กะเพรา เป็นผักที่มีจุดเด่นคือกลิ่นหอมฉุนและรสชาติเผ็ดร้อน ยิ่งเมื่อถูกความร้อน ยิ่งใีกลิ่นชวนให้น่ารับประทานยิ่งขึ้นจึงไม่แปลกที่เมนูพื้นๆ อย่าง “ผัดกระเพรา” จะครองใจคนไทยมาช้านาน หากินได้ง่ายๆ ตั้งแต่ร้านอาหารตามสั่งข้างทางไปจนถึงร้านอาหารหรู ว่าแต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า มากกว่าความอร่อย กะเพรายังประโยชน์ต่อสุขภาพหลายๆ ด้านด้วย
สารบัญ
รู้จักกะเพรา
กะเพรา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum tenuiflorum L. เป็นไม้ล้มลุกอายุยืน สูงประมาณ 30-80 เซนติเมตร ลำต้นแข็งแรง มีกิ่งก้านอ่อนสีเขียวและมีขนปกคลุม ใบมีลักษณะเป็นรูปรี ปลายใบแหลม หรือมน ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ออกดอกเป็นช่อซ้อนกันแบบช่อฉัตรที่ปลายยอด กลีบดอกมีสีชมพูแกมม่วง ผลเป็นแบบแห้งแล้วแตกออกภายในมีเมล็ดรูปไข่สีน้ำตาลดำ
กะเพรามีด้วยกัน 2 ชนิดคือ กะเพราขาวและกะเพราแดง นิยมใช้กะเพราแดงในแง่ของยาและใช้กะเพราขาวประกอบอาหาร
การใช้ประโยชน์ที่นิยมที่สุดคือ “ใบ” เพราะมีสรรพคุณขับลม แก้จุกเสียด แน่นท้อง ช่วยย่อยอาหาร แก้คลื่นเหียนอาเจียน “เมล็ด” นำไปแช่น้ำจะพองตัวขึ้น ใช้พอกตาเมื่อผง หรือฝุ่นละอองเข้าไป และสุดท้าย “ราก” ต้มกับน้ำร้อนดื่ม แก่โรคธาตุพิการ ในอินเดียจัดให้กะเพราเป็นยาอายุวัฒนะ และเป็นราชินีแห่งสมุนไพร สามารถนำมารักษาโรคได้มากมาย
คุณค่าทางโภชนาการของกะเพรา
อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน รองลงมาได้แก่ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอะซีน น้ำ วิตามินซี ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก
คุณค่าอาหารที่สำคัญสำหรับใบกะเพราประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 2 กรัม)
ใบสด | ใบแห้ง | |
แคลอรี่ | 0.6 | 5 |
วิตามิน A | 3% of the RDI | 4% of the RDI |
วิตามิน K | 13% of the RDI | 43% of the RDI |
แคลเซียม | 0.5% of the RDI | 4% of the RDI |
เหล็ก | 0.5% of the RDI | 5% of the RDI |
แมงกานีส | 1.5% of the RDI | 3% of the RDI |
หมายเหตุ: เปอร์เซนต์ RDI คือ ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
ประโยชน์ของกะเพรา
ช่วยขับไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย
มีฤทธิ์ในการลดระดับของไขมันในร่างกาย มีการทดลองใช้ใบกะเพราในกระต่ายทดลองโดยให้กระต่ายกินใบกะเพราเป็นเวลา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน ผลปรากฎว่า ระดับไขมันโดยรวมในกระต่ายลดลงโดยเฉพาะไขมันเลว ในขณะที่ไขมันชนิดดีกลับเพิ่มขึ้น
ช่วยควบคุมโรคเบาหวาน
มีฤทธิ์ในการขับไขมันและน้ำตาลที่เป็นส่วนเกินออกจากร่างกายได้จึงช่วยลดระดับของน้ำตาลในเลือดได้ดี กะเพราจึงสามารถป้องกันโรคเบาหวานได้ ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่ากะเพราทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยในขณะที่อดอาหารและหลังมื้ออาหารลดลงในระหว่างที่เข้ารับการทดลอง ซึ่งระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยในขณะที่อดอาหารลดลงไปร้อยละ 17.6 ในขณะที่ระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากผู้ป่วยทานอาหารลดลงร้อยละ 7.3
ป้องกันโรคมะเร็ง
สามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งในช่องปากได้ โดยมีการนำเอาสารสกัดชนิดน้ำและชนิดผงจากใบกะเพราแบบเข้มข้นและแบบอ่อนมาทดลองกับเซลล์มะเร็งช่องปาก พบว่า สารสกัดทั้งสองนั้นมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งในช่องปากได้อย่าง นอกจากนี้ยังพบว่า สารที่สกัดจากใบกะเพราด้วยเอทิลแอลกอฮล์ มีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ และมะเร็งผิวหนังในหนูเม้าส์ได้
รักษาสุขภาพในช่องปาก
งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้มีการศึกษาประเด็นเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพในช่องปาก โดยแบ่งผู้ทดลองให้ใช้น้ำยาบ้วนปากจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ผลการทดลองพบว่า ผู้ที่บ้วนปากด้วยกะเพรามีระดับคราบพลัคและอาการเหงือกอักเสบลดลงเมื่อเทียบกับผู้ที่ใช้คลอร์เฮกซิดีน ที่สำคัญยังไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ อีกด้วย
ใช้ประกอบเมนูอาหารได้อย่างหลากหลาย
นอกจากจะมีสรรพคุณช่วยในการรักษาโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดีแล้ว เรายังสามารถนำใบกะเพราไปประกอบเป็นเมนูอาหารจานเด็ดและน่าสนใจได้อีกมากมาย เช่น แกงป่า แกงเลียง แกงคั่ว แกงเขียวหวาน แกงส้มมะเขือขื่น ผัดหมู ผัดกบ ผัดปลาไหล พล่าปลาดุก และพล่ากุ้ง เป็นต้น หรือหากจะเพิ่มสีสันและความอร่อยให้กับเมนูอื่นๆ ก็ทำได้ด้วยการนำใบกะเพรามาทอดแล้วใช้โรยหน้าอาหาร เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้จานอาหารดูมีสีสันหน้าทานและให้รสชาติที่อร่อย แถมยังช่วยดับกลิ่นคาวเนื้อสัตว์ได้ในตัวอีกด้วย
เพิ่มน้ำนมให้คุณแม่หลังคลอด
คุณแม่หลังคลอดสามารถเอาใบกะเพรามาใส่ผสมลงไปในเมนูอาหารต่างๆ ได้ตามต้องการโดยเฉพาะอย่างยิ่งแกงเลียง จะช่วยให้มีน้ำนมมากพอที่จะให้ลูกน้อยดื่มกิน
แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
มีประโยชน์ช่วยแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้เป็นอย่างดี โดยการตำใบกะเพราผสมเข้ากับเหล้าขาว แล้วนำมาทาบริเวณที่ถูกสัตว์มีพิษกัดต่อยก็ช่วยแก้พิษได้แล้ว ทั้งนี้ไม่ควรนำส่วนผสมที่ได้มารับประทานเด็ดขาด เนื่องจากจะมีสารยูจีนอลที่ทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
ไอเดียการกินกะเพราเพื่อสุขภาพ
นอกจากเมนูอาหารดังที่นำเสนอไปดังกล่าวก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ใช้กะเพราเป็นส่วนประกอบเพื่อเพิ่มความหอมฉุนและความเผ็ดร้อน โดยเฉพาะเมนูแกงเผ็ดและเมนูต้มยำบางเมนู
ไข่เจียวใบกะเพรา
ตอกไข่ ตีให้เข้ากัน เหยาะน้ำปลา และซีอิ๊วอย่างละเล็กน้อย แล้วเด็ดใบกะเพราใส่ลงไปพอประมาณ ตีให้เข้ากันแล้วทอด ในกระทะที่ใส่น้ำมันร้อน ๆ จะได้ไข่เจียวที่ทั้งหอมและมีรสชาติอมเผ็ดนิดๆ
ใบกะเพราทอดกรอบ
เด็ดใบกะเพรา แล้วลงไปทอดในน้ำมันเดือด ๆ จะได้ใบกะเพราทอดกรอบที่มีรสชาติทั้งกรอบทั้งมัน รับประทานคู่กับทอดมันก็อร่อย หรือจะเอามาโรยบนอาหารทอดชนิดต่าง ๆ ก็รับประทานเพลินไม่แพ้กัน และที่ต้องลองคือ ยำใบกะเพราะทอด มีวิธีทำง่ายๆ คือ ทอดใบกะเพราแล้วนำมาคลุกเคล้ากับน้ำยำรสชาติเข้มข้น โรยด้วยไข่ต้ม กุ้งสับ หรือหมูสับ
ผัดฉ่าปลาหมึก
