ฉีดโบลดกราม แก้ปัญหากรอบหน้าใหญ่จนเสียความมั่นใจ

การมีรูปกรามที่ใหญ่อาจส่งผลทำให้กรอบหน้าดูไม่เรียวหรือเป็นวีเชปอย่างที่หลายคนชื่นชอบได้ สถานพยาบาลเสริมความงามหลายแห่งจึงได้เปิดให้บริการทำหัตถการต่างๆ เพื่อลดขนาดกรามให้เล็กลง ผ่านทั้งนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ

โดยหนึ่งในที่วิธีลดกรามที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ก็คือ การฉีดโบท็อกซ์ หรือเรียกบริการชนิดนี้แบบสั้นๆ กระชับว่า “ฉีดโบลดกราม”

ฉีดโบลดกรามคืออะไร? ช่วยอะไร?

ฉีดโบลดกราม คือ วิธีลดสันกรามให้ดูเล็กลง ผ่านการฉีดสาร “โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin)” ซึ่งเป็นสารโปรตีนสกัดจากแบคทีเรียชื่อว่า “คลอสทริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum)” ลงไปที่ชั้นกล้ามเนื้อบดเคี้ยว (Chew Muscles หรือ Masticatoy Muscle) ซึ่งอยู่บริเวณกราม เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว และทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวกระชับเข้าหากัน จนขนาดใบหน้าดูเล็กลง

ข้อดีของฉีดโบลดกราม

นอกจากการฉีดโบลดกรามแล้ว ก็ยังมีตัวเลือกการรักษาอื่นๆ ที่แพร่หลายเช่นกัน เช่น การทำอัลเทอร์รา (Ulthera), การทำเทอร์มาจ (Thermage), การฉีดฟิลเลอร์, การร้อยไหม, การผ่าตัดศัลยกรรมตัดกระดูกกราม

แต่หากเทียบข้อดีของการฉีดโบลดกรามที่ต่างจากวิธีอื่นๆ อาจมีดังนี้

  • ราคาค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับการลดกรามด้วยวิธีอื่นๆ บางวิธี เช่น การทำอัลเทอร์รา การทำเทอร์มาจ หรือการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมมิติของใบหน้าซึ่งก็สามารถช่วยปกปิดขนาดกรามที่ใหญ่ได้ โดยวิธีเหล่านี้จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ในขณะที่การฉีดโบลดกรามเป็นวิธีลดกรามที่มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่หลักพันไปจนถึงหมื่น
  • อาจเจ็บน้อยกว่าวิธีอื่น เช่น การผ่าตัด การร้อยไหม หรือแม้แต่การทำอัลเทอร์รา เพราะการฉีดโบลดกรามในปัจจุบันมักฉีดบริเวณผิวส่วนบน ในขณะที่อัลเทอร์ร่านั้นอาจเจ็บลึกลงไปถึงภายใต้ชั้นผิว
  • ไม่ต้องพักฟื้น เมื่อฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซินเสร็จแล้ว ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นร่างกายแต่อย่างใด แต่อาจมีการหลีกเลี่ยงบางกิจกรรมในช่วงแรกเท่านั้น จึงจัดเป็นการทำหัตถการที่ประหยัดเวลา ไม่ทำให้ต้องเสียเวลาเตรียมตัว หรือดูแลตนเองหลังทำมากมาย

อย่างไรก็ตาม แต่ละวิธีเองก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไป จึงไม่อาจตัดสินได้ว่าวิธีไหนดีกว่าวิธีไหน เพราะขึ้นอยู่กับความสะดวกใจและวัตถุประสงค์ในการใช้บริการแต่ละรูปแบบ ของผู้เข้ารับบริการมากกว่าด้วย

เช่น ผู้เข้ารับบริการบางท่านไม่ชอบเข็มฉีดยา หรืออยากลดขนาดเหนียง และความกระชับส่วนอื่นๆ นอกจากบริเวณกรามด้วย ก็อาจเลือกเป็นรับบริการทำอัลเทอร์ราหรือเทอร์มาจแทน

หรือผู้เข้ารับบริการอยากจะให้ผิวกรามมีขนาดเล็กลงไปตลอดชีวิต โดยไม่ต้องกลับมารับบริการที่สถานพยาบาลซ้ำๆ บ่อยๆ ก็อาจเลือกเป็นผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อลดขนาดกระดูกกรามไปเลยในครั้งเดียว

