กลุ่มชายรักชาย ถือเป็นกลุ่มที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นอย่างมาก เพราะมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่าย และถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิต
เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชายก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักอาจทำให้เกิดการฉีกขาด เป็นแผล ถ้าไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม เช่น การไม่สวมใส่ถุงยางอนามัย หรือพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัยอย่างการมีคู่นอนหลายคน ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้มากเท่านั้น
สารบัญ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่กลุ่มชายรักชายต้องระวังมีอะไรบ้าง?
สำหรับโรคติตต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถพบได้บ่อยในกลุ่มชายรักชาย มีดังนี้
เชื้อ HIV
เชื้อ HIV สามารถติดต่อกันผ่านทางเลือด น้ำอุสจิ ซึ่งจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ช้าลง สามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ง่ายขึ้น
การติดเชื้อ HIV เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจไม่มีอาการชัดเจน หรืออาจเป็นไข้รุนแรงในช่วงแรกและกินระยะเวลายาวนาน จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อเช็กว่าติดเชื้อ HIV มาหรือไม่
โรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่กลุ่มชายรักชายต้องระวัง เพราะเป็นการติดเชื้อจากแบคทีเรียซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้
ซิฟิลิสสามารถติดจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือช่องปาก โดยมีอาการเป็นรอยแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ ทั้งองคชาต อัณฑะ รวมถึงทวารหนัก หรืออาจมีแผลบริเวณริมฝีปากได้
โรคซิฟิลิสสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดโรค หรือภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย เช่น อัมพาต อวัยวะภายในเสียหาย ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
โรคหนองในแท้
โรคหนองในแท้ (Gonorrhea) เกิดขึ้นได้หากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการป้องกันอย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ว่าจะมีทางทวารหนัก หรือแม้แต่ช่องปากก็ตาม
ในกลุ่มชายรักชายจะพบปัญหาหนอง หรือของเหลวไหลออกมาจากอวัยวะเพศชาย ขณะเดียวกันในบางรายถ้าติดเชื้อแบคทีเรียที่ลำไส้ตรง ก็อาจทำให้มีสารคัดหลั่งคล้ายหนองไหลออกมาจากรูทวารได้ รวมถึงรู้สึกเจ็บปวด แสบขัดขณะปัสสาวะร่วมด้วย
ถ้ารู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับโรคหนองในแท้อยู่ ควรเข้ารับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะกับแพทย์ทันที มิเช่นนั้นอาจส่งผลให้ท่ออสุจิตีบตัน เป็นหมัน หรือมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ HIV อีกด้วย
โรคหนองในเทียม
โรคหนองในเทียม หรือ Chlamydia เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือช่องปากโดยไม่ป้องกัน
ในระยะแรกๆ จะไม่แสดงอาการใด ก่อนที่ 1-3 สัปดาห์แรกจะรู้สึกแสบขัดขณะปัสสาวะ มีของเหลวไหลออกมาจากอวัยวะเพศ หรือมีเลือดไหล รู้สึกเจ็บปวดบริเวณทวารหนัก โดยสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
โรคเริม
โรคเริม (Herpes) เป็นโรคพบได้บ่อยมาก เพราะสามารถแพร่กระจายได้ง่ายแม้ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ เพียงแต่จูบ หรือสัมผัสกับแผลเริมของอีกฝ่ายก็สามารถติดเชื้อได้แล้ว
โรคเริมเป็นโรคติดเชื้อไวรัส มีอาการในช่วงแรกคือแผลขนาดเล็ก ที่จะค่อยๆ พัฒนาเป็นแผลพุพอง ตุ่มน้ำใส และก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด แสบร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งยังใช้ระยะเวลารักษาค่อนข้างนานอีกด้วย
โรคหูดหงอนไก่
โรคหูดหงอนไก่ (Genital Warts) เกิดจากการติดเชื้อ HPV ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ มีอาการเป็นตุ่ม ติ่งเนื้อคล้ายดอกกะหล่ำ แต่ไม่มีอาการเจ็บปวดเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือรอบๆ รูทวารหนัก
หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม อาจพัฒนาเป็นมะเร็งบริเวณอวัยวะเพศ หรือทวารหนักได้ในอนาคต
