ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีกระแสความนิยมเกี่ยวกับอาหารที่ปราศจากกลูเตนมากขึ้นเรื่อยๆ และสามารถพบอาหารที่ไม่มีกลูเตนได้เกือบทุกที่ อย่างไรก็ตามอาหารประเภทนี้นั้นดีสำหรับผู้ทีแพ้กลูเตนแต่ไม่มีหลักฐานว่าการรับประทานอาหารประเภทนี้ในคนทั่วไปนั้นจะทำให้สามารถลดน้ำหนัก, เพิ่มพลังงาน, รักษาโรคออทิสติกหรือทำให้สุขภาพดีขึ้นได้แต่อย่างใด นอกจากทำให้พวกเขาต้องเสียเงินมากขึ้นเนื่องจากอาหารกลุ่มนี้มักมีราคาแพง
กลูเตนทำให้เกิดปัญหาได้อย่างไร
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเซลิแอค ไม่สามารถรับประทานกลูเตนได้ และการรับประทานโปรตีนเพียง 50 มิลลิกรัมนั้นก็สามารถทำให้เกิดอาการได้แล้ว เนื่องจากกลูเตนจะเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายซึ่งจะมาทำลายเยื่อบุลำไส้เล็ก ทำให้เกิดการขัดขวางการดูดซึมสารอาหารและทำให้เกิดอาการและโรคอื่นๆ ตามมาเช่นโรคกระดูกพรุน, เป็นหมัน, เส้นประสาทถูกทำลายและชัก
นอกจากโรคเซลิแอคแล้ว ยังมีภาวะแพ้กลูเตนที่สามารถทำให้เกิดอาการลักษณะเดียวกันแต่ไม่ได้มีการทำลายเยื่อบุลำไส้
ในอดีตการวินิจฉัยโรคนี้นั้นจะต้องเกิดจากการตัดสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นไปได้ออกจนหมดก่อน แต่ในปัจจุบันสามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจเลือดหากภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ต่อต้านโปรตีนที่ชื่อ tissue transglutaminase และยืนยันการวินิจฉัยด้วยการตัดชิ้นส่วนจากลำไส้ออกมาตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่ไม่มีกลูเตน
การหลีกเลี่ยงกลูเตน หมายความว่าคุณจะไม่สามารถรับประทานขนมปัง, ซีเรียล, พาสต้า พิซซ่าและเบียร์ตามปกติได้ นอกจากนั้นกลูเตนยังผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์อีกหลายอย่างเช่นผักแช่แข็ง, ซอสต่างๆ, ซีอิ้วขาว, ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่ามีการปรุงรสตามธรรมชาติ, วิตามินและเกลือแร่เสริม, ยาบางชนิดหรือแม้แต่ยาสีฟัน ทำให้การรับประทานอาหารแบบไม่มีกลูเตนนั้นเป็นเรื่องที่ลำบาก
หากคุณต้องการเปลี่ยนไปรับประทานอาหารที่ไม่มีกลูเตน คุณควรทราบว่าการรับประทานอาหารประเภทนี้อาจทำให้คุณขาดแร่ธาตุที่สำคัญบางตัวได้ เนื่องจากขนมปังและซีเรียลถือเป็นอาหารที่มีวิตามินบีสูง และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีขนมปังที่ทำจากข้าวขาว, tapioca หรือแป้งที่ไม่มีกลูเตนแต่ขนมปังเหล่านี้ก็มักจะไม่มีการผสมวิตามินเข้าไป ทำให้เกิดปัญหาโดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์หรือมีแนวโน้มที่จะตั้งครรภ์ซึ่งต้องการวิตามิน B9 หรือที่รู้จักกันในชื่อกรดโฟลิคเพื่อป้องกันความพิการแต่กำเนิด ดังนั้นในผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารแบบไม่มีกลูเตน ควรรับประทานวิตามินหรือแร่ธาตุเสริมร่วมด้วย
นอกจากนั้นการที่ไม่รับประทานธัญพืชเลยนั้นก็จะทำให้คุณขาดเส้นใยอาหารซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของลำไส้ หากคุณต้องการเส้นใยอาหารเพิ่มขึ้น คุณอาจจะต้องพยายามรับประทานธัญพืชกลุ่มอื่นเช่นข้าวกล้อง, ควินัว, ผัก ผลไม้หรือถั่วเข้ามาทดแทน
หากคุณสงสัยว่าคุณเป็นโรคเซลิแอคหรือมีภาวะแพ้กลูเตน ควรไปพบแพทย์ก่อนที่จะเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่ไม่มีกลูเตนเอง เนื่องจากหากเปลี่ยนมารับประทานอาหารแบบนี้สักระยะหนึ่งแล้วจะทำให้วินิจฉัยโรคได้ยากขึ้น
หากคุณเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่ไม่มีกลูเตนจริงๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้คนอื่นรู้ เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคเซลิแอคไม่ได้มองว่าการรับประทานอาหารแบบนี้นั้นเป็นเรื่องที่ดีแต่มันเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำและพวกเขาก็ไม่ได้มีความสุขกับมันนัก
บทความแนะนำ
- อาการปวดศีรษะ รักษาไม่หาย ควรทำอย่างไร
- 8 ข้อผิดพลาด ที่ทำให้คุณแก่เร็วขึ้น
- อาการท้องอืดท้องเฟ้อ อาจเป็นอาการแสดงของมะเร็งลำไส้ใหญ่
- รวมวิธีกำจัดสิวอุดตันด้วยตนเอง
- ตรวจเชื้อ HIV ได้ตอนไหน กี่วันรู้ผล? ตอบทุกคำถาม
ที่มาของข้อมูล
ปิด
ปิด
- Gluten-free diet. Mayo Clinic. (https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/gluten-free-diet/art-20048530)
- A gluten-free food list for different diets. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/324494)
- Why You Need to Eat Gluten for Celiac Disease Testing. Verywell Health. (https://www.verywellhealth.com/why-do-i-need-to-eat-gluten-for-celiac-disease-testing-562308)