว่าระดับหน้าอก เพื่อป้องกันการโดนกดทับบริเวณที่ฉีด
- 14 วันหลังรับบริการ (หรืออย่างน้อย 48 ชั่วโมงแรก) ให้งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด งดสูบบุหรี่ งดการนั่งหน้าเตาร้อนๆ เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง งดอาหารเผ็ดมาก หวานจัด อาหารหมักดอง อาหารดิบ และอาหารไม่สะอาด
- 2 สัปดาห์ขึ้นไปหลังรับบริการ สามารถทำหัตถการอย่างอื่นได้ เช่น HIFU เลเซอร์ ฉีดฝ้า ฉีดหน้าใส ฉีดโบท็อกซ์
- ห้ามแตะ แกะ เกา กดนวดในจุดที่ทำ
- ควรดื่มน้ำวันละ 1-2 ลิตร เพื่อให้ฟิลเลอร์ฟูและชุ่มน้ำ
- งดการสัมผัสโดนความร้อน เช่น ซาวน่า หรือตากเเดดเป็นเวลานาน
ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์คางและใต้ตา
ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์คางและใต้ตา เรารู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มากๆ ค่ะ เห็นได้ชัดเลยว่าจากเดิมที่ใต้ตาดูลึกโบ๋ ตอนนี้ก็ดูอิ่มฟู มีความสดใสมากขึ้น
ส่วนตรงบริเวณคาง จากเดิมที่เราคางสั้นมากๆ ทำให้หน้ากลม ตอนนี้คางก็ยาวมากขึ้น และทำให้หน้าของเราดูเรียวขึ้นด้วย ทีนี้ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็มั่นใจมากกว่าเดิมแล้วค่ะ
แต่คุณหมอบอกว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นผลชัดเจนขึ้นกว่านี้ตอนที่ฟิลเลอร์เริ่มเข้าที่ดีแล้วประมาณ 7-14 วัน และก็แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆ เพราะฟิลเลอร์ชอบน้ำมาก จะได้ดูอิ่มฟูขึ้นกว่านี้ค่ะ
บรรยากาศของ Le Lys Clinic
บรรยากาศของ Le Lys Clinic โดยรวมแล้วสถานที่ก็สะอาดสะอ้าน ตกแต่งสวยงาม มีพื้นที่รับรองเพียงพอต่อคนที่เข้ามาใช้บริการ ทำให้เข้าไปแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ
ที่สำคัญคือคลินิกตั้งอยู่ที่ Siam square one ชั้น 3 เดินทางสะดวก สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ไปลงที่สถานีสยามได้เลย แถมพอทำสวยเสร็จแล้วก็เดินช้อปปิ้งหาอะไรกินต่อได้ด้วย
ส่วนด้านการให้บริการ เจ้าหน้าที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พูดจาไพเราะ คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอด คุณหมอเจนี่ก็น่ารักมากๆ ใจดี ประเมินปัญหาได้อย่างตรงจุด และคุณหมอก็มีความชำนาญสมคำร่ำลือจริงๆ ค่ะ
เพื่อนๆ คนไหนที่สนใจอยากฉีดฟิลเลอร์อยู่ แต่ไม่รู้จะฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? เราแนะนำให้เข้ามาฝากตัวเป็นลูกสาวคุณหมอเจนี่และใช้บริการฉีดฟิลเลอร์ ที่ Le Lys Clinic เลยค่ะ รับรองไม่มีผิดหวังแน่นอน
โดยเพื่อนๆ สามารถใช้บริการผ่อน 0% นานสูงสุด 6 เดือน กับ HDpay ที่ Le Lys Clinic ได้เลยนะคะ
