ฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน ฝั่งเข็มคุมกําเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ได้ผลดีวิธีหนึ่ง แต่บางครั้งก็มีคำถามคาใจ เช่น กี่วันถึงมีอะไรกับแฟนได้ ปล่อยในได้ไหม ฉีดช้าเป็นอย่างไร มีผลข้างเคียงไหม ทำให้มีคนสอบถามกันบ่อย
สารบัญ
ฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน มีผลป้องกันตอนไหน
ฉีดยาคุมแบบ 3 เดือนมาได้เกือบ 1 เดือน มีอะไรกับแฟน หลั่งใน มีโอกาสท้องไหมคะ ?
หากฉีดยาคุมเข็มแรกภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้เลยหลังฉีด
แต่ถ้าฉีดไม่ทัน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน จะต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยอีก 7 วันหลังฉีด
ดังนั้น เมื่อผู้ถามฉีดคุมมาแล้วเกือบ 1 เดือน ไม่ว่าจะเริ่มฉีดทันเวลาดังกล่าวหรือไม่ ก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดจากยาแล้วนะคะ
มีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ค่ะ มีโอกาสตั้งครรภ์ 0.2-6% (ถ้าฉีดยาคุมตรงตามนัดสม่ำเสมอ ตัวเลขจะค่อนไปทางต่ำ)
ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน มีผลข้างเคียงเด่น ๆ คือ การมีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ (มาเร็วไป, ช้าไป, มากไป, น้อยไป, นานไป, สั้นไป หรือไม่สม่ำเสมอ) หรืออาจไม่มีประจำเดือนเลยก็ได้
ดังนั้น ถ้าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติ หรือไม่มีประจำเดือน ยังไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะอาจเป็นผลข้างเคียงจากยาเอง
อย่างไรก็ตาม หากกังวลใจ และต้องการความชัดเจนว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้ค่ะ โดยถ้าใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ แนะนำให้ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
ตอบโดย ภกญ. จินตนา แสงโพธิ์
ฉีดยาคุมแบบ 3 เดือนแล้วมีเพศสัมพันก่อน 7 วัน แล้วกินยาคุมฉุกเฉิน พอครบ 7 วันกับการฉีดแลัวมีเพศสัมพันตามปกติได้ไหมคะ ?
ส่วนใหญ่แนะนำให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยใน 7 วันแรกหลังฉีดยาคุมกำเนิดเข็มแรกก่อนครับ หลังครบ7วันเเรกค่อยมีเพศสัมพันธ์ หลั่งในได้ครับ เเต่ถ้าเริ่มฉีดตั้งเเต่ช่วงมีประจำเดือน อันนี้มีเพศสัมพันธ์ได้เลยครับ
การกินยาคุมฉุกเฉิน ก็จะช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ครั้งก่อนหน้าที่กินยา เเต่อาจมีผลข้างเคียงเรื่องเลือดออกกระปริบกระปรอยมากขึ้น
กรณีคนไข้หมอว่า หลังจากฉีดยาคุมครบ 7 วัน สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ครับ เเละควร ตรวจการตั้งครรภ์ อย่างเร็ว 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งที่คิดว่าเสี่ยงท้องครับ
ชุดตรวจมีหลากหลายครับ ในรายละเอียดอาจจะต่างกันบ้าง ให้ดูตามคำเเนะนำในกล่องน่าจะดีที่สุดแต่โดยทั้วไปก็คือให้ปัสสาวะใส่ภาชนะ จุ่มที่ทดสอบลงไประยะเวลาหนึ่ง เอาขึ้นมาตั้ง รอเวลา แล้วจึงอ่านผล
วิธีการเก็บปัสสาวะตรวจก็มีผลต่อการแปลผลมาก ผลจะแม่นที่สุดควรจะต้องเป็นปัสสาวะครั้งแรกตอนเช้าที่เพิ่งตื่นนอนมาเพราะจะเป็นปัสสาวะที่เข้มข้น ถ้ามี hCG อยู่ก็จะตรวจพบได้ง่ายกว่า
ชุดตรวจส่วนใหญ่จะแสดงผลเป็นขีดๆ โดยขีดแรกเป็นเส้น control จะต้องขึ้นเสมอไม่ว่าจะท้องหรือไม่ ถ้าไม่ขึ้นแปลว่าที่ตรวจนั้นเสีย ส่วนขีดที่สองถึงจะเป็นตัวบอกว่ามี hCG อยู่
ตอบโดย นพ. วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์
มีเพศสัมพันธ์ ก่อนฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน
มีนัดฉีดยาคุมแบบ 3 เดือนครั้งต่อไป แต่หลั่งในก่อน มีโอกาสท้องไหม และถ้าเปลี่ยนจากฉีดยาคุม เป็นทานยาคุม ควรทานวันที่หมอนัดฉีดได้เลนไหมค่ะ หรือทานก่อนได้ไหมค่ะ มีผลไหมคะ ?
