ยานอร์อีธิสทีโรน (Norethisterone) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มฮอร์โมนโพรเจสติน (Progestin) สำหรับใช้ในยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดรับประทาน และใช้ในการรักษาภาวะหมดประจำเดือนโดยเป็นฮอร์โมนทดแทน รวมถึงใช้ในการรักษาความผิดปกติทางนรีวิทยาด้วย
นอร์อีธิสทีโรน เป็นยาเม็ดรับประทานที่มีวางจำหน่ายทั้งในรูปแบบขนาดสูง ขนาดต่ำ และมีในรูปแบบผสมกับยาเอสโตรเจนด้วย (ชนิดฮอร์โมนรวม) นอกจากนี้ ยานอร์อิธีสทีโรนยังมีการทำเป็นสารประกอบผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม (Prodrug) ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ในรูปของนอร์อิธีสทีโรนอะซิเตท (Norethisterone acetate) และนอร์อีธิสทีโรน อีแนนเธท (Norethisterone enanthate) โดยยาทั้งสองตัวนี้มีข้อบ่งใช้ และมีฤทธิ์ในการรักษาแบบเดียวกันกับนอร์อีธีสทีโรน ซึ่งมีอนุพันธ์อยู่ 2 ตัว ได้แก่ เลโวนอร์เจสเทรล (Levonergestrel) และดีโซเจสเทรล (Desogestrel)
สารบัญ
- สรรพคุณของยา Norethisterone
- กลไกการออกฤทธิ์ของยา Norethisterone
- ข้อบ่งใช้ของ Norethisterone
- ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทาน Norethisterone
- ข้อควรระวังของการใช้ Norethisterone
- ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ Norethisterone
- ข้อมูลการใช้ Norethisterone ในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร
- ประเภทของยาตามองค์การอาหารและยา ประเทศไทย
- สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลในการสั่งใช้ Norethisterone
สรรพคุณของยา Norethisterone
- อาการเลือดออกในช่องคลอด
- ภาวะประจำเดือนขาดทั้งแบบปฐมภูมิ และทุติยภูมิ
- กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)
- สำหรับการเลื่อนประจำเดือน
- สำหรับเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- สำหรับอาการปวดประจำเดือน
กลไกการออกฤทธิ์ของยา Norethisterone
ตัวยาสำคัญ “นอร์อิธิสทีโรน (Norethisterone)” ซึ่งเป็นยากลุ่มอนุพันธ์ฮอร์โมนเพศ นอร์อิธิสทีโรนมีฤทธิ์แบบเดียวกันกับโพรเจสเทอโรน (Progesterone) และมีบทบาทในการเปลี่ยนผนังมดลูกจากระยะแบ่งตัว (proliferative phase) ให้เข้าสู่ระยะหลังไข่ตก
นอกจากนี้ นอร์อิธิสทีโรนยังออกฤทธิ์แบบเดียวกันกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogenic) และฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายด้วย
นอร์อิธิสทีโรนยังสามารถใช้เพื่อเลื่อนเวลาการเกิดประจำเดือนให้ช้าลง หรือควบคุมการเกิดประจำเดือน ในกรณีที่มีความผิดปกติของการเกิดประจำเดือน
นอกจากนี้ ตัวยานอร์อิธิสทีโรน ยังมีฤทธิ์ในการคุมกำเนิด เนื่องมาจากกลไกการยับยั้งย้อนกลับ (negative feedback) ของฮอร์โมนกอแนโดโทรฟิน (Gonadotrophin) ที่หลั่งมาจากต่อมพิทูอิทารี จนเป็นผลให้ไม่เกิดการตกไข่
ข้อบ่งใช้ของ Norethisterone
- ข้อบ่งใช้สำหรับเลือดออกในช่องคลอด
- รับประทาน 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 10 วัน เพื่อป้องกันการเป็นซ้ำ
- รับประทาน 1 เม็ด วันละ 2 – 3 ครั้ง ในช่วงวันที่ 19 ถึง 26 ของรอบเดือน จำนวน 3 รอบเดือน
- ข้อบ่งใช้สำหรับประจำเดือนขาดทั้งแบบปฐมภูมิและทุติยภูมิ
- เริ่มใช้เป็นเวลา 8 สัปดาห์ หลังจากการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย
- ข้อบ่งใช้สำหรับกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)
- รับประทาน 1 เม็ด วันละ 2 – 3 ครั้ง ในช่วงวันที่ 19 ถึง 26 ของรอบเดือน
- ข้อบ่งใช้สำหรับเลื่อนการมีประจำเดือน
- รับประทาน 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลาน้อยกว่า 10 ถึง 14 วัน โดยเริ่มยา 3 วันก่อนวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือน
- ประจำเดือนจะมาหลังจากหยุดยาได้ 2 ถึง 3 วัน
- ข้อบ่งใช้สำหรับเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- เริ่มยาวันที่ 5 ของรอบเดือน จำนวน 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง
- เพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด วันละ 2 ครั้งเมื่อเริ่มมีเลือดประจำเดือน
- เมื่อประจำเดือนหมด ให้เริ่มขนาดยาเริ่มต้นใหม่
- ระยะเวลาในการรักษา 4 ถึง 6 เดือน
ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทาน Norethisterone