ข้อเสียของการฉีดโบลดกราม

แม้จะเป็นการทำหัตถการที่ราคาถูก ไม่ค่อยเจ็บ ไม่ต้องพักฟื้นใดๆ แต่การฉีดโบลดกรามก็แฝงไปด้วยจุดด้อยบางประการที่ผู้เข้ารับบริการควรรับทราบล่วงหน้า เพื่อประกอบการตัดสินใจ

  • อาจต้องฉีดร่วมกับบริเวณอื่นๆ เช่น บริเวณแก้ม กรอบหน้า คาง เหนียง ผิวคอ เพราะการฉีดโบลดกรามเพียงจุดเดียวก็อาจทำให้ผิวหนังส่วนอื่นดูหย่อนคล้อยกว่าบริเวณกรามอย่างเห็นได้ชัด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดของแพทย์แต่ละสถานพยาบาล และปัญหาผิวของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านด้วย
  • เสี่ยงเกิดความผิดปกติทางระบบประสาท ซึ่งส่วนมากมักเกิดจากความไม่เชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีดหรือการฉีดด้วยสารโบทูลินัม ท็อกซินของปลอม เช่น คิ้วหรือหนังตาตก ปากเบี้ยว ยิ้มได้ไม่สุด
  • อาจไม่เห็นผลลัพธ์ในทันที โดยส่วนมากต้องรอประมาณ 2-8 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
  • ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ได้ตลอดไป โดยส่วนมากผลลัพธ์จากการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซินจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน จากนั้นขนาดกรามที่เคยเล็กก็จะค่อยๆ กลับมามีขนาดปกติ ต้องกลับมาฉีดซ้ำจึงจะคงผลลัพธ์เอาไว้ได้อีก

ข้อควรระวังที่ควรรู้ของฉีดโบลดกราม

อีกข้อมูสำคัญที่ผู้สนใจฉีดโบลดกรามควรรู้คือ การฉีดโบลดกรามเป็นการลดขนาดกรามในระดับชั้นกล้ามเนื้อ โดยเป็นการทำให้กล้ามเนื้อกรามหดตัวเล็กลง ส่งผลให้หน้าดูเรียวเล็กขึ้น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชั้นผิว ชั้นไขมัน หรือกระดูกกรามที่ใบหน้า

ผู้ที่มีขนาดกรามใหญ่จากการสะสมของไขมันที่ใบหน้า หรือมีขนาดกระดูกกรามที่ใหญ่อยู่แล้ว การฉีดโบลดกรามอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ช่วยทำให้ใบหน้าของคุณเรียวเล็กลงได้มากนัก เนื่องจากสารโบทูลินัม ท็อกซินไม่ได้ไปแตะต้องปัจจัยทำให้โครงหน้าดูใหญ่ของคุณในส่วนนี้

ดังนั้นก่อนตัดสินใจจะลดกรามด้วยวิธีใดๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน หรือวิธีอื่นๆ ก็ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินโครงสร้างใบหน้า เพื่อให้แพทย์แนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าเสียก่อน

ฉีดโบลดกรามเหมาะกับใคร

การฉีดโบลดกรามเหมาะกับกลุ่มผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างใบหน้าและเงื่อนไขการรับบริการต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากชั้นกล้ามเนื้อที่ใหญ่ หรือเยอะเกินไป
  • ผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ และมีงบประมาณในการเปลี่ยนแปลงใบหน้าอยู่ที่หลักพันถึงหมื่นต้นๆ
  • ผู้ที่อยากลดขนาดกรามเพียงชั่วคราว ไม่ได้ต้องการผลลัพธ์ในระยะยาวถึงหลักปี
  • ผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์จากการลดขนาดกรามเห็นผลค่อนข้างเร็ว ภายในประมาณ 2 สัปดาห์

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดกราม

ก่อนฉีดโบลดกรามจะมีกระบวนการเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนเล็กน้อยที่ผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตาม ได้แก่

  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาประจำตัวที่ใช้อยู่ปัจจุบัน เนื่องจากในยาบางกลุ่มอาจต้องมีการงดล่วงหน้าก่อนรับบริการ เช่น ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-inflammatory Drugs: NSIAD) ยากลุ่มไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) แอสไพริน (Aspirin) วิตามินอี น้ำมันปลา
  • งดการทาครีมบำรุงผิวที่มีสารวิตามินเอ เช่น สารเรติน-เอ หรือ tretinoin (retin-a) สารเรตินอยด์ (Retinoid) กรดไกลโคลิค (Glycolic Acid) หรือหากไม่แน่ใจ ให้สอบถามกับทางแพทย์เสียก่อน
  • งดการเสริมความงามหรือรับบริการเกี่ยวกับผิวที่อาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคือง หรือมีแผล เช่น โกนขน เลเซอร์ขน เลเซอร์ผิว สครับผิว นวดหน้า ประมาณ 3 วันก่อนรับบริการ
  • งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ 48 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
  • หากรู้สึกกลัวเข็มฉีดยาหรือกลัวเจ็บ อาจแจ้งขอรับยาชากับสถานพยาบาลก่อนรับบริการเพื่อความมั่นใจ

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดกราม

  • ควรนอนหมอนสูงใน 1 คืนแรกหลังฉีด
  • ห้ามนอนราบใน 3-4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
  • หากมีอาการบวมแดง สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
  • หมั่นขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ ในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อให้สารโบทูลินัม ท็อกซินกระจายตัวเข้ากล้ามเนื้อให้มากที่สุด
  • งดการกด นวด บีบบริเวณที่ฉีด รวมถึงงดการใส่อุปกรณ์หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดแรงกดบริเวณใบหน้าด้วย เช่น การใส่หมวกกันน็อค การนวดหน้า การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายบางชนิด
  • สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ให้แต่งเบาๆ อย่ากดหรือสัมผัสผิวแรงๆ
  • งดการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อน เช่น การอบซาวน่า การแช่น้ำร้อน การแช่สปา และงดออกกำลังกายอย่างหนักประมาณ 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
  • งดทายาในกลุ่มที่มีกรดวิตามินเอหรือวิตามินซีในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด

ฉีดโบลดกรามแล้วดูธรรมชาติไหม?

การฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน ไม่ว่าบริเวณใดๆ ก็ตาม ต้องผ่านการดูแลและฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดสารชนิดนี้เท่านั้น รวมถึงต้องมีความระมัดระวังในการกำหนดปริมาณที่ฉีดให้เหมาะสมด้วย

มิฉะนั้นการฉีดโบลดกรามอย่างไม่เหมาะสมอาจทำให้โครงสร้างใบหน้าและการแสดงสีหน้าต่างๆ ของผู้เข้ารับบริการดูแปลกได้ เช่น หน้าดูตึง ยิ้มได้ไม่เต็มที่หรือยิ้มได้อย่างไม่สุด กรอบหน้าดูเล็กไม่สมส่วนกับองค์ประกอบใบหน้าส่วนอื่นๆ เช่น ขนาดดวงตา ขนาดปาก หรือรูปคาง

ผลข้างเคียงของการฉีดโบลดกราม

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปจากการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน คือ อาการผิวบวม แดง มีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 2-3 วัน อาการเหล่านี้ก็ก็จะค่อยๆ หายไปเอง

แต่หากผู้เข้ารับบริการเผชิญกับผลข้างเคียงอื่นๆ ที่รุนแรงกว่านั้น ก็ให้รีบกลับมาพบแพทย์โดยด่วน เช่น

  • ผิวเป็นผื่นแดง
  • หน้าแข็ง หน้าตึง หรือรู้สึกว่าไม่สามารถขยับเคลื่อนกล้ามเนื้อบริเวณหรือรอบๆ ผิวที่ฉีดได้
  • หางคิ้วกระดก
  • หนังตาตก
  • ปากเบี้ยว
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • เวียนศีรษะ หรือปวดศีรษะอย่างต่อเนื่อง
  • การมองเห็นแย่ลง

ฉีดโบลดกรามเจ็บไหม?

การฉีดโบลดกรามมักไม่เจ็บมาก แม้จะเป็นการทำหัตถการแบบเข็ม แต่ส่วนมากแทบทุกสถานพยาบาลก็จะมักจะมีการทายาชาและประคบเย็นให้ผิวชาก่อนเริ่มรับบริการ จึงทำให้การฉีดโบลดกรามในปัจจุบันให้ความรู้สึกเจ็บค่อนข้างน้อย และมักอยู่ที่บริเวณผิวส่วนบนเท่านั้น ต่างจากการลดกรามด้วยวิธีทำอัลเทอร์ราหรือทำเทอร์มาจที่จะทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บอยู่ภายใต้ชั้นผิวเป็นจังหวะ

การฉีดโบลดกรามเป็นทางเลือกในการลดขนาดกรามที่ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม คุณก็ต้องศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์เพื่อให้แน่ใจเสียก่อนว่า ปัญหาขนาดกรามที่เกิดขึ้นนั้นเหมาะกับการแก้ปัญหาด้วยการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซินจริงๆ เพื่อความคุ้มค่าและการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนดังที่คาดหวัง


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจฉีดโบทูลินัม ท็อกซิน

Scroll to Top