ปฏิเสธไม่ได้ว่า การมีดวงตาที่กลมโตและมีองศาความโค้งพอดีกับโครงใบหน้า เป็นอีกตัวสร้างสเน่ห์ให้กับเจ้าของดวงตาได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม จากโครงสร้างดวงตาพื้นฐานของหลายๆ คนก็อาจรู้สึกว่าไม่สามารถขับความสดใสและความน่าดึงดูดใจออกมาจากดวงตาได้ และทำให้หลายคนอยากปรับแก้รูปตาของตนเองใหม่
นอกจากนี้หลายคนยังมีปัญหารูปตาที่มีสาเหตุมาจาก “ภาวะหนังตาตก (Blepharoptosis)” ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและผิวเปลือกตา ที่ส่งผลทำให้ผิวเปลือกตาด้านบนตกลงมาต่ำบดบังลูกตา ทำให้ภาพลักษณ์และโครงสร้างตรงตำแหน่งดวงตาดูไม่สวยงาม
สารบัญ
ยกหางตาคืออะไร?
ยกหางตา (Brow Lift) คือ วิธีเสริมความสวยงามให้กับอวัยวะดวงตา ด้วยการยกส่วนท้ายของรูปตาให้สูงขึ้นหรือให้มีองศาที่สวยงามต่อโครงสร้างดวงตาทั้งหมดมากขึ้น
ยกหางตามีกี่แบบ?
วิธีการยกหางตาแบ่งออกได้หลายวิธี โดยรูปแบบที่นิยมทำกันในปัจจุบันแบ่งออกได้ 5 วิธี ได้แก่
1. ยกหางตาด้วยการร้อยไหม
การยกหางตาด้วยวิธีร้อยไหมมักมีชื่อเรียกสั้นๆ อีกชื่อว่า “ร้อยไหม Foxy Eyes” จัดเป็นวิธีการยกหางตาที่ไม่ต้องผ่าตัดและค่อนข้างได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถเสริมให้หางตาดูโฉบเฉี่ยวได้ถึงที่สุด โดยแพทย์จะวางยาชา จากนั้นจะใช้เส้นไหมพิเศษที่ปลอดภัยต่อร่างกายร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อตรงหางตาให้สูงขึ้น
จำนวนและประเภทเส้นไหมที่ใช้ยกหางตาในแต่ละบุคคลจะไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาดวงตาที่แพทย์ประเมิน รวมถึงตำแหน่งของดวงตาที่ต้องการปรับรูปทรงใหม่
ระยะเวลาของผลลัพธ์จากการยกหางตาด้วยวิธีร้อยไหมจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่ความแข็งแรงของเส้นไหมที่แพทย์เลือกใช้ และปัญหาดวงตาของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่าน
2. ยกหางตาด้วยวิธีฉีดสาร Butulinum Toxin A
สารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Butulinum Toxin A) หรือ “สารโบท็อก” ที่หลายคนอาจเคยได้ยินคุ้นหู เป็นสารที่มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ที่ตำแหน่งเส้นประสาทกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัวจนริ้วรอยและความหย่อนคล้อยลดลง จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีการยกหางตาให้ดูเข้ารูปกับโครงสร้างโดยรวมของดวงตาได้
3. ยกหางตาด้วยการทำ Ulthera
เครื่อง Ulthera คือ เครื่องปล่อยพลังงานคลื่นอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (Focus Ultrasound) เพื่อเข้าไปสร้างความร้อนที่ชั้นผิว SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ส่งผลให้เส้นใยคอลลาเจนที่ชั้นผิวตำแหน่งนั้นเกิดการหดตัว ทำให้ผิวตึงและกระชับมากขึ้น สามารถทำได้หลายบริเวณตั้งแต่ตำแหน่งรอบดวงตา ไปจนถึงหน้าผาก รอบหน้า โหนกแก้ม เหนียงใต้คาง
4. ยกหางตาด้วยวิธีทำ Thermage
เป็นแนวทางการยกหางตาที่คล้ายกับวิธีการทำ Ulthera แต่จะเป็นการใช้เครื่อง Thermage ซึ่งเป็นเครื่องปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency: RF) เข้าไปปรับแก้เส้นใยคอลลาเจนผิวที่เสื่อมตัวและหย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับอีกครั้ง สามารถทำได้หลายบริเวณเช่นกัน ตั้งแต่หน้าผาก รอบดวงตา โหนกแก้ม กรอบหน้า ไปจนถึงใต้คาง
5. ยกหางตาด้วยวิธีผ่าตัดยกหางตา
เป็นวิธีแก้ไขปัญหาหนังตาตกหรือรูปตาที่ไม่สวยงามด้วยการผ่าตัดส่วนดวงตาโดยเฉพาะ โดยแพทย์จะพิจารณาเทคนิคการผ่าตัดให้ผู้เข้ารับบริการเป็นรายบุคคลไป ตามแต่ปัญหาดวงตาที่ประเมินก่อนผ่าตัด
ผู้เข้ารับบริการบางท่านอาจผ่าตัดเพียงเพื่อยกองศาส่วนหางตาเพื่อเปิดให้ดวงตาดูโตและคมมากขึ้น บางท่านอาจยกหางตาร่วมกับปรับตาสองชั้นให้ดูกลมโตและเห็นเป็นเส้น 2 ชั้นอย่างชัดเจน หรืออาจเป็นผ่าตัดยกหางตาร่วมกับตัดหนังตาส่วนเกิน หรือก้อนไขมันส่วนเกินที่ไปบดบังลูกตาออก
ในปัจจุบันการยกหางตาด้วยวิธีผ่าตัดนิยมใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบซ่อนแผล ทำให้สายตาผู้คนภายนอกมองไม่เห็นแผลที่แพทย์กรีดเปิดและเย็บปิด โดยอาจซ่อนไว้ตรงใต้แนวคิ้วหรือตรงขอบหางคิ้ว
ยกหางตาช่วยอะไรได้บ้าง?
