การเปิดเทอมเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ในรั้วโรงเรียน เด็ก ๆ มีโอกาสได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เล่นคลุกคลีกับเพื่อน นอกจากความรู้และความสนุกแล้ว ความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโรคก็มีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ “โรคมือ เท้า ปาก” และ “โรคไข้หวัดใหญ่” โรคยอดฮิตที่มักระบาดในกลุ่มเด็ก ๆ
ทั้งสองโรคนี้เป็นโรคติดต่อที่พบได้บ่อยในเด็ก บางครั้งอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ ทำให้เด็ก ๆ ต้องหยุดเรียน อาจกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูก ในบทความนี้ จะพามารู้จักกับโรคมือ เท้า ปาก และโรคไข้หวัดใหญ่ให้มากขึ้น
สารบัญ
รู้จักโรคมือ เท้า ปาก (Hand, foot, and mouth disease)
โรคมือ เท้า ปากเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็ก พบการระบาดได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน สาเหตุนั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) โดยสายพันธุ์พบบ่อย คือ เชื้อไวรัสคอกซากี เอ 6 (Coxsackievirus A6) ส่วนใหญ่ไม่ได้ก่ออาการรุนแรง
และอีกสายพันธุ์อันตราย คือ เชื้อไวรัสเอนเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71 หรือ EV71) เพราะมักก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย อย่างกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และก้านสมองอักเสบ ซึ่งอาจทำให้ระบบการหายใจหรือระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตอย่างรวดเร็วได้
โรค มือ เท้า ปาก แพร่เชื้อได้อย่างไร
เชื้อไวรัสมือ เท้า ปากติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย และอุจจาระ ซึ่งอาจติดตามพื้นผิวสิ่งของ มือของเด็ก หรือปนเปื้อนไปกับอาหารที่เด็กรับประทาน
นอกจากนี้ เด็กบางคนอาจหายใจเอาเชื้อที่ล่องลอยอยู่ในอากาศจากการไอจามของคนติดเชื้อ เมื่อเด็กสูดเอาเชื้อไวรัสนั้นเข้าสู่ร่างกาย สามารถเกิดการติดเชื้อตามมาได้เช่นกัน
อาการโรคมือ เท้า ปาก เป็นอย่างไร
หลังได้รับเชื้อมาแล้ว 3–5 วัน เด็กจะมีไข้ อ่อนเพลีย เป็นอาการนำมาก่อน ตามมาด้วยอาการเจ็บปาก เกิดตุ่มแดง ตุ่มน้ำใส หรือแผลในช่องปาก ลิ้น เพดานปาก กระพุ้งแก้ม ทำให้เด็กอาจรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้น้อยลง
นอกจากนี้ ตุ่มแดงหรือตุ่มน้ำใสยังเกิดตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า ข้อศอก รอบก้น อวัยวะเพศ แขนขา และลำตัวได้ด้วย กรณีเกิดการติดเชื้อสายพันธุ์ EV71 อาจเสี่ยงเกิดอาการรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนอันตราย หากพบอาการต่อไปนี้ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที
- ไข้สูง อาเจียน ปวดศีรษะ
- ซึมลง ไม่เล่น ไม่ยอมรับประทานอาหารหรือดื่มนม
- หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ กระสับกระส่าย
- ดูเหนื่อย ๆ หน้าซีด ไอมีเสมหะ
- ตัวเย็น เดินเซ หรือชัก
ใครบ้างเป็นกลุ่มเสี่ยงโรค มือ เท้า ปาก
กลุ่มเสี่ยงของโรคเป็นทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หากเด็กอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล หรือสถานที่แออัด สุขอนามัยไม่ดี มีโอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายได้ง่าย ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมือ เท้า ปากได้มากขึ้นด้วย
รู้จักโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) พบการระบาดได้ทุกปี ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน รองลงมาเป็นฤดูหนาว การติดเชื้อจะส่งผลกระทบต่อจมูก ลำคอ และอาจลุกลามไปถึงปอดได้
โรคไข้หวัดใหญ่แพร่เชื้อได้อย่างไร