ไวรัสตับอักเสบ B
ไวรัสตับอักเสบ B (Hepatitis B) สามารถเกิดการติดเชื้อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ หรือสัมผัสกับน้ำเชื้ออสุจิ เลือดของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ B
ไวรัสตับอักเสบ B สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน หรือถ้าหากเป็นแล้วก็สามารถใช้ยาต้านไวรัสเพื่อบรรเทาอาการและไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้
อาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของกลุ่มชายรักชาย
กลุ่มชายรักชายอาจไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเผชิญกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชายบางโรคนั้นไม่แสดงอาการ แต่ก็มีอาการของโรคที่ควรระวัง ดังนี้
- อาการเจ็บปวด คันระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ
- มีแผล ตุ่ม ตุ่มพองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือแม้แต่ริมฝีปาก
- มีอาการแสบขัดอวัยวะเพศขณะปัสสาวะ หรือมีอาการเจ็บปวดเวลาถ่ายอุจจาระ
- มีของเหลว เช่น หนอง เลือด ไหลออกจากอวัยวะเพศ หรือรูทวารหนัก
- เข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะ หรืออุจจาระบ่อยครั้งกว่าปกติ
การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชายมีวิธีอะไรบ้าง?
สำหรับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชาย เบื้องต้นสามารถทำได้ด้วยการซักประวัติเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย และสุขภาพทางเพศ รวมถึงเก็บตัวอย่างของเหลวจากร่างกายไปเพื่อตรวจหาสาเหตุ หรือยืนยันให้แน่ชัดว่าคุณติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ เช่น
- การตรวจเลือด เพื่อตรวจสอบการติดเชื้อ HIV มองหาแอนติบอดี้ที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ตลอดจนใช้เลือดเพื่อตรวจสอบถามเชื้อไวรัสตับอักเสบ B และโรคซิลิฟิลิสแฝง
- การตรวจปัสสาวะ สำหรับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชาย อย่างพวกโรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม
- การตรวจของเหลวอื่นๆ เช่น อสุจิ น้ำเหลือง เพื่อหาเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียทีเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เมื่อรู้ถึงสาเหตุของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แน่ชัด หรือรู้ว่าเป็นโรคอะไรแล้ว แพทย์จะวางแผนการรักษาที่จะสามารถจัดการกับปัญหาต้นตอของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหล่านั้นได้ เช่น ถ้าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ก็จำเป็นต้องจ่ายด้วยยาปฏิชีวนะ
ต่างจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ก็จะอาศัยยาที่สามารถต้านเชื้อไวรัส หรือเป็นยาที่คอยรักษาตามอาการต่าง ๆ แทนได้
วิธีการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของกลุ่มชายรักชาย
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของกลุ่มชายรักชายบางโรคก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ บางโรคก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทั้งนี้สามารถป้องกันโรคติตด่อทางเพศสัมพันธ์ให้ไม่เกิดเสี่ยงในการติดเชื้อ หรือไม่นำเชื้อไปแพร่กระจายใส่ผู้อื่นได้ดังนี้
- สวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย เช่น การมีคู่นอนหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักที่รุนแรงเกินไป
- ควรกินยา PrEP ก่อนมีความเสี่ยง หรือยา PEP หลังเกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อ HIV
- หมั่นเข้ารับการตรวจร่างกาย และตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกๆ 3 เดือน
กลุ่มชายรักชายถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย แต่สามารถรักษาโรคเหล่านี้ได้ อาจจะรักษาให้หายขาดได้ก็ดี หรือรักษาตามอาการเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ถึงชีวิตก็ดี
ทางที่ดีที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ที่สุดก็คือการใส่ถุงยางอนามัย และควรให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกๆ 3 เดือน เพื่อที่จะได้รู้ตัวว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน และจะได้สามารถรักษาให้ถูกต้องเหมาะสมต่อไป