การยกหางตามีประโยชน์ด้านการเสริมความสวยงามให้กับโครงสร้างดวงตา ทำให้ลุคเจ้าของดวงตาดูโฉบเฉี่ยว สดใส และสวยงามมากขึ้น ทำให้รู้สึกมั่นใจต่อรูปลักษณ์ของตนเอง
ภาวะหนังตาตกอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย และอาจยากจะหลีกเลี่ยงได้ เช่น เป็นภาวะที่พบแต่กำเนิด อายุที่มากขึ้น ความผิดปกติของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อที่ตา มีเนื้องอกบริเวณดวงตา โรคภูมิแพ้ พฤติกรรมการใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสม
แนวทางการรักษาภาวะหนังตาตกจะรักษาไปตามสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ เช่น การกินยา การหยอดน้ำตาเทียม การผ่าตัด การฟื้นฟูเส้นประสาท การปลูกถ่ายผิวหนัง หรืออีกวิธี คือ “การยกหางตา” ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับความสวยงามของดวงตาที่ตอบโจทย์ต่อผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก รวมถึงผู้ที่รู้สึกไม่ชอบในโครงสร้างดวงตาของตนเอง และอยากปรับความสวยงามของรูปตาให้ตรงตามรูปแบบที่ตนเองชื่นชอบมากขึ้น
ยกหางตาเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก และอยากเสริมมิติ ขนาด และองศาของดวงตาให้ดูสวยงามขึ้น
- ผู้ที่มีดวงตาสองชั้นอยู่แล้ว แต่หางตาตกหรือเป็นเส้นตรง จึงอยากเสริมเสน่ห์ของดวงตาให้ดูโฉบเฉี่ยว มากขึ้น
- ผู้ที่อยากยกองศาตรงหางตาให้สูงขึ้นอีก
- ผู้ที่อายุมากขึ้น และผิวเปลือกตาเริ่มหย่อนลงมาบดบังดวงตา
- ผู้ที่มีตาชั้นเดียว ตาหลบใน และอยากทำตาสองชั้นร่วมกับปรับองศาดวงตาให้สวยงามขึ้น
- ผู้ที่ผิวหนังตรงส่วนหางตาห้อยตกลง จึงอยากเสริมความกระชับของผิวส่วนนั้น
การเตรียมตัวก่อนยกหางตา
ในส่วนของการทำหัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด โดยส่วนมากผู้เข้ารับบริการแทบไม่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า เพียงเตรียมผิวหน้าให้พร้อมต่อการรับบริการ แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาประจำตัว วิตามินอาหารเสริมต่างๆ ที่กินอยู่ ณ ปัจจุบัน ให้กับทางสถานพยาบาลทราบล่วงหน้าก็พอ
ในส่วนของการยกหางตาด้วยวิธีผ่าตัด ผู้เข้ารับบริการจำเป็นต้องมีการเตรียมร่างกายให้พร้อมต่อการผ่าตัดเสียก่อน ผ่านการปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาประจำตัว วิตามินเสริม อาหารเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพที่กินอยู่ ให้ทางสถานพยาบาลทราบล่วงหน้าเสียก่อน เนื่องจากอาจต้องงดยาบางกลุ่มก่อนผ่าตัดล่วงหน้า เช่น ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือการฟกช้ำของแผล วิตามินที่ส่งผลต่อการห้ามเลือด เช่น ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี น้ำมันตับปลา
- งดสูบบุหรี่ งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป
- ในวันผ่าตัดควรงดแต่งหน้า งดใส่คอนแทคเลนส์
- งดการทำหัตถการบริเวณใบหน้าประมาณ 1 เดือนก่อนผ่าตัด
- เตรียมแว่นกันแดดมาด้วยในวันผ่าตัด เพื่อไม่ให้แผลสัมผัสแสงแดดจัด
- เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ดวงตาซึ่งอาจกระทบต่อการมองเห็น ผู้เข้ารับบริการควรลางานประมาณ 3-4 วันหลังผ่าตัด เพื่อพักฟื้นแผลให้ฟื้นตัวพอที่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
ขั้นตอนการยกหางตา
กระบวนการผ่าตัดยกหางตาจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคผ่าตัดที่แพทย์เลือกใช้ ร่วมกับตำแหน่งที่ทำการผ่าตัดบริเวณหางตา โดยขั้นตอนหลักๆ ที่อาจพบได้ มีดังต่อไปนี้
- แพทย์จะวางยาชาเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บระหว่างทำ
