โทษของยาเสพติด 10 ชนิด

โทษของยาเสพติด 10 ชนิด อันตรายร้ายแรงต่อชีวิตที่ทุกคนควรรู้

เมื่อขึ้นชื่อว่ายาเสพติดแล้ว ล้วนก่อให้เกิดโทษทั้งสิ้น ไม่ว่าจะต่อตัวผู้เสพเอง ต่อคนรอบตัว หรือต่อสังคมในวงกว้าง  

มีคำถามเกี่ยวกับ ยาเสพติด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

วันนี้ HDBlog จะพามารู้จักกับลักษณะและโทษของยาเสพติด 10 ชนิด เพื่อให้เข้าใจถึงความอันตรายที่มีต่อร่างกายอย่างละเอียด 

1. โทษของยาบ้า

ยาบ้า ยาม้า ยาขยัน เมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) หรือแอมเฟตามีน (Amphetamine) จะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ผู้เสพติดยา ทั้งทางกายและทางใจ ยาบ้ามีลักษณะเป็นเม็ดกลมสีส้ม แดง น้ำตาล หรือเขียว มีอักษร WY, Y, R อยู่บนเม็ดยา 

ในช่วงที่เริ่มต้นเสพ ยาบ้าจะออกฤทธิ์กระตุ้นร่างกายให้เกิดอาการต่อไปนี้ เช่น 

  • ตื่นตัว ไม่ง่วง
  • มีกำลังวังชา
  • ตึงเครียด
  • ใจสั่น
  • ความดันโลหิตสูง
  • อัตราการเต้นของจังหวะหัวใจเร็วขึ้น

แต่เมื่อฤทธิ์ยาหมดลง ระบบสั่งการทางสมองก็จะช้าลงไปด้วย ทำให้ตัดสินใจช้า ส่งผลให้ผู้เสพอ่อนเพลียมากกว่าปกติ และยิ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ 

ถ้าผู้เสพยังคงเสพยาบ้าติดต่อกันเป็นเวลานานหรือเสพมากเกินขนาด ฤทธิ์ยาก็จะยิ่งทำลายระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ ระบบกล้ามเนื้อ ระบบหัวใจและหลอดเลือด  รวมไปถึงอวัยวะต่าง ๆ เช่น

  • สมองเสื่อม
  • มีอาการประสาทหลอน เกิดภาพลวงตา
  • วิตกกังวล หวาดระแวง
  • เสียสติ คลุ้มคลั่งเป็นบ้า จนสามารถทำร้ายผู้อื่นและตนเองได้
  • เกิดภาวะหมดสติ และอาจทำให้เสียชีวิตได้

บทความที่น่าสนใจ: รู้จัก “ยาบ้า” หนึ่งในยาเสพติดที่ระบาดหนักอยู่ในประเทศ 

2. โทษของเฮโรอีน

เฮโรอีน มีลักษณะเป็นผงสีขาว มีฤทธิ์กดระบบประสาท เสพได้หลายวิธี เช่น กิน สูบ ฉีดเข้าเส้นเลือด สูบ หรือแม้แต่ใช้สอดทางทวารหนัก

การเสพเฮโรอีนจะทำให้ผู้เสพรู้สึกผ่อนคลาย ได้หนีจากความตึงเครียดและความวุ่นวาย มีความสุข ลดอาการเจ็บปวด หรือไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย นอกจากนี้ยังทำให้รู้สึกมึนเมา และการรับรู้ตัวลดลง เบลอ อาการคล้ายกึ่งง่วงกึ่งตื่น 

เฮโรอีนเป็นยาเสพติดที่ทำให้เสพติดได้ง่าย ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังทำให้เกิดโทษในระยะยาวที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ได้แก่  

