ยา เมโทโพรลอล (Metoprolol) เป็นยากลุ่ม Beta-blocker ใช้สำหรับรักษาอาการเจ็บเค้นหน้าอก โรคหัวใจล้มเหลว และใช้รักษาความดันโลหิตสูง การลดความดันโลหิตที่สูงอยู่จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคหลอดเลือดสมอง , โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และโรคไต ออกฤทธิ์โดยไปยับยั้งการทำงานของสารเคมีตามธรรมชาติในร่างกายที่มีผลต่อหัวใจและหลอดเลือด เช่น Epinephrine ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิตลดลง
สารบัญ
- สรรพคุณของยา Metoprolol
- กลไกการออกฤทธิ์ของยา Metoprolol
- วิธีใช้ยา Metoprolol
- ผลข้างเคียงของยา Metoprolol
- ข้อควรระวังในการใช้ยา Metoprolol
- คำเตือนในการใช้ยา Metoprolol
- ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา Metoprolol
- การใช้ยา Metoprolol ร่วมกับยาอื่น
- การได้รับยา Metoprolol เกินขนาด
- หากลืมรับประทานยา Metoprolol
- การเก็บรักษายา Metoprolol
สรรพคุณของยา Metoprolol
- รักษาโรคความดันโลหิตสูง
- รักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- ป้องกันการเกิดหัวใจวายซ้ำ
- รักษาภาวะหัวใจล้มเหลว
กลไกการออกฤทธิ์ของยา Metoprolol
Metoprolol ทำงานโดยการยับยั้งตัวรับเบต้า (beta receptors) ในหัวใจ ซึ่งลดอัตราการเต้นของหัวใจและลดแรงดันในหัวใจ ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง และลดความต้องการออกซิเจนของหัวใจ ทำให้อาการเจ็บหน้าอกจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบลดลง
วิธีใช้ยา Metoprolol
รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง โดยทั่วไปจะรับประทานวันละ 1 ครั้ง
- ยา Metoprolol บางยี่ห้อซึ่งประกอบด้วยยา Metoprolol tartrate อาจดูดซึมได้ดียิ่งขึ้นเมื่อรับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที
- ส่วนยายี่ห้ออื่นๆ ที่ประกอบด้วยยา Metoprolol succinate สามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
ปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่
- สำหรับความดันโลหิตสูง: 50-100 มิลลิกรัมต่อวัน
- สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ: 100-400 มิลลิกรัมต่อวัน
- สำหรับโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ: 50-100 มิลลิกรัม 2-3 ครั้งต่อวัน
ทั้งนี้ ไม่ควรกำหนดปริมาณยาด้วยตัวเอง ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และรับประทานยาด้วยวิธีเดียวกันในทุกครั้งที่รับประทานยา
ห้ามบด หรือเคี้ยวเม็ดยาหรือแคปซูลยาชนิดออกฤทธิ์นาน (Extended-release capsules หรือ Tablets) เพราะจะทำให้ยาถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียงจากยา
ห้ามหักแบ่งเม็ดยาชนิดออกฤทธิ์นาน ยกเว้นมีขีดแบ่งบนเม็ด และแพทย์หรือเภสัชกรแนะนำให้คุณทำเช่นนั้น โดยให้กลืนยาทั้งเม็ด หรือกลืนส่วนที่หักทั้งส่วนโดยไม่บดหรือเคี้ยวเม็ดยาอีก
หากคุณใช้ยาแคปซูลชนิดออกฤทธิ์นาน และมีอาการกลืนแคปซูลยาลำบาก คุณอาจเปิดแคปซูลออกและโรยผงยาลงบนอาหารนิ่มปริมาณ 1 ช้อน เช่น ซอสแอปเปิ้ล พุดดิ้ง หรือโยเกิร์ต จากนั้นให้กลืนส่วนผสมระหว่างยากับอาหารทั้งหมดโดยไม่เคี้ยวอีก เมื่อเตรียมส่วนผสมแล้วให้รับประทานภายใน 60 นาที อย่าเตรียมส่วนผสมของยาดังกล่าวไว้ล่วงหน้า หากคุณต้องรับยานี้ผ่านทางสายยางให้อาหาร ให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีในการใช้ยา
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง แพทย์อาจให้คุณเริ่มด้วยขนาดยาต่ำก่อนและค่อยๆ ปรับเพิ่มขนาดยาขึ้น ดังนั้นให้ปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยขนาดยาที่คุณได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษา
คุณต้องใช้ยานี้เป็นประจำจึงจะได้ประโยชน์จากยาเต็มที่ เพื่อไม่ให้ลืมรับประทานยา แนะนำให้รับประทานในเวลาเดียวกันของทุกวัน ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เพราะอาการบางอย่างอาจแย่ลงได้เมื่อหยุดยากะทันหัน
สำหรับการรักษาโรคความดันโลหิตสูง อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะเห็นผลจากการรักษาเต็มที่ และมีความจำเป็นต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะรู้สึกอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่จะไม่มีอาการใดๆ