เชื้อไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายผ่านทางละอองฝอยขนาดเล็กในอากาศจากการไอ จาม หรือพูดคุยกับผู้ป่วย เมื่อหายใจเอาละอองฝอยเหล่านี้เข้าไป สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้
นอกจากนี้ การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ยังเกิดได้จากการสัมผัสโดนน้ำลายหรือน้ำมูกของผู้ป่วย ซึ่งติดตามพื้นผิวสิ่งของต่าง ๆ อย่างโต๊ะ คอมพิวเตอร์ แล้วเผลอนำมือมาสัมผัสโดนใบหน้า จมูก หรือปากโดยไม่ได้ล้างมือ ทำให้เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้
อาการโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นอย่างไร
อาการไข้หวัดใหญ่มักเกิดอย่างฉับพลันและรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา โดยสังเกตได้จากอาการต่อไปนี้
- มีไข้ หนาวสั่น ครั่นเนื้อครั่นตัว
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยมาก
- เจ็บคอ ไอแห้ง
- จาม คัดจมูก มีน้ำมูก
อย่างไรก็ตาม หากลูกเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง ปากเขียว เกิดภาวะขาดน้ำ ชัก หรือเด็กที่มีโรคประจำตัวเกิดอาการกำเริบหรือทรุดตัวลง ควรรีบพาลูกพบแพทย์ทันที
ใครบ้างเป็นกลุ่มเสี่ยงโรคไข้หวัดใหญ่
ทุกคนมีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ แต่กลุ่มเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากไข้หวัดใหญ่ มักจะเป็นเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ คุณแม่ตั้งครรภ์ และคนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
วิธีป้องกันลูกจากโรคมือ เท้า ปาก และโรคไข้หวัดใหญ่
คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของลูกน้อยด้วยวิธีต่อไปนี้
1. พาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค
ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันเชื้อมือ เท้า ปากเฉพาะสายพันธุ์ EV71 เท่านั้น โดยช่วยป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึง 97% และลดความรุนแรงของโรคเมื่อติดเชื้อสายพันธุ์นี้ได้ 100%
วัคซีนมือ เท้า ปาก ต้องฉีดทั้งหมด 2 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 1 เดือน แนะนำให้ฉีดในเด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี 11 เดือน 29 วัน เนื่องจากมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงได้มากกว่าผู้ใหญ่
ส่วนวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และความรุนแรงของโรคได้ แนะนำให้ฉีดเป็นประจำทุกปี เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา
2. ฝึกให้ลูกล้างมือเป็นนิสัย
การล้างมือด้วยสบู่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดเชื้อโรคหลายชนิด ทั้งเชื้อมือเท้าปาก และเชื้อไข้หวัดใหญ่ จึงควรฝึกให้ลูกล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างถูกวิธีจนเป็นนิสัย โดยเฉพาะหลังกลับจากโรงเรียน ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังไอหรือจาม
3. รักษาสุขอนามัย เว้นระยะห่างจากคนป่วย
สอนให้ลูกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับเด็กคนอื่น และเลี่ยงการเล่นกับเพื่อนที่กำลังป่วยหรือไม่สบาย เพื่อลดโอกาสที่จะได้รับเชื้อจนเกิดอาการเจ็บป่วย รวมถึงผู้ปกครองควรทำความสะอาดบ้าน ของเล่น และสิ่งของที่ลูกใช้บ่อย ๆ
4. เมื่อป่วย ควรให้ลูกหยุดเรียน
หากลูกมีอาการป่วย ควรให้หยุดเรียนและพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายดี อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของเด็กได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อให้เพื่อนคนอื่นด้วย
เพียง 4 วิธีนี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมือ เท้า ปาก และโรคไข้หวัดใหญ่ลงได้ หากคุณพ่อคุณแม่และเด็ก ๆ ทำได้ ก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลยว่าเมื่อเปิดเทอมแล้ว เด็ก ๆ จะเรียนรู้และทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่