หากยังอยู่ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมชนิดฉีด จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.2 – 6% จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก และถ้าฉีดยาคุมตรงตามนัดสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.2% ดังนั้น แนะนำให้ไปฉีดยาคุมต่อให้ตรงวันนัดนะ
ส่วนจะรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดในวันนี้เลยก็ได้ค่ะ หรืออย่างช้า ให้เริ่มรับประทานในวันที่ครบกำหนดฉีดยาคุมตามนัดนะคะ ไม่ว่าจะเริ่มเลย หรือรอให้ครบวันนัดฉีดยา ก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกัน จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ
แต่ยาเม็ดคุมกำเนิด ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 – 9% นั่นคือประสิทธิภาพด้อยกว่ายาฉีดคุมกำเนิดเล็กน้อย และอาจเกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิดได้ง่ายถ้าลืมรับประทานยา ต่างจากยาฉีดที่ไม่ต้องบริหารยาบ่อย ๆ จึงมีโอกาสผิดพลาดน้อยกว่า ดังนั้น หากผู้ถามต้องการจะเปลี่ยนไปรับประทานยาคุมรายเดือนแทนการฉีดยาคุมกำเนิด จะต้องรับประทานยาคุมให้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ
ตอบโดย ภกญ. จินตนา แสงโพธิ์
ฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน ครบกำหนด ฉีดที่อื่นได้ไหม
พอดีครบกำหนดฉีดยาคุม ฉีด แบบ 3 เดือน แต่มาทำงานที่ต่างจังหวัดแล้ว เริ่มฉีดที่ใหม่ได้เลยไหมคะ ?
เริ่มฉีดได้ครับ ถ้าครบกำหนดพอดีก็ฉีดได้เลย เเต่ถ้าช้ากว่ากำหนด ถ้าจะฉีด ต้องชัวร์ว่าไม่ได้ท้องอยู่ครับ (เช่น หลังครบกำหนด ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ หรือใส่ถุงยางตลอด)
แนะนำให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยใน 7 วันแรกหลังฉีดยาคุมกำเนิดเข็มแรกก่อนครับ หลังครบ 7 วันเเรกค่อยมีเพศสัมพันธ์ หลั่งในได้
การฉีดยาคุม
- หลักๆ จะมียาฉีดสองเเบบคือ เเบบสามเดือน(ฮอร์โมนเดี่ยว) กับแบบหนึ่งเดือน(ฮอร์โมนรวมครับ)
- กรณีเป็นฮอร์โมนเดี่ยว(โปรเจสเตอโรน)ส่วนใหญ่ฉีดทุกสามเดือนครับ อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอย ประจำเดือนไม่มา น้ำหนักขึ้นได้ หากหยุดฉีดกว่าจะกลับมาตกไข่ มีลูกได้ใช้เวลาประมาณ10-12เดือนครับ
- ส่วนฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจน+โปรเจสเตอโรน) จะฉีดทุก1เดือน หลังฉีด วันที่21เป็นต้นไป จะมีเลือดประจำเดือนตามรอบได้ครับ (คล้ายกินยาคุมแบบเเผง)
เเบบฮอร์โมนรวมถ้าหยุดฉีด เดือนถัดไป ไข่ตก มีลูกได้ตามรอบครับ
การเริ่มฉีด
- เริ่มใช้เข็มแรกภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้เลย มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในได้ไม่ต้องใช้ถุงยางครับ
- เริ่มใช้เข็มแรกหลังจากช่วง 7 วันเเรกของประจำเดือน ต้องมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ (เช่น หลังจากมีประจำเดือนล่าสุดจนถึงวันที่จะฉีดยา ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์) หลังฉีดจะยังไม่มีผลคุมกำเนิด ต้องงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนหรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปอีก 7 วันหลังฉีดยาครับ
การฉีดยาคุมรายสามเดือน ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือ เลือดประจำเดือนออกกระปริบกระปรอยครับ บางคนฉีดไปนานๆ ประจำเดือนจะหายไปได้ ครับ หลังหยุดฉีดยา กว่าไข่จะตกมีประจำเดือนปกติได้ จะประมาณ9-12เดือนครับ(ดังนั้นหลังหยุดฉีด จะกลับมาท้องได้ช้ากว่าชนิดฉีดทุก1เดือน
หรือ ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฉีดทุกหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นฮอร์โมนรวม ก็จะมีผลข้างเคียงเหมือนยาคุมเเบบเเผงรายเดือนครับ เช่น คลื่นไส้อาเจียน คัดเต้านม เวียนหัว เเต่จะมีประจำเดือนตามรอบ หยุดฉีดเเล้วกลับมาตกไข่ มีประจำเดือนได้เร็วครับ
ตอบโดย นพ. วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์
บทความที่เกี่ยวข้อง
คำถามสุขภาพที่พบบ่อย