- แพทย์จะกรีดเปิดแผลบริเวณหางตาหรือเปลือกตา
- ทำการตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินหรือส่วนที่หย่อนคล้อยออก ทำตาสองชั้นให้กลมโตมีมิติขึ้น หรือยกหางตาส่วนที่หย่อนลงแล้วยึดกับแนวกล้ามเนื้อตำแหน่งใกล้เคียง
- จากนั้นเย็บหางตาในตำแหน่งใหม่ที่เหมาะสม แล้วเย็บปิดแผล
สำหรับผู้ที่สนใจ ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและแนวทางการผ่าตักยกหางตาตามแต่ละบุคคลไป
การดูแลตัวเองหลังยกหางตา
โดยปกติแพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอยู่แล้ว ให้ยึดคำแนะนำตามที่แพทย์บอกเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองที่แพทย์มักจะแนะนำ อาจมีดังต่อไปนี้
- 3 วันแรกหลังผ่าตัดให้ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัด จากนั้นให้เปลี่ยนเป็นประคบอุ่นแทน
- ควรนอนศีรษะสูงในช่วง 2-3 วันแรก
- อย่าให้แผลโดนน้ำในช่วง 3 วันแรก หลังจากนั้นสามารถล้างหน้าด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นสะอาดได้ แล้วซับให้แห้ง
- งดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- ดื่มน้ำให้มากๆ
- งดออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังผ่าตัด แต่สามารถเดินจ็อกกิ้งหรือออกกำลังกายเบาๆ ได้
- กินยาและทายาที่แพทย์สั่งจ่ายให้จนหมดตามที่แพทย์สั่ง
- งดการขยี้ตาหรือเอามือถูเช็ดตาแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลฉีกขาด
- ในช่วงแรกควรงดการใช้เครื่องสำอางที่ยากต่อการทำความสะอาดบริเวณดวงตา
- เดินทางมาเช็กแผลกับแพทย์ตามนัดหมาย
ยกหางตาพักฟื้นนานไหม?
แผลจากการผ่าตัดยกหางตาใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติอีกครั้ง
ในส่วนของการยกหางตาด้วยวิธีอื่นๆ โดยทั่วไปก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ต้องมีการพักฟื้นแต่อย่างใด แต่อาจต้องเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างชั่วคราว เช่น งดสัมผัสแสงแดด งดนอนคว่ำ งดทำกิจกรรมในที่อุณหภูมิสูงๆ อย่างการซาวน่า ทำสปา แช่น้ำร้อน
ยกหางตาเจ็บไหม?
ความเจ็บจากการยกหางตาจะขึ้นอยู่กับวิธีการทำ หากเป็นการทำ Ulthera กับ Thermage ก็มักจะรู้สึกตึงหรือระบมด้านในผิวระหว่างรับบริการได้บ้าง และรู้สึกเจ็บระบมผิวเล็กน้อยต่อไปอีกหลังรับบริการประมาณ 1-3 วัน หลังจากนั้นอาการก็จะบรรเทาหายไป
หากเป็นการยกหางตาด้วยวิธีร้อยไหมหรือฉีกโบท็อก ซึ่งเป็นการทำหัตถการโดยใช้เข็ม ก็อาจรู้สึกเจ็บในระหว่างที่เข็มจิ้มลงไปใต้ผิวได้บ้าง แต่โดยส่วนมากแทบทุกสถานพยาบาลจะมีการทายาชาและประคบเย็นช่วย ซึ่งจะทำให้เจ็บในระดับที่ทนได้
ในส่วนของการยกหางตาด้วยวิธีผ่าตัด เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ ผู้เข้ารับบริการมักจะรู้สึกเจ็บระบมแผลในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังผ่าตัด แต่โดยทั่วไปแพทย์จะมีการสั่งยาแก้ปวดให้หลังผ่าตัดอยู่แล้ว และจะแนะนำให้ประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นอาการจึงจะอยู่ในระดับที่ทนได้เช่นกัน
การยกหางตาเป็นวิธีการเสริมเสน่ห์ให้กับใบหน้าของเราได้อีกรูปแบบหนึ่ง และยังเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เราได้รูปตาตามอุดมคติที่ตนเองอยากได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับบริการก็จำเป็นต้องยกหางตากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมความงามหรือด้านการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อความงามเท่านั้น มิฉะนั้นรูปตาที่เปลี่ยนไปหลังทำหัตถการอาจดูแปลกตาหรือไม่เป็นธรรมชาติ จนส่งผลต่อความมั่นใจได้