อาการคนท้อง หลายคนเข้าใจว่าแค่อาเจียนหรืออยากของเปรี้ยว แต่จริงๆ มีอีกหลายสัญญาณมากกว่าในละคร ซึ่งสามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นอกจากอุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์แล้ว ยังมีอาการทางร่างกายที่สามารถบอกถึงสัญญาณของการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งผู้หญิงแต่ละคนก็จะมีอาการที่แตกต่างกันไป คุณสามารถสังเกต 10 อาการที่อาจบอกว่า คุณกำลังจะได้เป็นคุณแม่มือใหม่ได้ ดังต่อไปนี้
สารบัญ
1. ปัสสาวะบ่อย
อาการปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ ไตในร่างกายจะต้องทำงานหนักมากขึ้น ประกอบกับมดลูกขยายตัวจนไปเบียดกับกระเพาะปัสสาวะ เป็นผลให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อยๆ นั่นเอง
อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์และจึงจะกลับสู่ภาวะปกติ จากนั้น คุณแม่ก็จะมีอาการปวดปัสสาวะบ่อยอีกครั้ง ในช่วงใกล้คลอด
เนื่องจากทารกที่โตแล้วในครรภ์จะมีน้ำหนักมากทำให้กดกระเพาะปัสสาวะ จึงทำให้คุณแม่มีอาการปวดปัสสาวะบ่อย
2. เจ็บเต้านม หรือเต้านมคัด
อาการนี้มักจะพบได้บ่อยอยู่แล้วในช่วงก่อนมีประจำเดือน แต่ในขณะเดียวกัน อาการเจ็บเต้านมก็สามารถเกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ในระยะแรกได้เช่นกัน โดยมักจะมีอาการเจ็บอย่างเด่นชัดในช่วง 5-6 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์
มีสาเหตุมาจากร่างกายเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับสร้างน้ำนมให้กับลูกน้อย ทำให้คุณแม่อาจมีอาการเจ็บ หรือคัดตึงเต้านมขึ้นมาได้ พร้อมกับหัวนมที่มีสีคล้ำและขยายใหญ่ขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจาก 3 เดือนผ่านไปแล้ว อาการเจ็บเต้านมก็จะค่อยๆ หายไปเอง
3. เป็นสิว
ใครจะรู้ว่า สิวก็เป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ได้ นั่นก็เพราะสิวเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายเป็นหลัก
ดังนั้นในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ คุณแม่จะมีระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนอาจทำให้มีสิวขึ้นได้มากกว่าปกติ
หากคุณพบว่า ตนเองมีสิวขึ้นเยอะกว่าเดิม ประกอบกับมีอาการอื่นๆ ที่เป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ร่วมด้วย ก็สงสัยได้เลยว่า คุณอาจกำลังจะมีเจ้าตัวน้อยนั่นเอง
4. อยากรับประทานอาหารแปลก
หญิงตั้งครรภ์บางรายอาจมีพฤติกรรมอยากรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป ซึ่งหากไม่ได้รับประทานดั่งใจ คุณแม่หลายรายก็มักจะเกิดอารมณ์หงุดหงิด และอารมณ์เสียได้ง่ายขึ้นด้วย เช่น
- อยากรับประทานอาหารแปลกๆ
- อยากรับประทานอาหารที่ไม่เคยรับประทานมาก่อน
- อยากรับประทานอาหารบางชนิดมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอาหารที่มีรสชาติเปรี้ยว
5. คลื่นไส้ อาเจียน
อาการนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ที่เด่นชัดและเป็นที่รู้จักมากที่สุด ซึ่งอาการนี้มักจะมาพร้อมกับอาการวิงเวียนศีรษะ และหน้ามืดเสมอ
มักจะพบได้ในช่วง 6-12 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์และจะค่อยๆ หายไปเองเมื่อพ้นเดือนที่ 3 ไปแล้ว
นอกจากนี้อาการคลื่นไส้ อาเจียนในหญิงตั้งครรภ์บางราย อาจเป็นหนักจนต้องให้น้ำเกลือเสริมได้
ดังนั้นเมื่อคุณมีอาการคลื่นไส้อาเจียนบ่อยๆ จนเริ่มอ่อนเพลีย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจครรภ์และฝากครรภ์ไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการมีเจ้าตัวน้อย
6. ท้องอืด หรือท้องขึ้น
การตั้งครรภ์จะทำให้มดลูกเริ่มขยายตัวขึ้น ซึ่งอาจทำให้คุณแม่มีอาการท้องอืดและท้องขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อรับประทานอาหารรสจัด เพราะมดลูกจะไปเบียดกับกระเพาะอาหารจนทำให้กระเพาะอาหารย่อยได้ไม่เต็มที่นั่นเอง
ดังนั้นในช่วงนี้ แพทย์จึงมักจะแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์รับประทานอาหารที่มีรสชาติอ่อนๆ และเป็นอาหารเบาๆ โดยอาจแบ่งเป็นวันละหลายๆ มื้อ เพื่อให้กระเพาะอาหารไม่ทำงานหนักจนเกินไป
7. ประจำเดือนขาด
