amlodipine

Amlodipine (แอมโลดิปีน)

แอมโลดิพีน (amlodipine) เป็นยาที่ใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นยากลุ่มยาต้านแคลเซียม ยาสำหรับรับประทานยาเม็ด นิยมทาน 2 ขนาด ประกอบด้วย Amlodipine 5 mg และ Amlodipine 10 mg

สรรพคุณของยา Amlodipine

  • รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยควบคุมความดันโลหิตที่สูง ให้ลดลงมาอยู่ระดับปกติ
  • รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยลดอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด
  • ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง

กลไกการออกฤทธิ์

กลไกการออกฤทธิ์ของยา amlodipine คือ แอมโลดิพีนเป็นยาต้านแคลเซียมในกลุ่มไดไฮโดรไพริดีน (dihydropyridine) มีกลไกยับยั้งการไหลเข้าของแคลเซียมไอออนสู่กล้ามเนื้อหัวใจและกล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว

ยาแอมโลดิพีนยังสามารถลดแรงต้านของหลอดเลือดและลดความดันโลหิตโดยทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดแดงที่ peripheral artery ประสิทธิผลการรักษาในภาวะเจ็บแน่นหน้าอก เนื่องจากยาสามารถลดแรงต้านของหลอดเลือดร่วมกับยับยั้งการเกิดการหดตัวของหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มปริมาณออกซิเจนเข้าสู่หัวใจ

ข้อบ่งใช้

ยาแอมโลดิพีน ชนิดรับประทาน มีข้อบ่งใช้ คือ ภาวะเจ็บแน่นหน้าอกคงที่ (stable angina) และ Prinzmetal’s angina

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ เริ่มใช้ยาที่ขนาด 5 มิลลิกรัม วันละครั้ง อาจเพิ่มขนาดเป็น 10 มิลลิกรัม วันละครั้งได้หากจำเป็น
  • ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ เริ่มใช้ยาที่ขนาด 2.5 มิลลิกรัม วันละครั้ง

ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูง

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ เริ่มใช้ยาที่ขนาด 5 มิลลิกรัม วันละครั้ง อาจเพิ่มขนาดเป็น 10 มิลลิกรัม วันละครั้งได้หากจำเป็น
  • ขนาดการใช้ยาในเด็ก อายุ 6-17 ปี เริ่มใช้ยาที่ขนาด 2.5 มิลลิกรัม วันละครั้ง อาจเพิ่มขนาดเป็น 5 มิลลิกรัม วันละครั้งได้หากจำเป็น
  • ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ เริ่มใช้ยาที่ขนาด 2.5 มิลลิกรัม วันละครั้ง

การทานยาและปรับขนาดยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรในร้านขายยา

ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา

  • หากลืมรับประทานยาตามเวลาปกติที่รับประทาน ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้จำนวน 1 เม็ดโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมรับประทาน
  • ในกรณีลืมรับประทานยาใกล้กับเวลารับประทานถัดไป ให้รับประทานยาในมื้อถัดไปในขนาด 1 เม็ด โดยข้ามยาในมื้อที่ลืมไปและไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด

ข้อควรระวังของการใช้ยา

  • ไม่ใช้ยาผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำรุนแรง
  • ไม่ใช้ยาในผู้ป่วยที่มีภาวะช็อก
  • ไม่ใช้ยาในผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นของหัวใจห้องล่างซ้าย (left ventricle) ได้แก่ การเกิด aortic stenosis
  • ไม่ใช้ยาในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว หลังจากการเกิดภาะวหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลัน
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับ และโรคไต
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยสูงอายุ สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร
  • ตัวยาอาจลดความสามารถในการขับขี่และการทำงานกับเครื่องจักร
  • ควรรับประทานยาตามขนาดที่แพทย์สั่ง แพทย์อาจมีการปรับระดับยาของคุณเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้รับการรักษาที่เหมาะสม อย่ารับประทานยามากหรือน้อยหรือนานกว่าที่แพทย์แนะนำ
  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอแม้ว่าคุณจะรู้สึกว่าสบายดีและไม่มีอาการใดๆ เนื่องจากโรคความดันโลหิตสูงนั้นมักจะไม่แสดงอาการ คุณอาจจะต้องรับประทานยาลดความดันเหล่านี้ไปตลอดชีวิต

ผลข้างเคียงอันยา Amlodipine

  • อาจก่อให้เกิดการง่วงซึมในช่วงกลางวัน มึนงง ปวดศีรษะ ข้อเท้าบวม บวมน้ำ ใบหน้าแดง เมื่อยล้า ใจสั่น ปวดท้อง คลื่นไส้
  • อาการที่อาจเกิดขึ้นได้น้อย ได้แก่ ตะคริว หายใจลำบาก
  • การรับประทานยาเกินขนาดอาจก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำเนื่องจากหลอดเลือดเกิดการขยายตัวมากเกินไป และอาจเกิดการตอบสนองที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น (reflex tachycardia)

หากใช้ร่วมกับยาอื่นเช่น amlodipine และ telmisartan  อาจเกิดผลข้างเคียงอื่นเพิ่มเติม คุณควรไปพบแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการ

  • รู้สึกมึนศีรษะ เหมือนกำลังจะเป็ฯลม
  • หายใจเหนื่อย (แม้ว่าจะออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย, ตัวบวม, น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • มีอาการเจ็บหน้าอกหรืออาการรุนแรงขึ้น
  • หัวใจเต้นแรงอยู่ภายในช่องอก
  • มือสั่น กล้ามเนื้อหดเกร็งหรือแข็งตึง
  • มีโพแทสเซียมสูง – คลื่นไส้ หัวใจเต้นช้าหรือผิดปกติ, อ่อนแรง, ไม่เคลื่อนไหว

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการใช้ยา amlodipine และ telmisartan

  • มือหรือเท้าบวม
  • หัวใจเต้นเร็วหรือแรง
  • เวียนศีรษะ
  • หน้าแดง (รู้สึกอุ่น แดง)
  • ปวดหลัง
  • คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดท้อง

ข้อมูลการใช้ยาในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร

สำหรับการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ ตัวยาหยอดตา ยาฉีด และยารับประทานจัดอยู่ในกลุ่ม category C คือควรระมัดระวังการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ สำหรับสตรีให้นมบุตร ควรระวังการใช้ยา

ประเภทของยาตามองค์การอาหารและยา ประเทศไทย

ยาจัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย จำหน่ายเฉพาะในร้านขายยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งเป็นผู้จ่ายยาเท่านั้น

ข้อมูลการเก็บรักษา

  • ควรเก็บรักษายาที่อุณหภูมิ 15 ถึง 30 องศาเซลเซียส เก็บให้พ้นจากแสงแดด
  • ให้เก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง ห่างไกลจากความชื้นและความร้อน โดยเก็บเม็ดยาแต่ละเม็ดไว้ในห่อจนกว่าจะถึงเวลาที่คุณจะรับประทาน
Scroll to Top