มะรุม - ข้อมูล วิธีใช้ ผลข้างเคียง
- ปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับยา ทั้งชนิดของยา การใช้ยาอย่างเหมาะสม และข้อควรระวังของยา
- เภสัชกรจะถือว่า ประวัติสุขภาพและข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณให้มาเป็นข้อมูลจริง และใช้ข้อมูลนั้นประกอบการให้คำปรึกษาและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ข้อมูลดังกล่าวจะถูกเผยแพร่ระหว่างคุณกับเภสัชกรในหน้าแชทส่วนตัวเท่านั้น
- HDmall.co.th จะติดต่อร้านขายยาที่ใกล้ที่สุด ให้คุณปรึกษาและใช้บริการจัดส่งยาจากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตโดยตรง
- HDmall.co.th ไม่ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยตรง รวมถึงไม่ได้กระทำธุรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดในหน้านี้มีไว้เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น
- 🤝 สนใจเป็นหนึ่งในร้านขายยาที่ช่วยให้คำปรึกษาผู้ใช้ด้านยาหรือไม่? สมัครและใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
รายละเอียด
มะรุม (Moringa) เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้น สูง 3-10 เมตร ใบรูปไข่กลับ ปลายมน หรือเว้าตื้น ออกดอกเป็นช่อแบบแยกแขนง กลีบดอกสีเขียวอ่อน ออกดอกตลอดทั้งปี ผลเป็นฝักรูปดาบหรือกระบอง ยาว 18-45 เซนติเมตร เมล็ดขนาดประมาณ 10 มิลลิเมตร
เติบโตตามแถบประเทศเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนอย่างแถบทวีปเอเชียและแอฟริกา โดยใช้ใบ เปลือกไม้ ดอก ผล เมล็ด และรากนำไปทำยา
มะรุมเป็นยาพื้นบ้าน ช่วยแก้ไข้ ขับปัสสาวะ ห้ามเลือด ช่วยการนอนหลับ และเป็นยาระบาย รวมถึงใช้เป็นยาบำรุงและแก้ปวดตามข้อด้วย
นอกจากนี้ มะรุมยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ขับปัสสาวะ ลดความดัน ลดระดับน้ำตาล ไขมันในเลือด ลดไข้ ป้องกันตับอักเสบรักษาแผลในกระเพาะอาหาร รวมไปถึงป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
น้ำมันจากเมล็ดมะรุมใช้ในการประกอบอาหาร ทำน้ำหอม และเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม และนำไปหล่อลื่นเครื่องจักรได้ด้วย
มะรุมเป็นแหล่งอาหารสำคัญของบางพื้นที่ในโลก เนื่องจากเป็นพืชที่โตง่ายและราคาถูก ใบของต้นมะรุมที่นำไปตากแห้งมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ฟีโนลิค (Phenolics) แคโรทีนอยด์ (Carotenoid)
ในประเทศอินเดียและแอฟริกายังมีโครงการนำมะรุมไปใช้ต่อสู้กับความอดอยากอีกด้วย หน่อที่ยังไม่โตเต็มที่ (Drumsticks) มีลักษณะคล้ายถั่วเขียว สามารถนำเมล็ดข้างในออกไปปรุงหรือย่างเหมือนถั่วก็ได้ ใบของต้นมะรุมนำไปปรุงอาหารได้เหมือนผักโขม นำไปตากแห้งและบดเป็นผง ใช้เป็นเครื่องปรุงได้อีกด้วย
ประโยชน์ของมะรุม
มะรุมประกอบด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 โฟเลต กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) แคลเซียม โพแทสเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และสังกะสี อีกทั้งยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันและฟื้นฟูเซลล์ร่างกายจากความเสียหายได้
ภาวะที่ใช้มะรุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด จากการทดลองให้สารสกัดจากใบมะรุม 150 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แก่หนูที่เป็นเบาหวานนาน 5 สัปดาห์ สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ ลดระดับคอเลสเตอรอลชนิด LDL หรือไขมันไม่ดี รวมถึงเพิ่มระดับอินซูลินได้
- ต้านอนุมูลอิสระ จากการนำส่วนต่างๆ ของมะรุมมาสกัดด้วยนำเกลือและแอลกอฮอล์ พบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระจากทั้งใบและดอกมะรุม
- หอบหืด มีการศึกษาพบว่า ผงสกัดจากเมล็ดมะรุมปริมาณ 3 กรัมเป็นเวลานาน 3 สัปดาห์ สามารถลดอาการและความรุนแรงของโรคหอบหืดในผู้ใหญ่ได้
- ขับปัสสาวะ สารสกัดจากใบ ดอก เมล็ด และต้นมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
- ลดความดัน ในมะรุมมีสารไอโซไทโอไซยาเนต (Isothiocyanate) และ สารไนอะซิมินิน (Niaziminin) ที่ช่วยยับยั้งไม่ให้ความดันโลหิตสูงได้
- รักษาแผลในกระเพาะอาหาร สารสกัดจากใบมะรุมจำพวกฟีนอลและฟลาโวนอยด์ ช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดจากใบ ราก และ ต้น มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราหลายชนิด
- ต้านการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง มีหลายการศึกษาเกี่ยวกับการต้านมะเร็งในมะรุม เช่น สารสกัดจากใบและผลของมะรุมพบว่าสามารลดการโตของมะเร็งผิวหนังในหนู
ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของมะรุม
ใบ ผล และเมล็ดของต้นมะรุมบริโภคเป็นอาหารได้อย่างปลอดภัยเมื่อรับประทานหรือใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ควรเลี่ยงการบริโภครากและสารสกัดมะรุมในปริมาณมากเนื่องจากอาจมีสารพิษที่ทำให้เกิดอาการอัมพาตและเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเรื่องความปลอดภัยในการใช้มะรุมในปริมาณที่ใช้กันในทางการแพทย์
คำเตือนและข้อควรระวังในการใช้มะรุม
สตรีมีครรภ์และแม่ที่ต้องให้นมบุตร การใช้ราก เปลือกไม้ หรือดอกมะรุมไม่ปลอดภัยหากคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ เนื่องจากสารเคมีอาจทำให้มดลูกบีบรัดและแท้งบุตรได้ อีกทั้ง ณ ขณะนี้ยังคงขาดแคลนข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการใช้ส่วนอื่นๆ ของต้นมะรุมกับกลุ่มสตรีมีครรภ์ ดังนั้นคนในกลุ่มดังกล่าวควรเลี่ยงใช้มะรุมเพื่อความปลอดภัย และ ณ ขณะนี้ยังคงไม่มีข้อมูลพิสูจน์ว่ามะรุมมีความปลอดภัยต่อผู้ที่ต้องให้นมบุตร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงควรเลี่ยงการบริโภคมะรุมขณะกำลังให้นมบุตร
ปริมาณการใช้มะรุมและการใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการส่งผลซึ่งกันและกันของมะรุมกับยาชนิดอื่น อีกทั้งขนาดยาที่เหมาะสมสำหรับมะรุมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สุขภาพ และภาวะสุขภาพอื่นๆ ของผู้ใช้ ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังคงขาดแคลนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาชี้ชัดปริมาณที่เหมาะสมของมะรุม ดังนั้นพึงจำไว้ว่าแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติก็ไม่จำเป็นต้องปลอดภัยทุกครั้ง พยายามปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาและปรึกษากับเภสัชกร แพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพท่านอื่นก่อนใช้มะรุมทุกครั้ง