  • อาการปวดตามส่วนต่าง ๆ ทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ สันหลัง บั้นเอว และปวดศีรษะอย่างรุนแรง
  • ผิวหนังออกเป็นสีแดง
  • นอนไม่หลับ
  • กระสับกระส่าย ทุรนทุราย อึดอัด
  • มีอาการจุกภายในอก รู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย
  • อ่อนเพลียอย่างหนัก มีอาการหนาว ๆ ร้อน ๆ
  • มีอาการชัก น้ำลายไหลฟูมปาก
  • นัยน์ตาดำหดลง
  • เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน โรคปอดอักเสบ
  • อาจทำให้ตับและไตเสื่อม
  • มึนงง ความจำเสื่อม
  • หายใจไม่ออก กดระบบทางเดินหายใจ
  • หัวใจเต้นช้าลง
  • เกิดภาวะเส้นเลือดหดตัว
  • เป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล

นอกจากฤทธิ์ของยา ผู้เสพยังเสี่ยงติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV: Human Immunodeficiency Virus) จากกการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือเป็นฝีจากการฉีดได้

บทความที่น่าสนใจ: เฮโรอีน (Heroin) อาการหลังเสพ ลงแดง วิธีบำบัด

3. โทษของยาอี

ยาอี (E จาก Ecstasy แปลว่า ความสนุกสนานเบิกบานใจ) หรือยาเลิฟ เป็นยาที่มักใช้ในงานปาร์ตี้ และแพร่หลายในกลุ่มผู้ที่เที่ยวกลางคืน มีฤทธิ์ทำให้กล้าพูด กล้าเผยความรู้สึกในใจมากกว่าปกติ และทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ 

หลังเสพยาอีเข้าไปแล้ว ยาจะออกฤทธิ์ภายใน 45 นาที และอยู่ในร่างกายได้ยาวนานถึง 6–8 ชั่วโมง ในครั้งแรกที่เสพ ตัวยาจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทแค่ระยะสั้น ๆ ก่อน 

จากนั้นจะออกฤทธิ์หลอนประสาท ส่งผลให้ติดยาทางด้านจิตใจ และมีอาการร่วมอื่น ๆ ตามมาด้วย ได้แก่

  • ใจสั่น
  • ระดับความดันโลหิตสูง
  • เหงื่อออกเยอะ
  • เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
  • ระบบประสาทการรับรู้เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ได้ยินและมองเห็นแสงสีต่าง ๆ ผิดปกติไปจากความจริง ทำให้เห็นภาพหลอน 

4. โทษของโคเคน

ฤทธิ์ของโคเคนขึ้นอยู่กับวิธีและปริมาณที่เสพเข้าร่างกาย โดยกระตุ้นระบบประสาท และส่งผลต่อจิตใจมากกว่าร่างกาย เมื่อไม่ได้เสพ ก็อาจรู้สึกขาดยา เป็นอาการทางกายที่ไม่รุนแรงเท่าไร 

โคเคนเป็นยาเสพติดที่อันตรายต่ออัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจได้รับการกระตุ้นอยู่ตลอด กล้ามเนื้อหัวใจก็จะเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ จนบีบตัวต่อไปไม่ได้ และจบลงด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว

รวมถึงโคเคนยังส่งผลต่อระบบการไหลเวียนเลือด และก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้  

  • ระดับความดันโลหิตสูง
  • มีไข้
  • นอนไม่หลับ เกิดภาพหลอน
  • หัวใจเต้นอย่างรุนแรง
  • กระวนกระวาย
  • ผนังจมูกขาดเลือด ส่งผลให้เยื่อบุโพรงจมูกฝ่อ มีการฉีกขาด หรือทะลุ
  • สมองจะถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการชัก
  • เลือดออกในสมอง อาจเกิดเนื้อสมองตายบางส่วน

นอกจากนี้ หากผู้เสพยังคงเสพโคเคนติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าอย่างหนักได้ด้วย

5. โทษของยาเค

ยาเค มีฤทธิ์หลอนประสาทรุนแรง ทำให้ผู้เสพมีอาการเคลิบเคลิ้ม หลงผิด คิดว่าตนเป็นผู้มีอำนาจวิเศษ 

นอกจากนี้ การรับรู้และการตอบสนองกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวก็จะเปลี่ยนไปด้วย เช่น การมองเห็น หรือการได้ยินเสียง

