ภาวะกระดูกหักสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ประสบอุบัติเหตุรุนแรง ความเปราะบางของกระดูกเมื่ออายุมากขึ้น แต่หลังจากที่กระดูกหักแล้ว หลายคนอาจคิดว่าการรักษาคงทำได้แค่รอเวลาจนกว่ากระดูกใหม่จะสร้างขึ้นมาเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่า การกินอาหารที่เหมาะสม และมีประโยชน์ อาจช่วยให้กระดูกกลับมาสมานกันได้เร็วขึ้นและสามารถเชื่อมต่อกันได้
สารบัญ
อาหารสำหรับผู้ที่กระดูกหัก
หากอยู่ในระยะฟื้นตัว ร่างกายจะต้องการสารอาหารมาเพื่อบำรุงส่วนที่สึกหรอ ฉะนั้นควรเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการดังต่อไปนี้
1. แคลเซียม
แคลเซียมมีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างกระดูกที่แข็งแรงให้เรา ดังนั้นการรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มที่มีแคลเซียมสามารถช่วยเยียวยากระดูกที่หักได้ ซึ่งผู้ใหญ่ควรได้รับแคลเซียมวันละ 1,000-1,200 มิลลิกรัม
โดยสามารถหาแคลเซียมได้จากอาหารดังต่อไปนี้
- นม
- โยเกิร์ต
- ชีส
- คอททาจชีส
- บรอกโคลี
- เทอร์นิพ
- ผักเคล
- ผักกาดกวางตุ้ง
- ถั่วเหลือง
- ถั่วฝัก
- ทูนากระป๋อง
- แซลมอน
- นมอัลมอนด์
- ซีเรียลหรือน้ำผลไม้แบบฟอร์ติไฟด์
ส่วนอาหารเสริม หรือวิตามินเสริมด้านแคลเซียม แพทย์จะเป็นผู้แนะนำเองว่า คุณจำเป็นต้องรับประทานแคลเซียมแบบอาหารเสริมหรือไม่ และต้องรับประทานปริมาณท่าไร
2. โปรตีน
เมื่อกระดูกหัก ร่างกายจำเป็นต้องได้รับโปรตีนเพื่อสร้างกระดูกใหม่ เนื่องจากโครงสร้างของกระดูกประมาณครึ่งหนึ่งมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้มันยังช่วยให้ร่างกายได้รับและใช้แคลเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อการมีกระดูกที่แข็งแรง
อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน อาจมีดังนี้
- เนื้อ
- ปลา
- นม
- ชีส
- คอททาจชีส
- โยเกิร์ต
- ถั่วเปลือกแข็ง
- เมล็ดพันธุ์
- ถั่วฝัก
- ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง
- ซีเรียลฟอร์ติไฟด์
3. วิตามินดี
วิตามินดีมีส่วนช่วยให้เลือดรับ และใช้แคลเซียมรวมถึงสร้างแร่ธาตุในกระดูก ในช่วงพักฟื้นร่างกายหลังกระดูกหัก ควรได้รับวิตามินดีอย่างน้อย 600 IU ต่อวัน และคนที่มีอายุเกิน 70 ปี ควรได้รับสารอาหารชนิดนี้อย่างน้อยวันละ 800 IU
อาหารที่เป็นแหล่งวิตามินดี อาจมีดังนี้
- ปลากระโทงดาบ
- แซลมอน
- น้ำมันตับปลา
- ปลาซาร์ดีน
- ตับ
- นมและโยเกิร์ตแบบฟอร์ติไฟด์
- ไข่แดง
- น้ำส้มแบบฟอร์ติไฟด์
นอกจากการรับวิตามินดีจากอาหารแล้ว ร่างกายยังสามารถรับวิตามินดีเมื่อแสงแดดสัมผัสกับผิว ดังนั้นการใช้เวลาอยู่นอกบ้านวันละ 15 นาทีจึงเป็นความคิดที่ดี
4. โพแทสเซียม
การรับประทานแร่ธาตุชนิดนี้อย่างเพียงพอจะช่วยให้คุณไม่เสียแคลเซียมเมื่อปัสสาวะ ซึ่งมีผลไม้สดหลายชนิดที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม
- กล้วย
- น้ำส้มคั้น
- มันฝรั่ง
- ถั่วเปลือกแข็ง
- เมล็ดพันธุ์
- ปลา
- เนื้อ
- นม
