เมื่อรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ คุณแม่คงมีหลายความรู้สึกปนเปกัน ทั้งดีใจ ตื่นเต้น และกังวลใจ สิ่งสำคัญอย่างแรกที่ไม่ควรลืมคือ คุณแม่ควรเข้ารับการฝากครรภ์ทันทีที่มีข่าวดี ยิ่งฝากครรภ์เร็วเท่าไร ยิ่งดีต่อการตั้งครรภ์มากเท่านั้น
การฝากครรภ์จะช่วยให้การตั้งครรภ์ของคุณแม่เป็นไปอย่างราบรื่นจนถึงวันคลอด และยังช่วยป้องกันหรือรักษาความผิดปกติที่อาจเกิดระหว่างตั้งครรภ์ได้ทันอย่างท่วงทีด้วย ไปดูกันว่าฝากครรภ์แต่ครั้ง คุณแม่ต้องตรวจอะไรกันบ้าง
สารบัญ
ฝากครรภ์แต่ละไตรมาส ตรวจอะไรบ้าง
การฝากครรภ์พื้นฐานตลอดการตั้งครรภ์มักจะประกอบด้วย (1) การสอบถามประวัติ (2) การตรวจร่างกายและการตรวจสุขภาพครรภ์ (3) การตรวจทางห้องปฏิบัติการหรือการตรวจแล็บ (4) การประเมินสุขภาพโดยรวม เพื่อตรวจคัดกรอง รักษา และป้องกันโรค
การตั้งครรภ์แบ่งออกเป็น 3 ไตรมาส รวมเวลาตั้งครรภ์เป็น 9 เดือน (40 สัปดาห์ หรือ 280 วัน) โดยแต่ละไตรมาสจะมีการตรวจดังนี้
การฝากครรภ์ไตรมาสแรกหรือไตรมาสที่ 1 (อายุครรภ์ 0–14 สัปดาห์)
- การสอบถามประวัติอย่างละเอียด เพื่อค้นหาโรคที่ซ่อนเร้นของคุณแม่ และความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาระหว่างตั้งครรภ์ กรณีคุณแม่มีโรคประจำตัว คุณหมอจะให้คำปรึกษาและวางแผนการดูแลครรภ์ตลอดการตั้งครรภ์
- การตรวจร่างกายทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ประเมินค่าดัชนีมวลกาย (BMI) วัดสัญญานชีพ (ประกอบด้วยชีพจร ความดันโลหิต การหายใจ อุณหภูมิกาย) และตรวจหน้าท้อง เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของครรภ์
- การตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันฟันผุขณะตั้งครรภ์ ที่อาจส่งผลให้คลอดก่อนกำหนด ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อย และภาวะครรภ์เป็นพิษ
- การตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ ประเมินอายุครรภ์ กำหนดวันคลอด ตรวจตำแหน่งของการตั้งครรภ์ พัฒนาการของทารก ภาวะครรภ์ผิดปกติ และตรวจความผิดปกติของโครโมโซม และคัดกรองโรคดาวน์ซินโดรมด้วยการประเมินความหนาของถุงน้ำหลังคอทารก (Nuchal translucency)
- การตรวจภายในและคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สำหรับคุณแม่ที่มีความเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูก
- การตรวจคัดกรองความผิดปกติโครโมโซมผิดของทารกในครรภ์ หรือการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม ปัจจุบันมีหลายวิธีที่ตรวจได้ในไตรมาสแรก เช่น การตรวจ NIPT หรือการตรวจค่าสารชีวเคมีในเลือดคุณแม่
- การตรวจปัสสาวะ เพื่อคัดกรองการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
- การตรวจเลือด (เฉพาะการฝากครรภ์ครั้งที่ 1) เพื่อตรวจความเข้มข้นของเลือด หมู่เลือด คัดกรองโรคติดเชื้อต่าง ๆ และตรวจคัดกรองโรคเบาหวานในรายที่เสี่ยง
- ตรวจประเมินสุขภาพจิตและสภาพอารมณ์ เช่น อาการซึมเศร้า ความเครียด ความพร้อมของอารมณ์และจิตใจในการตั้งครรภ์ และความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