สำหรับการใช้ยาเพื่อป้องกันอาการเจ็บหน้าอก ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดครั้งที่ 2 หรือป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน คุณจะต้องรับประทานยานี้ตามแพทย์สั่งเป็นประจำ และไม่ควรใช้ยานี้เพื่อรักษาอาการเจ็บหน้าอกเฉียบพลันหรืออาการปวดศีรษะไมเกรนเฉียบพลัน แต่จะต้องใช้ยาอื่นแทน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้สั่งยาให้กับคุณ เช่น ยา Nitroglycerin ชนิดเม็ดอมใต้ลิ้น สำหรับอาการเจ็บหน้าอกเฉียบพลัน, ยา Triptan เช่น Sumatriptan สำหรับอาการปวดศีรษะไมเกรนเฉียบพลัน ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ให้แจ้งแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง เช่น วัดความดันโลหิตแล้วพบว่ายังคงสูงอยู่ หรือมีอาการเจ็บหน้าอก หรือปวดศีรษะไมเกรนบ่อยครั้ง
ผลข้างเคียงของยา Metoprolol
- อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา Metoprolol ได้แก่ ง่วงนอน เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ท้องเสีย และหัวใจเต้นช้า นอกจากนี้มีรายงานความสามารถทางเพศลดลงด้วย (แต่พบได้น้อย) ถ้าอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
- เพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการเวียนศีรษะและหน้ามืด ให้ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ เมื่อต้องเปลี่ยนจากท่านั่ง หรือท่านอน
- สำหรับยาบางยี่ห้อ อาจพบเปลือกเม็ดยาในอุจจาระได้ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ยา Metoprolol อาจลดการไหลเวียนของเลือดไปที่บริเวณมือและเท้า ทำให้มือและเท้าเย็นได้ การสูบบุหรี่อาจทำให้มือและเท้าเย็นมากกว่าเดิม แนะนำให้สวมเสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่นและหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ขณะใช้ยา Metoprolol
- โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
- แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง ได้แก่ หัวใจเต้นช้ามาก เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หน้ามืด นิ้วมือ นิ้วเท้าเป็นสีฟ้าม่วง หายใจลำบาก มีอาการของโรคหัวใจล้มเหลว หรืออาการของโรคหัวใจล้มเหลวแย่ลง (เช่น หายใจถี่ บวมที่ข้อเท้า บวมที่เท้า อ่อนเพลียผิดปกติ น้ำหนักเพิ่มผิดปกติ น้ำหนักเพิ่มกะทันหัน) อารมณ์หรือสภาพจิตใจเปลี่ยนแปลงไป (เช่น สับสน อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า)
- ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น, คัน บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ), เวียนศีรษะรุนแรง, หายใจลำบาก
- อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ข้อควรระวังในการใช้ยา Metoprolol
ถ้าคุณแพ้ยา Metoprolol หรือแพ้ยาอื่นในกลุ่ม Beta-blockers เช่น Atenolol, Propranolol หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนการใช้ยา Metoprolol ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณมีภาวะดังต่อไปนี้
- มีปัญหาเกี่ยวกับจังหวะการเต้นของหัวใจ เช่น หัวใจเต้นช้า, Second or third-degree atrioventricular block, Sick sinus syndrome
- มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ เช่น เป็นโรคหอบหืด, หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic bronchitis), ถุงลมโป่งพอง (Emphysema)
- เป็นโรคตับ
- เกิดปฏิกิริยาการแพ้อย่างรุนแรง ซึ่งรวมถึงกรณีที่ต้องรักษาด้วยยา Epinephrine
- มีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือด เช่น Raynaud’s disease, โรคหลอดเลือดส่วนปลาย (Peripheral vascular disease)
- มีความผิดปกติทางอารมณ์ สภาพจิตใจ เช่น ซึมเศร้า
- เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย (Myasthenia gravis)
ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน ยา Metoprolol อาจบดบังอาการหัวใจเต้นเร็วซึ่งเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นขณะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ส่วนอาการอื่นๆ ของภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เวียนศีรษะ, เหงื่อออก จะไม่ได้รับผลกระทบจากยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจทำให้คุณควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น แนะนำให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำตามแพทย์สั่ง และนำผลการตรวจไปให้แพทย์ดูด้วย แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการของภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง เช่น รู้สึกหิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย ซึ่งแพทย์อาจจำเป็นต้องปรับขนาดยารักษาโรคเบาหวาน ปรับโปรแกรมการออกกำลังกาย หรือปรับคำแนะนำในการรับประทานอาหารให้กับคุณ