หากคุณไม่แน่ใจว่า ร่างกายของตนเองมีสารอาหารที่จำเป็นเพียงพอหรือยัง การไปตรวจสุขภาพ หรือตรวจวิตามิน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเพื่อให้คุณได้รู้ว่า ตนเองจะต้องปรับมื้ออาหารที่ตนเองรับประทานทุกวันอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับสภาพร่างกาย
5. วิตามินซี
วิตามินซีช่วยร่างกายผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญสำหรับกระดูก ทำให้กระดูกที่หักหายเป็นปกติ ซึ่งคุณสามารถพบวิตามินซีได้ในผลไม้และผักหลายชนิด เช่น
- ส้ม
- กีวี
- เบอร์รี
- น้ำมะเขือเทศ
- พริกไทย
- มันฝรั่ง
- ผักสีเขียว
แต่ทั้งนี้การบ่มหรือนำอาหารเหล่านี้ไปผ่านความร้อนสามารถทำให้วิตามินซีสลายไปได้ ทางที่ดีให้คุณรับประทานแบบสดหรือแช่แข็ง
6. ธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กมีส่วนสำคัญในการทำเซลล์เม็ดเลือดแดงมีคุณภาพเพียงพอที่จะไปเลี้ยงบำรุงบาดแผลต่างๆ ธาตุเหล็กช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพื่อสร้างกระดูกใหม่อีกครั้ง อีกทั้งยังช่วยให้ออกซิเจนเข้าไปในกระดูกเพื่อช่วยในการเยียวยาได้
โดยธาตุเหล็กมีอยู่ในอาหารดังต่อไปนี้
- เนื้อแดง
- ไก่งวง
- น้ำมันปลา
- ไข่
- ผลไม้แห้ง
- ผักใบเขียว
- ขนมปังโฮลเกรน
- ซีเรียลแบบฟอร์ติไฟด์
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
ในช่วงที่คุณกำลังรักษาตัว อาหารที่คุณควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้
1. แอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่กระดูกหักจะไปชะลอกระบวนการเยียวยากระดูก กระดูกจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้ช้าลง นอกจากนี้มันยังทำให้คุณปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสให้คุณลื่นล้มระหว่างเดินไปห้องน้ำหรือบาดเจ็บที่กระดูกเดิมมากขึ้น
2. กาแฟ
การดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้วต่อวันสามารถชะลอการฟื้นตัวของกระดูกเล็กน้อย รวมถึงยังทำให้คุณปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งหมายความว่าแคลเซียมจะถูกขับออกผ่านทางปัสสาวะมากขึ้น แต่การดื่มกาแฟหรือชาปริมาณปานกลางก็ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
3. เกลือ
การใส่เกลือในอาหารมากเกินไปสามารถทำให้คุณสูญเสียแคลเซียมในปัสสาวะมากขึ้น ซึ่งเกลืออาจแฝงอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่มีรสเค็มเช่นกัน ดังนั้นคุณควรตรวจสอบสลากของอาหารก่อนซื้อ และจำกัดการรับประทานเกลือให้ได้ประมาณ 1 ช้อนชา หรือ 6 กรัมต่อวัน
จะเห็นได้ว่าการรับประทานอาหารก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดว่า กระดูกของคุณจะกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้นหรือช้าลง หากตอนนี้คุณกำลังเผชิญกับภาวะกระดูกหัก คุณก็อย่าลืมบำรุงกระดูกโดยรับประทานอาหารที่เรากล่าวไป และหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพกระดูก เพื่อที่คุณจะได้กลับมามีกระดูกที่แข็งแรงได้ในเร็ววัน