- การให้ยาบำรุงครรภ์ เช่น ยาเสริมธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และแคลเซียม รวมถึงวิตามินในรายที่จำป็น อย่างสังกะสีหรือซิงค์
นอกจากตัวคุณแม่เองแล้ว คุณพ่อเองควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์พร้อมกับคุณแม่ในการมาฝากครรภ์ครั้งแรกด้วย ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน
การฝากครรภ์ไตรมาสที่ 2 (อายุครรภ์ 15–28 สัปดาห์)
การตรวจจะคล้ายกับไตรมาสแรก คุณหมอจะให้คำปรึกษา ตรวจคัดกรองหรือวินิจฉัยโรคต่าง ๆ ตรวจดูเพศทารกและพัฒนาการเจริญเติบโต
- การสอบถามประวัติและอาการต่าง ๆ เช่น อาการเจ็บครรภ์ การดิ้นของลูก ประวัติการมีมูกเลือดออกทางช่องคลอด ประวัติน้ำเดิน หรืออาการที่บ่งถึงภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะภาวะครรภ์เป็นพิษ
- การตรวจร่างกายทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ประเมินค่าดัชนีมวลกาย (BMI) วัดสัญญานชีพ (ประกอบด้วยชีพจร ความดันโลหิต การหายใจ อุณหภูมิกาย)
- การตรวจขนาดยอดมดลูก เป็นการตรวจบริเวณหน้าท้อง เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของทารก ฟังเสียงอัตราการเต้นของหัวใจทารก และคลำดูท่าทางของทารกในครรภ์
- การตรวจเลือด เพื่อคัดกรองความเสี่ยงโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในช่วงอายุครรภ์ 24–28 สัปดาห์ ยกเว้นคุณแม่กลุ่มเสี่ยงจะให้คัดกรองตั้งแต่ฝากครรภ์ครั้งแรก (การตรวจเลือดจะไม่ได้ตรวจทุกครั้งในไตรมาสที่สอง)
- การตรวจปัสสาวะ เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คัดกรองการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และภาวะครรภ์เป็นพิษ
- การตรวจคัดกรองความผิดปกติโครโมโซมผิดของทารกในครรภ์ หรือการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมด้วยการเจาะน้ำคร่ำในช่วงอายุครรภ์ 16–20 สัปดาห์ สำหรับคุณแม่ที่ไม่ได้ตรวจในไตรมาสแรกหรือมีความเสี่ยง
- การตรวจอัลตราซาวด์ ในช่วงอายุครรภ์ 18–22 สัปดาห์ เพื่อดูเพศของทารก พัฒนาการการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ความพิการของทารก และวัดความยาวปากมดลูก เพื่อคัดกรองความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด
- การให้ยาบำรุงครรภ์อย่างต่อเนื่อง เช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน โฟลิก แคลเซียม และวิตามินที่จำเป็น
- การฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันโรค ขึ้นอยู่กับประวัติการได้รับวัคซีนของคุณแม่ โดยวัคซีนที่ควรได้รับ เช่น บาดทะยัก คอตีบ ไข้หวัดใหญ่ ไอกรน และวัคซีนโควิด–19
การฝากครรภ์ไตรมาสที่ 3 (อายุครรภ์ 29 สัปดาห์เป็นต้นไป)
การตรวจจะคล้ายกับไตรมาสก่อน ๆ โดยจุดประสงค์เพื่อวางแผนการคลอด การสังเกตอาการนำก่อนคลอด การดูแลสุขภาพตัวคุณแม่เอง ทั้งก่อนและหลังคลอด
- การตรวจร่างกายทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ประเมินค่าดัชนีมวลกาย (BMI) วัดสัญญานชีพ (ประกอบด้วยชีพจร ความดันโลหิต การหายใจ อุณหภูมิกาย)