ฤทธิ์ของยาเคมักส่งผลต่อระบบการคิด การรับรู้ และการตอบสนองของผู้เสพ โดยจะก่อให้เกิดอาการต่อไปนี้ 

  • เกิดภาวะติดขัดในระบบหายใจ
  • มีปัญหาโรคจิต เป็นคนวิกลจริต
  • มีความคิดสับสน
  • หูแว่ว
  • ตาลาย
  • ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสัมพันธ์กันได้
  • เคลื่อนไหวทางด้านร่างกายไม่เป็นไปในจังหวะที่สัมพันธ์กันดังเดิมอีก
  • สมองส่วนที่ทำงานด้านการรับรู้และการตอบสนองกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนไป

บทความที่น่าสนใจ: ยาเค (Ketamine) อาการ ผลข้างเคียง ข้อควรระวัง 

6. โทษของกัญชา

กัญชาจะออกฤทธิ์หลายอย่างกับระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้เสพเกิดอาการประสาทหลอน มีภาวะอารมณ์และจิตใจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้เสพเกิดอาการต่อไปนี้

  • มีอาการเหมือนเมาสุราอ่อน ๆ 
  • มีอาการง่วงซึม
  • ตื่นเต้น ตื่นตัว
  • คุยเก่ง สนุกสนาน หัวเราะร่าเริงได้ตลอดเวลา

ถ้าร่างกายได้รับปริมาณกัญชาเข้าไปมากเกินขนาด ก็จะเกิดภาวะผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น

  • ประสาทหลอน
  • เห็นภาพลวงตา
  • หูแว่ว
  • ระบบความคิดสับสน มึนงง
  • ควบคุมตนเองไม่ได้

ถ้าเสพกัญชาในปริมาณมาก หรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ฤทธิ์จากกัญชาก็จะเข้าไปทำลายสมองและปอด เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด อีกทั้งยังทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ยิ่งเสื่อมสภาพกว่าเดิมด้วย

7. โทษของกระท่อม

ใบกระท่อม มีสารไมตราไจนิน (Mitragynine) ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้เสพติดทางจิตใจมากกว่าทางร่างกาย ถ้าขาดยาก็จะเกิดอาการลงแดง แต่ไม่รุนแรงมาก

ลักษณะที่เห็นได้ชัดของผู้เสพใบกระท่อม คือ จะทำงานได้อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย มีเรี่ยวแรง มีพลังเยอะ  ทนต่อสภาวะอากาศได้ทั้งร้อนและหนาว 

มีคำถามเกี่ยวกับ ยาเสพติด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

โทษจากใบกระท่อมจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางประสาท และผิวหนังของผู้เสพ ได้แก่

  • หนาวสั่น เมื่ออยู่ท่ามกลางอากาศชื้น
  • จิตใจสับสน โลเล
  • ประสาทหลอน
  • ผิวหนังแห้งดำ ไหม้เกรียม
  • ปากแห้ง
  • ท้องผูก
  • นอนไม่หลับ
  • สภาพร่างกายเสื่อมโทรมอย่างหนัก

8. โทษของมอร์ฟีน

มอร์ฟีนจะออกฤทธิ์กดระบบประสาท หากไม่ได้เสพอย่างต่อเนื่อง จะเกิดอาการขาดยา โดยเสพติดทั้งทางร่างกายและจิตใจ  

โทษของมอร์ฟีนจะทำให้เกิดอาการเหล่านี้ เช่น 

  • สมองช้า เกิดอาการมึน ๆ ชา ๆ
  • สติปัญญาเสื่อม ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
  • ร่างกายทรุดโทรมอย่างหนัก
  • ท้องผูก
  • คลื่นเหียน
  • อาเจียน
  • คันตามใบหน้า
  • ตาแดง
  • ง่วงซึม

9. โทษของฝิ่น

ฝิ่นจะออกฤทธิ์กดระบบประสาท ทำให้เสพติดทั้งทางร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดภาวะขาดยาอีกด้วย 

ฝิ่นจะส่งผลต่อร่างกาย ดังนี้

  • ตาหรี่ 
  • พูดจาวกวนไม่รู้เรื่อง
  • ความคิดเชื่องช้า
  • จิตใจเลื่อนลอย
  • โลเล สับสน
  • มีอาการง่วงซึมตลอดเวลา
  • ชีพจรเต้นช้าลง 

นอกจากนี้ ถ้าเสพติดฝิ่นเกินขนาด ฤทธิ์ของฝิ่นจะเข้าไปกดระบบการหายใจ ส่งผลให้ผู้เสพเสียชีวิตได้ในที่สุด

10. โทษของเห็ดขี้ควาย

เห็ดขี้ควาย มีสารอันตรายสำคัญอย่างไซโลไซบีน (Psilocybin) และไซโลซีน (Psilocin) ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดนี้จะออกฤทธิ์หลอนประสาท ทำให้ผู้เสพเกิดอาการมึนเมา เคลิบเคลิ้ม และเกิดอาการบ้าคลั่งได้

เห็ดขี้ควายเป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์เข้าไปทำลายระบบประสาทได้อย่างรุนแรง หากผู้เสพมีภูมิต้านทานน้อยอยู่แล้ว เมื่อเสพเข้าไปในปริมาณมาก ๆ ก็อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้

บทความที่น่าสนใจ: เห็ดขี้ควาย เห็ดวิเศษ หรือเห็ดเมา หนึ่งในยาเสพติดประเภทที่ 5

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาเสพติด ตอบโดยแพทย์

Q: สวัสดีค่ะ อยากทราบว่า เสพยาเสพติดตั้งแต่อายุครรภ์ 1–14 สัปดาห์ จะมีผลต่อทารกในครรภ์ไหมคะ

A: 

(A1) คำตอบโดย นพ. สุเทพ สุขนพกิจ: เป็นอันตรายมากนะครับ ควรไปพบแพทย์ และหาทางเลิกใช้ยาเสพติดโดยเร็วที่สุดครับ 

เพราะยาเสพติดอาจทำให้ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อย มีความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด ทำให้เกิดภาวะเลือดออกในสมอง เกิดการทำลายเซลล์ประสาท และยังทำให้เส้นรอบศีรษะทารกมีขนาดเล็กด้วย 

นอกจากนี้ ฤทธิ์ยายังส่งผลต่อสมาธิ ความจำ และมีผลทำให้เด็กมีปัญหาพฤติกรรมในระยะยาวอีกด้วยครับ

(A2) คำตอบโดย ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก): ยาเสพติดจะส่งผลให้เด็กมีความผิดปกติหลายด้าน ดังนี้

  • มีน้ำหนักแรกเกิดน้อย
  • มีความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด
  • ภาวะเลือดออกในสมอง
  • ภาวะสมองตาย
  • ทำให้มีการทำลายเซลล์ประสาท
  • เส้นรอบศีรษะมีขนาดเล็ก ซึ่งมีผลต่อสมาธิ ความจำ และมิติสัมพันธ์ (Spatial skills) และมีผลทำให้เด็กมีปัญหาพฤติกรรมในระยะยาวอีกด้วย

การป้องกันที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดทุกชนิด ไม่ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ก็ตาม เพราะผลกระทบที่ตามมาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

ส่วนในรายที่ตั้งครรภ์แล้วและยังไม่เลิก หรือเพิ่งเลิกใช้สารเสพติด ก็ต้องระมัดระวังทารกในครรภ์เป็นพิเศษ โดยระหว่างที่ตั้งครรภ์ ควรปฏิบัติดังนี้

