หลาย ๆ คนอาจเข้าใจว่า แอลคาร์นิทีน (L-carnitine) มีสรรพคุณช่วยลดน้ำหนัก แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียว มาหาคำตอบกัน สรรพคุณของแอลคาร์นิทีนมีอะไรบ้าง กินยังไง ต่างจากอาหารเสริมอื่น ๆ หรือเปล่า ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้นจริงไหม
มีคำถามเกี่ยวกับ แอลคาร์นิทีน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ
สารบัญ [show]
แอลคาร์นิทีน ดีอย่างไร
ประโยชน์ของแอลคาร์นิทีนที่แท้จริงนั้นไม่ใช่การลดความอ้วนโดยตรง หรืออยู่ ๆ ก็ทำให้พุงกะทิหายไป แต่แอลคาร์นิทีนจะช่วยลดมวลไขมัน เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ลดความเหนื่อยล้า และทำให้ออกกำลังกายได้มากขึ้น จนน้ำหนักตัวลดลง หรือเพิ่มกล้ามเนื้อได้มากขึ้นนั่นเอง
ดังนั้น การกินแอลคาร์นิทีนเพียงอย่างเดียวจึงไม่ช่วยเรื่องลดน้ำหนัก แต่ต้องกินให้ถูกวิธีและควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม แบบนี้จึงจะได้ผลอย่างแท้จริง
แอลคาร์นิทีน ควรกินตอนไหน
เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการกินแอลคาร์นิทีน คือช่วงเช้า เพราะจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีตลอดทั้งวัน หรือจะกินก่อนออกกำลังกายประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้ ส่วนกรณีอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
- ตอนเช้า: การกินพร้อมมื้ออาหารเช้าจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแอลคาร์นิทีนได้ดีขึ้น และจะช่วยเพิ่มพลังงานได้ตลอดทั้งวันอีกด้วย
- ก่อนออกกำลังกาย: ถ้าอยากเพิ่มพลังงานและเผาผลาญไขมัน ควรกินแอลคาร์นิทีนก่อนออกกำลังกายประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ทันเวลา
- แบ่งกินหลายครั้งต่อวัน: บางกรณีอาจแนะนำให้แบ่งกินครั้งละน้อย ๆ ในหลาย ๆ มื้อระหว่างวัน เพื่อรักษาระดับแอลคาร์นิทีนในร่างกายให้คงที่
แอลคาร์นิทีน กินอย่างไรให้เวิร์ก
กินในปริมาณที่เหมาะสม
หนึ่งในวิธีกินแอลคาร์นิทีนให้ได้ผล คือกินราว ๆ 500–1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งถือเป็นปริมาณที่เหมาะกับการลดไขมัน และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
กินร่วมกับวิตามินบีรวม
การกินแอลคาร์นิทีนร่วมกับวิตามินบีรวม (Vitamin B–Complex) จะช่วยเพิ่มโคเอนไซม์ (Coenzyme) ในระบบเผาผลาญ ส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น และทำให้ลดไขมันได้ง่ายขึ้นด้วย
กินคู่กับคาร์โบไฮเดรต
งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การกินแอลคาร์นิทีนควบคู่ไปกับคาร์โบไฮเดรตปริมาณ 60–80 กรัม จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแอลคาร์นิทีนได้ดียิ่งขึ้น ส่งเสริมให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดี และทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น
มีคำถามเกี่ยวกับ แอลคาร์นิทีน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ
แอลคาร์นิทีน กินดี แต่ต้องระวังอะไรบ้าง
แม้ว่าจะมีข้อดีมากมาย แต่ทั้งยาและอาหารเสริมต่างก็มีข้อควรระวังตามมา รวมถึงแอลคาร์นิทีนด้วย
- ห้ามกินแอลคาร์นิทีนมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน เกิดผื่น มีกลิ่นตัว และทำให้อยากอาหารมากขึ้น
- ผู้มีครรภ์ และผู้ที่กำลังให้นมบุตรไม่ควรกินแอลคาร์นิทีน
- ผู้มีภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (ไฮโปไทรอยด์ / Hypothyroid) และผู้ที่เคยมีอาการชัก ควรหลีกเลี่ยงการกินแอลคาร์นิทีน
ผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริมทุกตัวควรได้รับการตรวจสอบให้ดีเสมอก่อนใช้งาน ว่าได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาหรือยัง และควรกินตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัดด้วย
คำถามเกี่ยวกับแอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) ที่พบบ่อย
Q: การกิน L-Carnitine จะช่วยให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีขึ้นจริงไหมคะ แบบเวลาเราออกกำลังกายก็จะเบิร์นมากขึ้น เหงื่อออกเยอะขึ้น
A: จากการค้นคว้า พบว่า มีการทดลองให้แอลคาร์นิทีนกับหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีน้ำหนักเกิน 13 คน เปรียบเทียบกับยาหลอก (คือไม่ได้ให้แอลคาร์นิทีน) 15 คน และให้รับประทานอาหารเหมือนกัน ออกกำลังกายเหมือนกัน ผลออกมาคือ ไม่พบความแตกต่างในดัชนีมวลกาย
นอกจากนี้ ยังมีอีกการศึกษาหนึ่งที่นำหญิงอ้วน 36 ราย ให้แอลคาร์นิทีน 4 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 60 วัน ให้ผลไม่แตกต่างจากเม็ดแป้ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของน้ำหนักตัว ดัชนีมวลกาย หรือแม้แต่การเผาผลาญไขมัน
ดังนั้น จากผลการศึกษาหลาย ๆ ชิ้น พบว่าแอลคาร์นิทีนนั้นมีส่วนช่วยในการลดความอ้วนจริง แต่น้อยมาก อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยบางงานที่แนะนำให้กินวันละอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน จึงจะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันได้
อย่างไรก็ดี แอลคาร์นิทีนก็ถือว่าปลอดภัยและยังส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายน้อยมาก อีกทั้งยังให้ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย โดยหากออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยวันละ 40–50 นาทีขึ้นไป ก็จะสลายไขมันได้อย่างแท้จริง
ตอบโดย ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
มีคำถามเกี่ยวกับ แอลคาร์นิทีน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