- การตรวจอัลตราซาวด์ ในช่วงอายุครรภ์ 32–36 สัปดาห์ เพื่อประเมินน้ำหนักตัว ปริมาณน้ำคร่ำ ตรวจดูการเจริญเติบโตและท่าของทารก ตรวจหาภาวะรกเกาะต่ำ หรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจเกิดในช่วงหลังของการตั้งครรภ์
- การตรวจขนาดยอดมดลูก เป็นการตรวจบริเวณหน้าท้อง เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของทารก ฟังเสียงอัตราการเต้นของหัวใจทารก และคลำดูท่าทางของทารกในครรภ์
- การตรวจเลือด เพื่อประเมินภาวะโลหิตจาง ดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อย่างการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และซิฟิลิส และโรคติดเชื้ออื่น ๆ (การตรวจเลือดจะไม่ได้ตรวจทุกครั้งในไตรมาสที่สอง)
- การตรวจปัสสาวะ เพื่อคัดกรองภาวะโปรตีนและน้ำตาลรั่ว
- การให้ยาบำรุงครรภ์อย่างต่อเนื่อง เช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน โฟลิก แคลเซียม และวิตามินที่จำเป็น
- การฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันโรค ขึ้นอยู่กับประวัติการได้รับวัคซีนของคุณแม่ในอดีต
- การเตรียมตัวก่อนคลอด คุณหมอจะพูดคุยกับคุณแม่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการคลอด พร้อมให้คำแนะนำต่าง ๆ เช่น การสังเกตอาการใกล้คลอด สอนนับการดิ้นของทารกในครรภ์ การคุมกำเนิดหลังคลอด
- การประเมินความพร้อมของร่างกาย เพื่อเลือกวิธีการคลอดที่เหมาะสมกับทั้งคุณแม่และลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นการคลอดแบบธรรมชาติหรือการผ่าคลอด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
ภายหลังการตรวจในแต่ละครั้ง ของทุกไตรมาส จนกว่าคุณแม่จะคลอด คุณหมอจะบันทึกข้อมูลการฝากครรภ์และผลการตรวจลงในสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก (สมุดฝากครรภ์หรือสมุดชมพู) และเวชระเบียนของสถานพยาบาล ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการฝากครรภ์
เมื่อฝากครรภ์แล้ว ต้องไปตรวจบ่อยแค่ไหน
ส่วนใหญ่คุณแม่ต้องมาตรวจครรภ์เฉลี่ย 10–12 ครั้งตลอดการตั้งครรภ์ ถ้าคุณแม่มีโรคประจำตัวหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์อาจต้องมาพบกับคุณหมอมากกว่านั้น
โดยความถี่ในการฝากครรภ์ของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดี อายุระหว่าง 18–35 ปี มีดังนี้
- อายุครรภ์น้อยกว่า 28 สัปดาห์ นัดหมายทุก ๆ 4 สัปดาห์
- อายุครรภ์ระหว่าง 28–32 สัปดาห์ นัดหมายทุก ๆ 2–3 สัปดาห์
- อายุครรภ์ระหว่าง 32–40 สัปดาห์ นัดหมายทุก ๆ สัปดาห์
ทั้งนี้ ความถี่หรือจำนวนครั้งที่คุณแม่ต้องไปพบคุณหมอในแต่ละสัปดาห์ อาจยืดหยุ่นตามความเหมาะสม โดยคุณหมอจะช่วยกำหนดระยะเวลาและช่วงเวลาที่เหมาะสมให้อีกครั้ง
สำหรับการไปตรวจครรภ์น้อยกว่านั้นก็อาจเป็นไปได้ แต่ไม่ควรน้อยกว่า 8 ครั้งตลอดการตั้งครรภ์ ตามที่องค์การอนามัยโลกและกรมอนามัยแนะนำ เพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์
สุขภาพของลูกน้อยที่ดี เริ่มได้ตั้งแต่ในครรภ์ เลือกฝากครรภ์กับรพ. และคลินิกที่คุณแม่เชื่อใจ เช็กแพ็กเกจฝากครรภ์ คลอดบุตร คลอดเหมาจ่าย จองกับ HDmall.co.th มีราคาโปรให้ด้วยนะ