  • หมั่นไปพบสูติแพทย์เพื่อติดตามผลของพัฒนาการทารกในครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของสูติแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • งด ละ เลิก สิ่งเสพติดทุกชนิดอย่างเด็ดขาด
  • หากคนในครอบครัวสูบบุหรี่ ควรขอความร่วมมือให้ไปสูบบุหรี่ภายนอกบ้าน เพราะควันบุหรี่มีสารพิษชื่อทาร์ หรือน้ำมันดิน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อทารกในครรภ์และว่าที่คุณแม่ รวมถึงสมาชิกในครอบครัวมากกว่าตัวผู้สูบเองเสียเอง
  • เมื่อคลอดบุตรแล้วก็ไม่ควรละเลย ควรพาทารกไปพบกุมารแพทย์เพื่อเฝ้าระวัง คัดกรอง ประเมินพัฒนาการ และพฤติกรรมเป็นระยะ ๆ เพื่อหาความผิดปกติร่วมที่พบได้บ่อย เช่น ปัญหาด้านการมองเห็น การได้ยินบกพร่อง เพื่อให้การช่วยเหลือ กระตุ้นพัฒนาการโดยเร็วเพื่อลดปัญหาทางด้านการเรียนรู้และปัญหาสังคมที่จะตามมา (เสริมคำตอบโดย นพ.ชยากร พงษ์พยัคเลิศ

Q2: สารกัญชาอยู่ในร่างกายเราได้กี่วัน

A2 คำตอบโดย ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก): ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความถี่ในการใช้ค่ะ โดยจถะตรวจพบได้ในระยะเวลาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือนค่ะ 

Q3: เรากำลังจะต้องเข้ารับการผ่าตัดและต้องตรวจเลือดก่อนผ่าค่ะ ปกติแล้วเราจะใช้กัญชาบ่อยเกือบทุกวัน วันละ 2–3 ชั่วโมง อยากทราบว่า หมอจะตรวจพบสารเสพติดของกัญชาในเลือดเราไหมคะ

A3 คำตอบโดย ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก): การตรวจเลือดก่อนผ่าตัด เป็นการตรวจเพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย ร่วมกับหาความผิดปกติอื่น ๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงในการผ่าตัด

สิ่งที่คุณหมอสั่งตรวจส่วนมาก ได้แก่ ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เกลือแร่ในเลือด น้ำตาล การทำงานของไต และความเสี่ยงอื่น ๆ แล้วแต่โรคที่เป็น

ส่วนเรื่องสารกัญชาที่ตกค้างในเลือดจะอยู่นานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่สูบมานานแต่ไหน ความถี่ ปริมาณ ความเข้มข้นของพันธ์กัญชาที่ใช้ แต่โดยส่วนมากสารที่ตกค้างจะอยู่ได้นานเป็นเดือน ๆ ค่ะ

ส่วนในกรณีของคุณถามว่าจะตรวจพบไหม ต้องตอบว่า พบค่ะ (ถ้าคุณหมอสั่งตรวจสารกัญชา) แต่ถ้าโรคที่ผ่าตัดที่ไม่เกี่ยวกับการตรวจหาสารเสพติด คุณหมอก็ไม่สั่งตรวจค่ะ (เพราะจะสิ้นเปลืองน้ำยาโดยใช่เหตุ) 

ยาเสพติดนั้นไม่ใช่แค่ผิดกฎหมาย แต่ยังมีโทษมากมาย ส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

อย่าลืมปกป้องตัวเองและคนที่คุณรักให้ห่างไกลจากยาเสพติด รู้จักพูดคุยถึงอันตราย หลีกเลี่ยงสถานที่หรือกลุ่มคนสุ่มเสี่ยง ปฏิเสธเมื่อมีคนเสนอ 

หลายคนมักหันไปใช้ยาในยามที่จิตตก หดหู่ ซึมเศร้า ดังนั้น ถ้าใจพังเมื่อไร อย่าลืมปรึกษาคนสนิทรอบตัวที่ไว้ใจได้ หรือพบจิตแพทย์ เพราะการใช้ยาเสพติด ไม่ใช่ทางออก แต่เป็นทางตันที่ยิ่งทำให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลงในระยะยาว 

บทความที่น่าสนใจ: ตรวจสารเสพติด ในปัสสาวะและเลือด อยู่ในร่างกายกี่วัน


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ธนู โกมลไสย

มีคำถามเกี่ยวกับ ยาเสพติด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