การเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง เป็นหนึ่งในกระบวนการแปลงเพศชายเป็นหญิง (MTF Sex Reassignment Surgery) อยู่ในส่วนของการผ่าตัดอวัยวะแสดงลักษณะทางเพศ เพื่อให้มีรูปร่างคล้ายผู้หญิงมากที่สุด
การเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิงนั้น มักเป็นขั้นตอนแรกที่ผู้ที่ต้องการแปลงเพศชายเป็นหญิงต้องการทำ เพราะเป็นส่วนที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิงได้ชัดเจนที่สุด
อย่างไรก็ตาม การเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิงจะมีความแตกต่างจากการเสริมหน้าอกในผู้หญิง ทั้งในด้านของการเตรียมตัว และเทคนิคการผ่าตัด เนื่องจากมีโครงสร้างของทรวงอกที่ไม่เหมือนกัน
สำหรับใครที่สนใจเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง แล้วกำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ HDmall.co.th ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิงมาให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเตรียมตัว ขั้นตอนการผ่าตัด หรือการดูแลตนเองหลังการผ่าตัด จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกัน
สารบัญ
- การเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง คืออะไร?
- การผ่าตัดเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง มีกี่วิธี?
- ก่อนเข้ารับการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
- ขั้นตอนการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง เป็นอย่างไร?
- หลังเข้ารับการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง ต้องดูแลตนเองอย่างไร?
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการเสริมหน้าอกชายเป็นหญิง มีอะไรบ้าง?
- เสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง ราคาเท่าไร ควรทำที่ไหนดี?
การเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง คืออะไร?
การเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง (MTF Breast Augmentation, Feminine Breast Augmentation) เหมือนกับการผ่าตัดเสริมหน้าอกในผู้หญิง เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับแต่งขนาด หรือรูปทรงของหน้าอกให้มีลักษณะตรงกับความต้องการของผู้เข้ารับการผ่าตัด
แต่การเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิงจะมีความยากกว่าการผ่าตัดเสริมหน้าอกในผู้หญิง เพราะ
- โครงสร้างของทรวงอกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ขนาดของหัวนมและปานนมของผู้ชายจะมีขนาดเล็กกว่า และตำแหน่งอยู่ค่อนไปทางด้านข้าง ไม่ได้อยู่จุดกึ่งกลางเหมือนกับผู้หญิง
- ผู้ชายมีไหล่ที่กว้างกว่าผู้หญิง
- กล้ามเนื้อหน้าอกของผู้ชายจะแข็งแรงกว่าผู้หญิง และมีไขมันน้อยกว่าผู้หญิง
ความแตกต่างที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้การผ่าตัดเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิงจัดทรงได้ยาก
โดยการผ่าตัดเสริมหน้าอกชายเป็นหญิงให้ได้รูปทรงที่สวยงามนั้น แพทย์ผู้ผ่าตัดจะต้องเลือกขนาดและชนิดของซิลิโคนที่เหมาะสมกับความกว้างของไหล่ และตำแหน่งของหัวนม เพื่อทำให้เกิดความสมดุลของร่องอก และทำให้ตำแหน่งหัวนมอยู่กึ่งกลางมากที่สุด
ดังนั้นการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง จึงควรทำกับศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการผ่าตัดเสริมหน้าอกชายเป็นหญิงโดยเฉพาะนั่นเอง
การผ่าตัดเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง มีกี่วิธี?
วิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง จะแบ่งตามตำแหน่งที่เปิดแผล และตำแหน่งที่ใส่ถุงเต้านมเทียม หรือซิลิโคนเสริมหน้าอก
โดยการผ่าตัดเสริมหน้าอกชายเป็นหญิง สามารถเปิดได้แผลได้ 3 ตำแหน่ง (ตำแหน่งลงมีด) เหมือนกับการผ่าตัดเสริมหน้าอกในผู้หญิง ได้แก่
- บริเวณใต้ราวนม เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่จะมีแผลเป็นบริเวณใต้ราวนม แต่สังเกตได้ยาก เพราะธรรมชาติของเต้านมจะหย่อนลงเล็กน้อยตามแรงโน้มถ่วง ทำให้ปิดรอยแผลเป็นเอาไว้
- บริเวณใต้รักแร้ สามารถซ่อนแผลไว้บริเวณใต้รักแร้ได้ แต่มีข้อเสียคือ จำเป็นต้องเซาะเนื้อจากทางรักแร้ไปจนถึงหน้าอกเพื่อใส่ถุงเต้านมเทียมเข้าไป ซึ่งทำให้เกิดโพรงตามมา หากดูแลไม่ดี อาจมีโอกาสที่ถุงเต้านมเทียมจะเคลื่อนที่มาตามโพรงนี้ได้ (พบได้น้อยมาก)
- บริเวณปานนม อยู่ตรงบริเวณรอยต่อของผิวสีเข้ม และผิวสีอ่อนตรงหัวนม เวลาแผลหายจะมองไม่ค่อยเห็น แต่อาจทำให้เกิดอาการหัวนมชา เพราะผ่าตัดใกล้หัวนมมาก
หลังจากที่เปิดแผลแล้ว ศัลยแพทย์จะทำการแยกเนื้อเยื่อเต้านมออกจากกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เพื่อทำให้เกิดช่องว่างสำหรับใส่ถุงเต้านมเทียม ซึ่งสามารถเลือกใส่ได้ 3 ตำแหน่ง ได้แก่
- ใต้เนื้อนม
- ใต้กล้ามเนื้อ
- ใต้กล้ามเนื้อบางส่วน
เมื่อใส่ถุงเต้านมเทียมเรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์ก็จะเย็บปิดแผล แล้วพันด้วยเทปทำแผล (Surgical Tape) หลังจากนั้นจะให้นอนพักฟื้นเพื่อสังเกตอาการ 1 คืน หากไม่มีอาการผิดปกติ ก็จะให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน และทำการนัดตรวจติดตามอาการและตัดไหมในอีก 7 วัน
การเลือกวิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอกชายเป็นหญิงนั้น จะขึ้นอยู่กับการประเมินร่วมกันระหว่างผู้เข้ารับการผ่าตัด และศัลยแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ก่อนเข้ารับการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง จะต้องเทคฮอร์โมนติดต่อกันนาน 1 ปีขึ้นไป เพื่อกระตุ้นให้ต่อมน้ำนมให้เติบโตขึ้นบ้าง เพื่อรองรับการเสริมหน้าอก
หลังจากนั้นให้เข้าพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพร่างกาย ประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมก่อน โดยเฉพาะการเลือกชนิดของซิลิโคนเสริมหน้าอก ผิวของซิลิโคน ขนาด และรูปทรงที่ต้องการ
เมื่อแพทย์ประเมินแล้วว่า สามารถเข้ารับการเสริมหน้าอกชายเป็นหญิงได้ จึงจะนัดวันผ่าตัด ซึ่งผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องเตรียมตัวตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น
- งดยาฮอร์โมนทุกชนิด อย่างน้อย 1 เดือน ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำระหว่างการผ่าตัด (Deep venous thrombosis: DTV)
- งดยาและอาหารที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin) น้ำมันตับปลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดวิตามิน หรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการบวมช้ำของแผล เช่น วิตามินเอ อี หรือน้ำมันตับปลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากการสูบบุหรี่จะส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงแผลไม่ดี และมีโอกาสทำให้แผลเกิดเนื้อตายได้
- หากมีโรคประจำตัว แจ้งให้แพทย์ทราบ กำลังรับประทานยารักษาโรค หรือมีประวัติแพ้ยา จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
ขั้นตอนการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง เป็นอย่างไร?
- ระงับความรู้สึกด้วยวิธีการดมยาสลบ
- ศัลยแพทย์ลงมือผ่าตัดตามแผนการรักษาที่ได้วางไว้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งถึง 3 ชั่วโมง
- หลังผ่าตัดเสร็จ ศัลยแพทย์จะให้พักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน เพื่อเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ หากไม่มีอาการผิดปกติ จึงจะให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้
- แพทย์จะนัดตรวจติดตามอาการ และตัดไหม หลังจากผ่าตัดไปแล้ว 1 สัปดาห์ และนัดตรวจติดตามอาการอีกครั้งในอีก 14 วัน และ 1 เดือน หลังการผ่าตัด
หลังเข้ารับการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง ต้องดูแลตนเองอย่างไร?
หลังผ่าตัดเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายได้ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ดูแลตนเองดังนี้
- 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด ระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ในระหว่างนั้นให้ทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์สั่ง
- แพทย์จะนัดให้กลับมาตัดไหม ตรวจดูอาการ และสอนนวดหน้าอก ในอีก 7 วัน หลังการผ่าตัด หลังจากนั้นจะตรวจอาการในอีก 14 วัน และ 1 เดือน หลังการผ่าตัด
- หมั่นนวดหน้าอกตามที่แพทย์แนะนำ โดยหน้าอกจะเริ่มเข้าที่ภายในระยะเวลา 6 เดือน
- งดยกสิ่งของเหนือศีรษะ ในช่วง 1 เดือนแรก หลังการผ่าตัด
- งดยกของหนัก 2-3 กิโลกรัม ในช่วง 1 เดือนแรก หลังการผ่าตัด
- สวมใส่สปอร์ตบรา เพื่อกดหน้าอก ทำให้รูปทรงเป็นธรรมชาติ
- หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อชั้นในที่มีโครงประมาณ 1 เดือน เพราะอาจทำให้เกิดรอยบนหน้าอกตามแนวโครงเสื้อชั้นในได้
- งดการสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วง 1 เดือนแรก หลังการผ่าตัด
- สามารถเริ่มกลับมาออกกำลังกายได้ หลัง 2 เดือน หลังการผ่าตัด
- หากมีอาการผิดปกติใดๆ เช่น มีเลือดซึม น้ำเหลืองไหลออกจากแผลไม่หยุด ควรไปพบแพทย์ทันที
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการเสริมหน้าอกชายเป็นหญิง มีอะไรบ้าง?
- ความเสี่ยงทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด เช่น แพ้ยาชา แพ้ยาสลบ ติดเชื้อ อักเสบ มีเลือดออก แผลบวม หรือแผลช้ำ
- มีแผลเป็นบริเวณที่ทำการผ่าตัด
- ปวดแผล สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการรับประทานยาพาราเซตามอล
- เต้านมสองข้างอาจมีขนาด ตำแหน่ง หรือรูปทรงไม่เท่ากัน
- มีโอกาสนมแข็ง อาจเป็นข้างเดียว หรือสองข้างก็ได้
- ความรู้สึกที่หัวนมลดลง หรือหายไป
- ร่างกายไม่รับเต้านมเทียมที่ใส่เข้าไป
เสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง ราคาเท่าไร ควรทำที่ไหนดี?
ราคาเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิง ประมาณ 30,000-200,000 บาท ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของแต่ละสถานพยาบาล ยี่ห้อและขนาดของซิลิโคนที่เลือกใช้
หากสนใจเสริมหน้าอก ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมิน และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมก่อน โดยแพทย์จะสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายในการเสริมหน้าอกเบื้องต้นได้
สำหรับการเลือกสถานพยาบาลเพื่อเสริมหน้าอกนั้น ควรเลือกทำกับโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน กับแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการเสริมหน้าอกจากชายเป็นหญิงโดยเฉพาะ เนื่องจากการเสริมหน้าอกในผู้ชายจะมีความยากกว่าการเสริมหน้าอกในผู้หญิง