Allopurinol (อัลโลพูรินอล)

ยาอัลโลพูรินอล (Allopurinol) เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคเกาต์ (Gout) โรคนิ่วในไตบางชนิด และใช้เพื่อป้องกันการเพิ่มขึ้นของระดับกรดยูริก (Uric acid) ในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็งเหล่านี้จะมีระดับกรดยูริกในร่างกายสูงขึ้นเนื่องจากการปลดปล่อยกรดยูริกออกมาจากเซลล์มะเร็งที่ตายแล้ว ยา Allopurinol ออกฤทธิ์โดยลดการสร้างกรดยูริกจากร่างกาย การเพิ่มขึ้นของระดับกรดยูริกเป็นสาเหตุของโรคเกาต์และโรคไตได้

ในไทยนิยมใช้ allopurinol 100 mg และ allopurinol 300 mg ขึ้นกับระดับกรดยูริกของผู้ป่วย

สรรพคุณของยา Allopurinol

  • รักษาโรคเกาต์: ช่วยลดการสร้างกรดยูริกในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดและอักเสบในข้อต่อจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อต่อ
  • ป้องกันการเกิดนิ่วในไต: สามารถลดการสะสมของกรดยูริกในไต ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดนิ่วจากกรดยูริก
  • รักษาภาวะกรดยูริกในเลือดสูง (hyperuricemia): โดยการลดระดับกรดยูริกในเลือด ซึ่งมีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะนี้ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งอาจทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงเกินไป

กลไกการออกฤทธิ์

Allopurinol จะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ xanthine oxidase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีบทบาทในการเปลี่ยนพิวรีน (purine) เป็นกรดยูริก โดยการยับยั้งเอนไซม์นี้จะช่วยลดการผลิตกรดยูริกในร่างกาย

วิธีใช้ยา Allopurinol

  • การใช้ยาอัลโลพูรินอล (Allopurinol) ขนาด 100mg หรือ 300mg โดยทั่วไปให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง หรือตามแพทย์สั่ง สามารถทานก่อนหรือหลังอาหารมื้อไหนก็ได้  แต่แนะนำให้รับประทานหลังอาหาร เพื่อป้องกันอาการข้างเคียงทางระบบทางเดินอาหาร
  • แนะนำให้รับประทานยาพร้อมน้ำ 1 แก้ว และดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้ว/วัน แต่ถ้าหากแพทย์แนะนำให้คุณจำกัดปริมาณของเหลวที่รับประทานในแต่ละวัน อันเนื่องมาจากโรคอื่นๆ ขอให้ปรึกษาแพทย์สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม แพทย์อาจแนะนำวิธีในการลดปริมาณกรดในปัสสาวะของคุณ เช่น ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามินซีในปริมาณมาก
  • ขนาดยาที่คุณได้รับ จะขึ้นกับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษาของคุณ รับประทานยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ผลจากการรักษาเต็มที่ และเพื่อไม่ให้คุณลืมรับประทานยา แนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดิมของทุกวัน
  • สำหรับการรักษาโรคเกาต์ อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผลการรักษาชัดเจน คุณอาจมีอาการของโรคเกาต์อยู่อีกเป็นเวลาหลายเดือนหลังจากเริ่มใช้ยา ขณะที่ร่างกายกำลังขับกรดยูริกส่วนเกินออกไป
  • ยาอัลโลพูรินอล (Allopurinol) ไม่ใช่ยาแก้ปวด ในการบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากโรคเกาต์ คุณจะต้องรับประทานยาสำหรับอาการเกาต์ต่อไปตามแพทย์สั่ง (ตัวอย่างรายการยา เช่น Colchicine, Ibuprofen, Indomethacin)
  • หากรับประทานยาไประยะหนึ่งแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือยิ่งแย่ลง ต้องรีบแจ้งแพทย์ให้ทราบ

ผลข้างเคียงของยา Allopurinol

ผู้ป่วยบางรายอาจแพ้ยา Allopurinol ระหว่างใช้ยาอาจมีอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย หรือง่วงนอน หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ควรแจ้งแพทย์ทันที การใช้ยานี้ได้รับการประเมินแล้วว่าให้ประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ผลข้างเคียงร้ายแรงพบได้น้อย ผู้ป่วยหลายรายไม่มีอาการข้างเคียงร้ายแรง แจ้งแพทย์หากมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง เช่น ชา ปวดแปลบที่แขนขา เลือดออกง่าย ฟกช้ำ อาการติดเชื้อ (ไข้ เจ็บคอเรื้อรัง) อ่อนเพลียผิดปกติ หรืออาการโรคไต (เปลี่ยนแปลงปริมาณปัสสาวะ ปวด หรือมีเลือดในปัสสาวะ)

อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ขอให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อควรระวังในการใช้ยา Allopurinol

  • ถ้าคุณแพ้ยา Allopurinol หรือแพ้ยานี้อย่างรุนแรง หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมให้สอบถามจากเภสัชกร
  • ก่อนการใช้ยา Allopurinol ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็น โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
  • ยานี้อาจทำให้มีอาการง่วงนอน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้มีอาการง่วงนอนมากขึ้น ห้ามขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่จำเป็นต้องอาศัยการตื่นตัว จนกว่าคุณจะสามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจลดประสิทธิภาพของยานี้ แนะนำให้จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
  • ปกติแล้วการทำงานของไตจะแย่ลงเมื่อคุณอายุมากขึ้น ยานี้เป็นยาที่ขับออกทางไต ดังนั้นผู้สูงอายุอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากขึ้นขณะที่ใช้ยานี้
  • ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ โดยให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ขณะตั้งครรภ์
  • ยา Allopurinol ผ่านไปยังน้ำนมได้ ดังนั้นหากเป็นหญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรแล้วจำเป็นต้องรับประทานยานี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ปฏิกิริยาระหว่างยา Allopurinol กับยาอื่น

การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับ Allopurinol

ซึ่งหากคุณกำลังใช้ยาเหล่านี้อยู่ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ

การได้รับยา Allopurinol เกินขนาด

หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา Allopurinol เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที

ข้อควรปฏิบัติหากลืมรับประทานยา Allopurinol

ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า

Scroll to Top