colchicine scaled

Colchicine (โคลชิซิน)

โคลชิซีน (colchicine) เป็นยากลุ่ม ยารักษาภาวะยูริคในเลือดสูงและรักษาโรคเกาท์ ยาที่ใช้ในการรักษาโรคเกาต์และภาวะอักเสบเฉียบพลันที่เกี่ยวข้อง

สรรพคุณยา Colchicine

  • รักษาโรคเกาต์เฉียบพลัน: ใช้ในการบรรเทาอาการปวดและอักเสบที่เกิดจากการโจมตีของโรคเกาต์เฉียบพลัน โดยช่วยลดการสะสมของกรดยูริกในข้อและเนื้อเยื่อ
  • ป้องกันการโจมตีซ้ำของโรคเกาต์: ใช้ในการป้องกันการเกิดโรคเกาต์ซ้ำ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติโรคเกาต์กำเริบบ่อยครั้ง
  • รักษาโรคพิวรีโดซิส: ใช้ในการป้องกันและบรรเทาอาการของโรคพิวรีโดซิส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง ช่องอก และข้อ

กลไกการออกฤทธิ์

กลไกการออกฤทธิ์ของยา คือ โคลชิซีนลดการอักเสบเนื่องมาจากการเกิดการตกผลึกของกรดยูริก คาดว่ากลไกเกิดจากการยับยั้งการเคลื่อนย้ายของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดมีแกรนูลไปยังบริเวณที่เกิดการอักเสบ นอกจากนี้โคลชิซีนยังยับยั้งการเกิดโพลิเมอไรเซชันของ บีต้า-ทูบูลิน (beta-tubulin) ในการเปลี่ยนแปลงเป็นไมโครทิวบูล ยับยั้งการทำงาน การสลายแกรนูล และการเคลื่อนย้ายของเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิล (neutrophil) ที่เป็นตัวกลางเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการของเกาท์

รูปแบบและส่วนประกอบของยา

ยาสำหรับรับประทาน ยาเม็ด ประกอบด้วยโคลชิซีน ขนาด 0.6 มิลลิกรัม

ข้อบ่งใช้

ยาโคลชิซีนชนิดยาเม็ดรับประทาน มีข้อบ่งใช้ คือ รักษาเกาท์ ชนิดเฉียบพลัน

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ เริ่มต้นที่ขนาดยา 1 มิลลิกรัม ตามด้วยขนาด 0.5 มิลลิกรัมหลังจากรับประทานยาครั้งแรกใน 1 ชั่วโมง
  • ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นอาจรับประทานซ้ำได้ในอีก 12 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดใน 8 ชั่วโมงคือ 0.5 มิลลิกรัม จนกว่าอาการจะหายดี
  • ขนาดยาสูงสุดต่อการรักษา ขนาด 6 มิลลิกรัม ไม่ควรใช้ยารักษาอาการซ้ำภายในสามวันหลังจากการใช้ยาครั้งก่อนหน้า

ข้อบ่งใช้สำหรับป้องกันการเกิดเกาท์ ชนิดเฉียบพลัน

  • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ 0.5 มิลลิกรัม วันละสองครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์

ควรทานยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา

  • หากลืมรับประทานยาตามเวลาปกติที่รับประทาน ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้จำนวน 1 เม็ดโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมรับประทาน
  • ในกรณีลืมรับประทานยาใกล้กับเวลารับประทานถัดไป ให้รับประทานยาในมื้อถัดไปในขนาด 1 เม็ด โดยข้ามยาในมื้อที่ลืมไปและไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด

ข้อควรระวังของการใช้ยา

  • ไม่ใช้ยาในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเลือด แบบ blood dyscrasia
  • ไม่ใช้ยาในผู้ป่วยโรคไตรุนแรง (รวมทั้งผู้ป่วยที่ต้องฟอกเลือด) และผู้ป่วยโรคตับ
  • ไม่ควรใช้ยาร่วมกับ ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ CYP3A4 เช่น itraconazole ketozonazoe clarithromycin ยาในกลุ่ม HIV protease inhibitor ยา gemfibrozil ciclosporin danazol และยากลุ่ม P-glycoprotein inhibitor
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด และผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคไต หรือโรคตับที่มีความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง
  • ระวังการใช้ยาในสตรีมาครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร

ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา

  • อาจก่อให้เกิดอาการเหล่านี้อย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ไม่สบายท้อง กดไขกระดูก agranulocytosis ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ อาการ myopathy กล้ามเนื้อสลายตัว
  • ผลข้างเคียงที่หายาก อาจเกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน ลมพิษ หน้าบวม คอบวม หรืออาการแพ้รุนแรง
  • ผลข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่ ภาวะโลหิตจางชนิด aplastic anemia เม็ดเลือดแดงต่ำ ภาวะกล้ามเนื้อเสื่อม

ข้อมูลการใช้ยาในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร

สำหรับการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ ตัวยาจัดอยู่ในกลุ่ม category C คือควรระมัดระวังการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ สำหรับสตรีให้นมบุตร ควรระวังการใช้ยา

ประเภทของยาตามองค์การอาหารและยา ประเทศไทย

ยาจัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย จำหน่ายเฉพาะในร้านขายยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งเป็นผู้จ่ายยาเท่านั้น

ข้อมูลการเก็บรักษา

ควรเก็บรักษายาที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส เก็บยาให้พ้นจากแสงแดดและความชื้น

Scroll to Top