เป็นเมนูเผ็ดร้อน ที่เหมาะสำหรับนำมารับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือจะทำเป็นกับแกล้มก็ดีไม่น้อย วิธีทำก็แค่ตำกระเทียมกับพริกขี้หนูให้เข้ากัน ตั้งกะทะใส่น้ำมันไว้ให้เดือด ใส่ปลาหมึกลงไปผัดให้สุก ปรุงรสตามชอบด้วยด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย และน้ำซุป จากนั้นให้ใส่ใบมะกรูด กระชาย พริกชี้ฟ้า พริกไทยสด ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วใส่ใบกะเพรา เป็นอันเรียบร้อย
ข้าวต้มทะเลใส่ใบกะเพรา
เปลี่ยนข้าวต้มจืด ๆ เป็นข้าวต้มที่กระตุ้นเลือดลมและเรียกเหงื่อสุดแสนอร่อยแค่เติมใบกะเพราลงไป วิธีทำคือ ทำข้าวต้มตามปกติ แล้วใส่ใบกะเพราปิดท้าย แล้วยกเสิร์ฟทันที กลิ่นหอมของใบกะเพราจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารมากยิ่งขึ้น ในผู้ที่เป็นหวัด หรือมีอาการคัดจมูก ถ้าได้ทานเมนูนี้เข้าไปจะช่วยให้หายใจสะดวกมากยิ่งขึ้น
น้ำกะเพรา
เป็นเมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงเพราะได้ทั้งรสชาติอร่อยและยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายได้อีกด้วย เพียงแค่นำใบกะเพราไปต้มในน้ำให้เดือด เติมน้ำตาลอ้อย หรือน้ำตาลมะพร้าวลงไปให้หวานเล็กน้อย เมนูนี้เพียงแค่ได้กลิ่นก็จมูกโล่งไปถึงคอ
ไอเดียการใช้กะเพราเพื่อสุขภาพ
- แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน จุกเสียดแน่นท้อง : นำใบกระเพราไปตากแดดไว้ให้แห้ง แล้วใช้ใบแห้งประมาณ 4 กรัม นำมาชงกับน้ำร้อนดื่มวันละ 1-2 ครั้ง
- ช่วยรักษาอาการปวดมวนในท้อง : นำใบกะเพราสดมาคั้นเอาแต่เฉพาะน้ำให้ได้ 1 แก้วเป๊ก หรือ 1 ถ้วยตะไล แล้วดื่มทันที อาการปวดท้องจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 10-15 นาที
- รักษาโรคผิวหนังและอาการลมพิษ : ใช้ใบกะเพราสด 1 กำมือ ตำให้แหลกแล้วเอามาผสมกับเหล้าขาว จากนั้นนำมาทา หรือเอาใส่ขวดสเปรย์พ่นไปที่ผิวหนังที่มีอาการ ทำวันละ 2 ครั้ง สูตรนี้สามารถใช้รักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้เช่นกัน
- ใช้เป็นยารักษาโรคหูด : นำใบกะเพราชนิดสีแดงสดมาขยี้จากนั้นนำไปทาบริเวณที่เป็นหูด ทาทุกเช้าและเย็น ทำจนกว่าหัวหูดจะหลุดออกมา ทั้งนี้ควรระมัดระวังอย่าให้เข้าตา หรือไปถูกบริเวณที่ไม่ได้เป็นหูด เพราะน้ำยางกะเพราะที่ใช้กัดหูดมีความเป็นพิษมาก อาจทำให้ผิวหนังในส่วนที่ดีเกิดการระคายเคือง หรือร้ายไปกว่านั้นอาจเน่าเปื่อยได้ ซึ่งรักษาให้หายได้ยากอีกด้วย
- ใช้ในการไล่ยุง : บอกลาปัญหายุงมากวนใจได้เลย เพียงนำใบกะเพราและกิ่งมาขยี้จนน้ำมันหอมระเหยออกมาแล้วนำมาวางไว้ใกล้ตัว แค่นี้ก็ช่วยไล่ยุงและแมลงต่างๆ ได้แล้ว
ข้อควรระวังของกะเพรา
- เป็นพืชที่มีรสเผ็ดร้อน หากรับประทานมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการร้อนในได้
- เลือกใช้แบบปลอดสารพิษ หรือหากปลูกเองได้จะดีที่สุด
- หากใช้เพื่อการรักษาควรเลือกใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไป
รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ชอบสั่งผัดกะเพราแล้วเขี่ยใบออกไปไว้ข้างๆ จาน ไม่ยอมรับประทานอาจต้องพิจารณากันใหม่ พยายามลองรับประทานบ่อยๆ แล้วคุณจะรู้ว่า กะเพรามีรสชาติอร่อย ไม่ขมอย่างที่เข้าใจ แถมยังได้สรรพคุณทางยาอีกด้วย