เป็นอีกสัญญาณของการตั้งครรภ์ที่แสดงได้อย่างชัดเจนว่า คุณกำลังจะมีเจ้าตัวน้อย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ประจำเดือนมาปกติไม่เคยขาด ะฉะนั้นหากคุณรู้สึกว่า ประจำเดือนขาดไปอย่างผิดปกติ ให้ลองไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจดูเพื่อความมั่นใจ
8. ปวดท้อง
ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ คุณอาจมีอาการปวดเกร็งในช่องท้องน้อย ซึ่งจะมีลักษณะการปวดแบบหน่วงๆ เนื่องจากมดลูกกำลังยืดขยายตัวเพื่อรองรับการมีทารกน้อยในครรภ์
ดังนั้น หากคุณรู้สึกปวดท้องแบบแปลกๆ หรือปวดหน่วงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจเสียก่อน และอย่าเพิ่งซื้อยามารับประทานเอง เพื่อความปลอดภัยของเด็กในครรภ์
9. อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าง่าย
อาการนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงในช่วงเริ่มแรกของการตั้งครรภ์ จึงอาจทำให้คุณแม่เกิดอาการอ่อนเพลีย และอยากนอนหลับอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ สาเหตุที่ทำให้หญิงตั้งครรภ์เกิดอาการอ่อนเพลียนั้น มาจากร่างกายได้มีการดึงเอาพลังงานไปใช้ในการพัฒนาการเติบโตของทารกน้อยเป็นหลัก จึงทำให้คุณแม่มีอาการเหนื่อยล้าง่ายกว่าปกติด้วยนั่นเอง
10. อารมณ์แปรปรวน
อารมณ์ที่แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ขี้น้อยใจ เป็นอีกสัญญาณที่อาจบอกได้ว่า คุณกำลังตั้งครรภ์ นั่นก็เพราะฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงส่งผลกระทบต่อสภาวะอารมณ์ของคุณแม่โดยตรง
ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หงุดหงิด เสียใจ น้อยใจ หรือร้องไห้ได้ง่ายกว่าปกติ ทำให้ในช่วงนี้ ว่าที่คุณพ่อมือใหม่อาจจะต้องวางแผนรับมืออารมณ์ที่แปรปรวนง่ายของคุณแม่กันสักหน่อย
หากคุณสงสัยว่า กำลังตั้งครรภ์ ลองสังเกตจาก 10 สัญญาณเตือนเหล่านี้ดู และเพื่อความมั่นใจมากขึ้น การไปตรวจครรภ์กับแพทย์โดยตรงจะช่วยยืนยันได้ว่า คุณกำลังจะมีเจ้าตัวน้อยจริงหรือไม่
สรุปอาการคนท้อง 1 เดือนแรก
อาการแพ้ท้องอาจเริ่มสังเกตเห็นตั้งแต่ 1 สัปดาห์แรก หรือ 1-4 สัปดาห์แรก แต่บ่อยครั้งที่ผู้หญิงจะรู้สึกกังวลจนเกิดอาการคล้ายตั้งครรภ์ หากต้องการสังเกตแบบชัดเจนควรรอประมาณ 1 เดือน จะเริ่มเห็นชัดมากขึ้น อาการเด่นจะผลของความเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกาย มีดังนี้
- ประจำเดือนไม่มา เกิน 1 สัปดาห์
- ประจำเดือนสีจางลง
- ความเปลี่ยนแปลงต่อเต้านมและหัวนม
- อ่อนเพลีย เนื่องจากฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น
- อารมณ์แปรปรวน
- คลื่นไส้อาเจียน ส่วนใหญ่เริ่มในสัปดาห์ที่ 2 ขึ้นไป
- ปวดศีรษะ
- ปวดปัสสาวะบ่อย
- อยากอาหารแปลกและเกลียดอาหารบางอย่าง
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับอาการคนท้อง
หากมีอาการคลื่นไส้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ แสดงว่า ท้องใช่ไหม?
อาการคลื่นไส้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่ได้ยืนยัน 100% ว่า คุณไม่ได้ตั้งครรภ์แน่นอน เพราะหากผลตรวจออกมาเป็นบวก นั่นหมายความว่า คุณอาจตั้งครรภ์มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว และเพิ่งเริ่มมีอาการในช่วงนั้น
ถ้าไม่มีอาการคนท้อง แสดงว่าไม่ได้ท้องใช่ไหม?
ตอบ ถึงแม้คุณจะไม่มีอาการคนท้องเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ได้ตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์บางคนอาจไม่มีสัญญาณบ่งบอก หรืออาการแพ้ท้องใดๆ เลยก็ได้ แต่มารู้ตัวอีกที ก็พบว่า ตนเองตั้งครรภ์ได้หลายสัปดาห์แล้ว
หากคุณพบว่า ตนเองกำลังตั้งครรภ์อยู่จริงๆ ก็จะได้ฝากครรภ์กับแพทย์ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมาด้วย
ทั้งนี้ อาการดังกล่าวอาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด และอาจมีอาการอื่นแตกต่างกันไปในคุณแม่ที่มีโรคประจำตัว หรือมีการติดเชื้อเกิดขึ้น หรืออาจเป็นโรคอื่นทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ที่สำคัญ ควรสังเกตอาการประจำเดือนขาดเป็นหลัก และตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะ และอัลตราซาวน์เพิ่มเติมได้ตามสถานพยาบาลต่างๆ เพื่อความมั่นใจ
เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจฝากครรภ์และคลอดบุตร
ปรึกษาแพทย์ออนไลน์เกี่ยวกับสุขภาพผู้หญิง
คำถามพบบ่อย