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่
ยานี้อาจทำให้มีอาการวิงเวียนศีรษะหรือง่วงนอน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้มีอาการวิงเวียน หรือง่วงนอนได้มากขึ้น ห้ามขับรถ, ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องอาศัยการตื่นตัว จนกว่าคุณจะทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ เพราะยานี้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ จึงให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ขณะตั้งครรภ์
ยา Metoprolol ผ่านไปยังน้ำนมได้ ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของยานี้ก่อนการให้นมบุตร
คำเตือนในการใช้ยา Metoprolol
- ห้ามหยุดยา Metoprolol เองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เพราะสภาวะโรคบางอย่างอาจแย่ลงได้หากหยุดยากะทันหัน ผู้ป่วยบางรายที่หยุดใช้ยาที่คล้ายกันอย่างทันทีทันใดจะมีอาการเจ็บหน้าอก กล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ หากแพทย์พิจารณาแล้วว่าคุณไม่ควรใช้ยานี้ต่อ แพทย์อาจค่อยๆ ปรับลดขนาดยาลงใน 1-2 สัปดาห์ ก่อนหยุดยา
- ระหว่างที่กำลังหยุดยา ขอแนะนำให้จำกัดกิจกรรมทางร่างกาย/การออกกำลังกาย เป็นการชั่วคราว เพื่อลดความเครียดต่อหัวใจ หากคุณมีอาการเจ็บหน้าอก เจ็บเค้น แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอกที่แพร่กระจายไปที่ขากรรไกร คอ แขน เหงื่อออกผิดปกติ หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา Metoprolol
- เป็นเนื้องอกต่อมหมวกไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมา (Pheochromocytoma)
- เป็นโรคเบาหวาน
- มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
- เป็นโรคซึมเศร้า
- เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย (Myasthenia gravis)
- เป็นโรคหัวใจชนิด Complete Heart Block
- เป็นโรคหัวใจชนิด Second Degree Atrioventricular Heart Block
- หัวใจเต้นเต้นผิดปกติจาก Sick Sinus Syndrome
- หัวใจเต้นช้าชนิด Sinus bradycardia
- มีอาการที่ร้ายแรงของภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
- มีอาการชา เสียวซ่า เหมือนถูกเข็มตำ ที่นิ้วมือ และนิ้วเท้า เป็นครั้งคราว
- เป็นโรคหลอดเลือดส่วนปลาย (peripheral vascular disease)
- ความดันโลหิตต่ำผิดปกติ
- หอบหืดเฉียบพลัน
- มีภาวะหลอดลมหดเกร็ง (bronchospasm)
- เป็นโรคตับ
- เป็นโรคสะเก็ดเงิน
- การไหลเวียนเลือดล้มเหลวอันเนื่องมาจากโรคหัวใจที่ร้ายแรง
- เป็นโรคหัวใจชนิด First Degree Atrioventricular Heart Block
- หลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน (Peripheral arterial occlusive disease)
- เป็นผู้ที่มีการทำงานของเอนไซม์ CYP2D6 แย่
- เกิดการแพ้อย่างรุนแรงจากการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (Anaphylactic Shock due to Allergy Shots)
- แพ้ยาในกลุ่ม Beta-blockers
การใช้ยา Metoprolol ร่วมกับยาอื่น
การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
รายการยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Metoprolol ได้แก่:
- Lumefantrine
- Arbutamine
- Panobinostat
- วัคซีนภูมิแพ้ (Allergen Immunotherapy)
- Fingolimod
- Fenoldopam
- Clonidine
- Epinephrine
- Barbiturates
- Cimetidine
- ยาในกลุ่ม Calcium channel blockers บางรายการ
- ยาในกลุ่ม Selected Alpha-Blockers บางรายการ
- Rifamycins
- Thioamines
- Hydralazine
- Propafenone
- Amiodarone, Dronedarone
- Terbinafine
- ยาที่ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP2D6 บางรายการ
- Mirabegron
- Desvenlafaxine ขนาดตั้งแต่ 400 มิลลิกรัม ขึ้นไป
- Anticholinesterases
- Lacosamide
- Tizanidine
- ยาในกลุ่ม MAOIs บางรายการ
- Mefloquine, Quinidine
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
- Lidocaine
การได้รับยา Metoprolol เกินขนาด
- หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา Metoprolol เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669
- อาการของการได้รับยาเกินขนาดอาจได้แก่ หัวใจเต้นช้าผิดปกติ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง อ่อนแรงอย่างรุนแรง เป็นลม หายใจลำบาก
หากลืมรับประทานยา Metoprolol
ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
การเก็บรักษายา Metoprolol
- เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำ เก็บยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก