ยาดม พิมเสนน้ำ เป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี บางคนอาจมีติดกระเป๋าเป็นประจำเพื่อเอาไว้สูดดม ช่วยให้สดชื่น แก้อาการวิงเวียนศีรษะ
หลายคนใช้พิมเสนมาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร เป็นพืชหรือสารสังเคราะห์กันแน่ แล้วพิมเสนแตกต่างจากการบูรหรือเปล่า มาไขทุกคำตอบเกี่ยวกับพิมเสน สรรพคุณ และวิธีใช้ ได้ที่บทความนี้เลย
สารบัญ
พิมเสน คืออะไร เหมือนการบูรหรือเปล่า
พิมเสนและการบูร ถือเป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่มธาตุวัตถุ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สมุนไพรทั้งสองมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือกลิ่นหอมเย็น ช่วยให้ผ่อนคลาย กระตุ้นการหายใจ กระตุ้นสมอง ช่วยดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี
ทั้งสองสมุนไพรนิยมนำมาทำเป็นยาดม ยาหม่องน้ำ ใช้สูดดมแก้อาการวิงเวียนศีรษะ อาการหวัด หรือคัดจมูก หากสังเกตลักษณะภายนอก หลาย ๆ คนอาจจะสับสนได้ เพราะทั้งพิมเสนและการบูรต่างก็เป็นเม็ดสีขาว ๆ เหมือนกัน
แต่ความแตกต่างของทั้งคู่ คือ พิมเสนจะมีเกล็ดสีขาวที่ขุ่นและหนากว่าการบูร หากเป็นพิมเสนบริสุทธิ์ จะเป็นแผ่นผลึกหกเหลี่ยม ได้มาจากการกลั่นเนื้อไม้จากต้นพิมเสน เมื่อวางทิ้งไว้จะระเหิด (เปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นไอ) ได้ช้ากว่าการบูร
แต่ปัจจุบัน นิยมใช้พิมเสนสังเคราะห์หรือพิมเสนเทียมมากกว่า เนื่องจากพิมเสนแท้มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนพิมเสนเทียมก็ได้จากการนำสารสกัดจากต้นการบูรมาผ่านกระบวนการทางวิทยาศาตร์นั่นเอง
สำหรับการบูร จัดอยู่ในพืชวงศ์เดียวกับอบเชย ซึ่งเกิดจากการสกัดเนื้อไม้ ราก และแก่นของลำต้น จนได้เป็นผลึกการบูรออกมา ลักษณะการบูรจะเป็นเม็ดกลมสีขาวขุ่น มีขนาดเล็กและละเอียดกว่าพิมเสน อาจจับกันเป็นก้อนหรือร่วนเป็นผง ระเหิดง่าย เป็นยารสร้อน กลิ่นหอมเย็น
สรรพคุณทางยาคล้ายคลึงกับพิมเสน คือ ใช้ทาภายนอกเป็นยาแก้ปวด เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของตำรับยาหอม ยาขับลม ช่วยบำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
แต่มีข้อแตกต่างคือ กาารบูรมีฤทธิ์เป็นยาชาอ่อน ๆ จึงนำมาใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ได้ด้วย
สรรพคุณของพิมเสน
- บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ
- ผสมกับขี้ผึ้ง แก้อาการปวดตามกล้ามเนื้อ ข้อพลิก เคล็ดขัดยอก บวม ฟกช้ำ แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
พิมเสนกับการแพทย์อายุรเวทอินเดีย
จากบันทึกการรักษาของแพทย์พื้นบ้านประเทศอินเดีย มีการใช้ยางเหนียวของพิมเสน (Gum rasin) ผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานเป็นยาคลายกลามเนื้อเรียบ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ หรือใช้เป็นยาละลายเสมหะ ขับเสมหะ ในผู้ป่วยที่ไอเรื้อรัง หรือใช้เป็นยาต้านการอักเสบได้ด้วย
นอกจากจะเป็นยาใช้ภายในแล้ว ยังสามารถนำพิมเสนมาผสมกับน้ำผึ้ง เพื่อใช้ทาแก้อาการปวดภายนอกได้ด้วย
พิมเสนยังใช้ผสมกับพืชชนิดอื่น ๆ (ไม่ระบุว่าเป็นพืชชนิดใด) ได้อีก แก้อาการบาดเจ็บและติดเชื้อบริเวณดวงตา แก้อาการปวดศีรษะธรรมดาและปวดแบบไมเกรนได้
นอกจากนี้ พิมเสนถือว่าเป็นยาบำรุงไต ช่วยขับปัสสาวะ และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้หลายชนิด เช่น เชื้อแบคทีเรียก่อโรคในลำไส้ใหญ่อย่างเชื้อสตาฟิโลคอกคัส (Staphelococcus) ที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วง และสามารถฆ่าเชื้อราบนผิวหนังได้
พิมเสนยังใช้เป็นยาบำรุงหัวใจและยาบำรุงร่างกายทั่วไป ซึ่งคล้ายกับการใช้ในตำรับยาแพทย์แผนไทย ที่นิยมใช้พิมเสนเป็นส่วนประกอบหนึ่งในตำรับยาหอม
พิมเสนกับการแพทย์แผนจีน
ในการแพทย์แผนจีน พิมเสนมักนิยมนำมาใช้เป็นยารักษาอาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น กระตุ้นน้ำย่อย แก้อาการท้องอืด ปวดเกร็งช่องท้อง ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น แก้อาการหลอดลมอักเสบ บรรเทาอาการไอ และขับเสมหะ
อีกทั้งกลิ่นของพิมเสนยังช่วยคลายความวิตกกังวล แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า
การใช้พิมเสนทาภายนอกจะแก้อาการปวดเคล็ด ขัดยอก ลดอาการบวมบริเวณข้อและกล้ามเนื้อ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยที่พบว่า ในพิมเสนนั้นมีสารที่ชื่อว่าเทอร์พีน (Terpene) ช่วยลดความเจ็บปวดที่เกิดจากการอักเสบของข้อได้
นอกจากนี้ พิมเสนยังใช้เป็นยาไล่แมลงได้อีกด้วย
ข้อควรระวังในการใช้พิมเสน
แม้ว่าพิมเสนจะมีสรรพคุณดี ๆ มากมาย แต่การใช้พิมเสน ทั้งแบบภายในและภายนอก ก็ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
และไม่ควรใช้ในเด็กเล็กและสตรีตั้งครรภ์ เพราะอาจเกิดการระคายเคืองในเยื่อบุทางเดินหายใจ ในปาก และลำคอ ทำให้เกิดโรคโพรงจมูกอักเสบ เป็นพิษต่อทางเดินอาหาร ไต สมอง และอาจทำให้เกิดการแท้งบุตรได้
พิมเสนแต่ละรูปแบบมีข้อควรระวัง ดังนี้
- พิมเสนรูปแบบยาดม ควรหลีกเลี่ยงการใช้หลอดยาดมร่วมกับผู้อื่น เพราะเสี่ยงต่อการติดโรคทางเดินหายใจ
- พิมเสนน้ำ วิธีใช้ที่ถูกต้อง คือการหยดลงบนผ้าเช็ดหน้า และสูดไอในระยะห่าง ๆ ไม่ควรนำมาดมใกล้จมูกมากเกินไป หากเป็นชนิดทา ควรทดสอบอาการแพ้บริเวณผิวท้องแขนก่อนทุกครั้ง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้ผิวหนังในผู้ที่ผิวบอบบาง
พิมเสน ทั้งรูปแบบยาดม ยาหม่อง หรือพิมเสนน้ำ ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดการเสพติด และยังทำให้เยื่อระบบทางเดินหายใจอักเสบได้ เนื่องจากการสัมผัสกลิ่นที่มีความเข้มข้นบ่อย ทำให้ประสาทรับกลิ่นในจมูกเสียหายได้
ทั้งนี้ ไม่ควรซื้อพิมเสนมาผสมเป็นยาเพื่อรับประทานแก้อาการต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เนื่องจากปริมาณที่ใช้อาจทำให้เกิดพิษในร่างกายได้ อีกทั้งในปัจจุบันมีการใช้พิมเสนเทียม ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้สารเคมีในผู้ป่วยบางรายได้
ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรหรืออาหารเสริมใด ๆ แม้จะดูไม่ใช่ยาอันตราย แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้เสมอ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาเท่านั้น
เพราะ Health ดี อะไรก็ดี อ่านบทความความรู้สุขภาพแบบรอบด้านจาก HD ได้ที่ HDmall Blog
เขียนบทความโดย ทีมแพทย์แผนไทยประยุกต์ HD