ปวดท้อง ปวดหลัง พร้อมกันเพราะเหตุใด ?

ปวดท้อง กับ ปวดหลัง ปกติจะไม่ปวดพร้อมกัน แต่การที่ปวดพร้อมกัน อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคบางอย่างที่ควรไปพบแพทย์ อาการที่อาจพบได้ มีดังนี้

ปวดหลังและปวดท้องส่วนบน

มีอาการปวดหลังและจุกเเน่นช่วงลิ้นปี่หรือหน้าท้องส่วนบนค่ะ​ อึดอัดมาก​นอนลำบาก​ หายใจไม่สะดวกเป็นประมาณ 3 ถึง 5 ชั่วโมง​ เป็นติดกันมา 3 วันแล้วค่ะ​ เกิดจากอะไรคะ​

การมีอาการปวดท้องในลักษณะจุกแน่นที่บริเวณใต้ลิ้นปี่นั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น

  • โรคกระเพาะ จะทำให้มีอาการปวดท้องในลักษณะจุกแน่นใต้ลิ้นปี่ อาการมักเป็นมากขึ้นถ้าหากรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา หรือรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือดื่มน้ำอัดลม เครื่องแอลกอฮอล์
  • กรดไหลย้อน จะทำให้มีอาการจุกแน่นคล้ายโรคกระเพาะได้ แต่จะทำให้มีอาการแสบร้อนกลางอก จุกแน่นคอ เรอบ่อย เรอเหม็นเปรี้ยวร่วมด้วย และอาการมักจะเป็นมากหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ อาการมักเป็นตอนนอนมากกว่าตอนนั่งหรือยืน
  • นิ่วในถุงน้ำดี จะทำให้มีอาการปวดท้องในลักษณะจุกแน่นคล้ายโรคกระเพาะ แต่อาการปวดมักอยู่เยื้องไปทางใต้ชายโครงขวา อาการปวดมักรุนแรงติดต่อกันนานเป็นชั่วโมง อาการจะเป็นมากขึ้นถ้าหากรับประทานอาหารอิ่มจนเกินไปหรือรับประทานของมันๆ

ในเบื้องต้นหมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ

ตอบโดย กันตณัฏฐ์ อยู่ตรีรักษ์ แพทย์ทั่วไป

อาการดังกล่าว อาจเกิดจาก โรคกระเพาะอาหาร หรือ กรดไหลย้อนก็ได้ค่ะ การรักษาโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน ประกอบไปด้วยสองอย่างคือ

1. การปรับชีวิตประจำวัน ควรปรับเรื่อง อาหาร และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการกิน

  • อาหาร ควรเป็นอาหารที่ไม่รสจัด ไม่มัน ไม่หวานจัดเผ็ดจัดเค็มจัด
  • ลดของหวานของมัน เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์และ คาเฟอีน
  • รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
  • หลังกินควรยกหัวสูง คือไม่นอนทันทีค่ะ อย่างน้อย 1-3 ชม
  • หากมียาที่มีผลข้างเคียงที่รับประทานเป็นประจำ ทำให้ปวดท้อง เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน ควรปรึกษาแพทย์

ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุ อาจจะเป็นโรคกระเพาะไม่มีสาเหตุ การติดเชื้อเรื้อรังในกระเพาะอาหาร ก้อน นิ่ว เป็นต้น หลังจากตรวจ อาจจะได้นามารับประทาน ให้รับประทานต่อเนื่อง ร่วมกับการปรับชีวิตประจำวันค่ะและไปตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอค่ะ

2. การใช้ยา โดยทั่วไป ยาสามัญประจำบ้านที่คนไข้สามารถซื้อเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยา alum milk , ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน , simeticone เป็นต้นค่ะ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ค่ะ

สำหรับอาการดังกล่าว เป็นการวินิจฉัยอย่างพอสังเขป การให้การรักษาต้องได้รับการตรวจร่างกายเพิ่มเติมโดยแพทย์ ดังนั้น แนะนำให้ไปตรวจร่างกายที่ รพ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องหากอาการไม่ดีขึ้นค่ะ