หากลืมรับประทาน Norethisterone ตามเวลาปกติที่รับประทาน
- ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้จำนวน 1 เม็ดโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมรับประทาน
- ในกรณีลืมรับประทานยาใกล้กับเวลารับประทานถัดไป ให้รับประทานยาในมื้อถัดไปในขนาด 1 เม็ด โดยข้ามยาในมื้อที่ลืมไปและไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด
ข้อควรระวังของการใช้ Norethisterone
- ห้ามใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคตับระดับรุนแรง
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรค Dubin-Johnson Rotor ที่มีประวัติหรือมีเนื้องอกที่ตับ
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคดีซ่าน หรือมีอาการคันอย่างรุนแรงในระหว่างตั้งครรภ์
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคเริมในสตรีมีครรภ์
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคลิ่มเลือดอุดตัน
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีเนื้องอกที่ตับหรือมะเร็งที่ตับที่อาจนำไปสู่การเกิดเลือดออกในช่องท้อง
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติภายในช่องท้องระดับรุนแรง
ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ Norethisterone
ตัวยา Norethisterone อาจก่อให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่
- โรคซึมเศร้า
- โรคดีซ่าน (Porphyria)
- อาการชัก
- ปวดไมเกรน ปวดศีรษะ
- คัดเต้านม
- มึนงง คลื่นไส้ อาเจียน
- ความต้องการทางเพศเปลี่ยนแปลง
- อยากอาหาร
- น้ำหนักตัวเพิ่ม
- ประจำเดือนมาผิดปกติ หรือไม่มีประจำเดือน
- อาการบวมน้ำ
- เกิดผื่น เกิดฝ้า สิว ผื่นลมพิษ
- การทำงานของตับผิดปกติ
- อารมณ์แปรปรวน
- นอนไม่หลับ
- เกิดการอุดตันของลิ่มเลือด
- ประสาทตาอักเสบ
- รบกวนระดับไขมันของร่างกาย
ข้อมูลการใช้ Norethisterone ในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร
สำหรับการใช้ตัวยา Norethisterone ในสตรีมีครรภ์ ตัวยาจัดอยู่ในกลุ่ม Category X คือ ไม่แนะนำให้ใช้ยาในหญิงมีครรภ์ เนื่องจากตัวยาสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
สำหรับหญิงให้นมบุตร ไม่แนะนำให้ให้นมบุตรในระหว่างการรับประทานยาตัวนี้ด้วย
ประเภทของยาตามองค์การอาหารและยา ประเทศไทย
ยา Norethisterone จัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย จำหน่ายเฉพาะในร้านขายยาแผนปัจจุบัน ที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งเป็นผู้จ่ายยาเท่านั้น
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลในการสั่งใช้ Norethisterone
แพทย์ และเภสัชกรสามารถให้ข้อมูลการใช้ยา Norethisterone ได้อย่างปลอดภัย ผู้ป่วยควรแจ้งข้อมูลเหล่านี้แก่แพทย์ หรือเภสัชกรเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วย และลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายจากการใช้ยา
- แจ้งข้อมูลการใช้ยารักษาโรคประจำตัว ยาที่เพิ่งรับประทานก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงวิตามิน และสมุนไพร ในกรณีมียาประจำตัวจำนวนมาก ให้พกยามาด้วย เพื่อให้แพทย์ หรือเภสัชกรช่วยตรวจสอบก่อนสั่งจ่ายยาใหม่
- แจ้งประวัติการแพ้ยา หรืออาการแพ้ที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือแพ้อาหารชนิดใดอยู่ เนื่องจากยาบางชนิดมีส่วนประกอบของไข่ขาว นม ยีสต์ ซึ่งมักทำให้เกิดอาการแพ้ หรือให้นำบัตรแพ้ยาพกติดตัว และแสดงบัตรนี้แก่แพทย์ และเภสัชกรก่อนเข้าตรวจสุขภาพทุกครั้ง
- แจ้งข้อมูลในกรณีที่มีการตั้งครรภ์ หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยาบางชนิดส่งผลอันตรายต่อเด็กในครรภ์ หรือสามารถขับออกทางน้ำนมได้
- แจ้งข้อมูลที่จะส่งผลต่อการรับประทานยา เช่น มีปัญหาการกลืนลำบาก มีปัญหาด้านการมองเห็นหรืออ่านฉลากยา วิธีการรับประทานยา เพื่อแพทย์หรือเภสัชกรจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง
ยา Norethisterone อาจสร้างผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้หากรับประทานอย่างไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกับหญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพื่อให้การคุมกำเนิดของคุณเป็นไปอย่างปลอดภัย ไม่มีภาวะแทรกซ้อนในภายหลัง ให้คุณปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตนเองก่อน