ตอบโดย พญ. พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์

ปวดหลัง รอบเอวจนถึงหน้าท้อง

ทำไมปวดหลังตรงเอวแล้วปวดรอบเอวเลยปวดมาด้านหน้าตรงท้องน้อยค่ะ

อาการปวดหลังปวดท้องน้อยตรงกลางอาจเป็นสาเหตุได้ดังนี้ค่ะ เช่น

  1. ติดเชื้อกรวยไตอักเสบ มีอาการปัสาสาวะแสบขัด ปวดหลังปวดบั้นเอว มีไข้
  2. นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของนิ่ว บางคนปวดหลังร้าวมาท้องน้อย หรือร้าวลงขาหนีบ
  3. โรคทางระบบสืบพันธุ์ เช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบหรือปีกมดลูกอักเสบ

อย่างไรหากมีอาการผิดปกติเช่นปวดท้องมาก มีไข้ มีตกขาวผิดดปกติ ควรไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจปัสสาวะหรือตรวจภายในเพิ่มเติมค่ะ

ตอบโดย Witchuda Onmee (พญ.) 

ปวดท้องน้อย ปวดหลัง และปวดน่อง

หมอคะหนูมีอาการปวดท้องน้อยหน่วงๆกับอาการปวดหลังแล้วก็ปวดน่องพร้อมกันนี่เป็นอะไรรึป่าวคะจะท้องก็ไม่ใช่เพราะว่าประจำเดือนก็มาหมอช่วยบอกทีค่ะ

อาการปวดท้องน้อยร่วมกับปวดหลัง สามารถพบได้ในหลายๆ โรคครับ เช่น ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ การเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น

ซึ่งสามารถ วินิจฉัยได้จากการตรวจปัสสาวะ และการ x ray ดูทางเดินปัสสาวะเป็นต้นครับ เพราะฉะนั้นแนะนำลองไปตรวจเพิ่มที่ โรงพยาบาลครับ

ตอบโดย นพ. ปวริศ ยืนยง

ปวดท้องข้างซ้าย ท้องอืด ปวดหลัง

มีอาการท้องอืดและปวดหลังมาเกือบเดือนแล้วค่ะ ตอนนี้มีอาการปวดท้องข้างซ้ายจะรู้สึกปวดเวลาเกรง ขยับตัวตอนลุก เปลี่ยนท่านอน และใช้มือกดจุดที่ปวด ทานอาหารได้ไม่มาก เพราะถ้าทานจนรู้สึกอิ่มจะอืดแน่นท้อง

สวัสดีค่ะ อาการดังกล่าวอาจเป็นการปวดท้องที่ทางการแพทย์เรียกว่า dyspepsia ค่ะ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้องหรือไม่สบายท้องหรืออาหารไม่ย่อย ไม่ใช่โรคแต่หมายถึง กลุ่มอาการของระบบทางเดินอาหารส่วนบน ซึ่งมีลักษณะอาการที่สำคัญคือ มีอาการปวด หรืออึดอัดไม่สบายท้องที่บริเวณกลางท้องส่วนบน โดยอาการมักจะสัมพันธ์กับอาการอื่น ๆ ของทางเดินอาหารส่วนบน เช่น อาการแน่นท้อง อิ่มง่ายกว่าปกติ อืดท้อง มีลมมาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน แสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ หรือแสบร้อนขึ้นมาที่หน้าอก ดังนั้น จึงไม่ใช่โรคแต่เป็นกลุ่มอาการที่สามารถเกิดจากสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น แผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน หลอดอาหารอักเสบ มะเร็งทางเดินอาหารค่ะ

ดังนั้น จึงแนะนำพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ

ตอบโดย นพ. วิภา สุวรรณชีวะศิริ


บทความแนะนำ

คำถามที่เกี่ยวข้อง

Scroll to Top