สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- พีมปั่นจักรยานเป็นงานอดิเรกค่ะ แต่ก็ยังไม่เคยไปตรวจสมรรถภาพและโครงสร้างร่างกายเลยไม่รู้ว่าท่าปั่นจักรยานรวมถึงโครงสร้างสรีระของร่างกายที่เป็นอยู่มันแข็งแรงและเหมาะสมแล้วหรือยัง
- การตรวจในโปรแกรม All You Can Fits จะมีทั้งการตรวจมวลไขมัน มวลกล้ามเนื้อ ตรวจดูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การยืดหยุ่นของร่างกาย และตรวจดูลักษณะโครงสร้างร่างกายกับนักกายภาพบำบัด
- พี่นักกายภาพบอกว่า แพ็กเกจนี้ตรวจได้ทุกคนเลย ไม่ว่าจะเพศไหนหรือวัยอะไร ขอแค่เป็นคนที่อยากปรับสมดุลร่างกายให้เหมาะสม อยากมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นก็มาตรวจได้เลย
- ผลตรวจของพีมปกติทุกอย่างค่ะ มวลไขมันและมวลกล้ามเนื้อก็อยู่ในระดับที่ผ่านเกณฑ์หมดที่จะมีตัวแดงในส่วนนี้ก็คือ น้ำหนักตัว แนะนำให้พีมเพิ่มน้ำหนักตัวสัก 3.8 กิโลกรัม
- พี่นักกายภาพบำบัดออกแบบท่าออกกำลังกายสำหรับปรับบุคลิกภาพและโครงสร้างร่างกายให้กับพีม โดยเน้นไปที่การปรับโครงสร้างแกนกลางลำตัวเพราะเป็นตำแหน่งร่างกายที่ต้องใช้งานในการปั่นจักรยานเยอะมาก
- รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ โรงพยาบาลพญาไท 2
- ดูรายละเอียด ราคาโปรแกรม All You Can Fits ตรวจความแข็งแรงของร่างกาย ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2
- ดูโปรแกรมทั้งหมดจาก โรงพยาบาลพญาไท 2 บน HDmall.co.th
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth
เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่
- รีวิวโปรแกรม All You Can Fits ที่ รพ. พญาไท 2
- ขั้นตอน Check-Body ตรวจเช็กรูปร่าง
- ขั้นตอน Check-Posture ตรวจเช็กโครงสร้างร่างกาย
- ขั้นตอน Check-Muscle ตรวจเช็กกล้ามเนื้อ
- ตรวจสมรรถภาพความยืดหยุ่นของหลังและลำตัวส่วนบน (Back Scratch Test)
- ตรวจสมรรถภาพความยืดหยุ่นของหลังและลำตัวส่วนล่าง (Sit And Reach Test)
- ตรวจสมรรถภาพความแข็งแรงของหลังและขา (Back And Leg Dynamometer Test)
- ตรวจสมรรถภาพความแข็งแรงของมือและลำแขน (Hand Strength Dynamometer Test)
- ตรวจสมรรถภาพความทนทานของระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด (Step Test)
- ขั้นตอน Consult โดยนักกายภาพบำบัด
- ท่าออกกำลังกายเฉพาะบุคคล (Personal Exercise Program)
- ความประทับใจหลังเข้าโปรแกรมตรวจ All You Can Fits
- บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ
งานอดิเรกของพีมคือการปั่นจักรยานค่ะ ถ้าว่างเมื่อไรก็จะไปออกทริปปั่นจักรยานกับเพื่อนๆ เป็นประจำ ซึ่งก็เป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่หนักพอสมควร และต้องอยู่ในท่านั่งเดิมๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง ต้องใช้ทั้งพลังงานและกล้ามเนื้อหลายส่วนในการปั่นให้ถึงจุดหมายให้ได้
แต่ขณะเดียวกันพีมไม่เคยรู้เลยว่าสมรรถภาพและโครงสร้างร่างกายที่ทำอยู่เหมาะสมแล้วหรือยัง มันแข็งแรงเหมาะสมเพียงพอรึเปล่า
จนได้ได้เจอโปรแกรม All You Can Fits ตรวจความแข็งแรงของร่างกาย ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 บน HDmall.co.th ลองอ่านลิสต์รายการตรวจดู พีมก็สนใจค่ะ
เพราะโปรแกรมนี้เน้นตรวจดูความพร้อมของโครงสร้างร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก มวลน้ำหนัก มวลไขมัน บุคลิกภาพในท่าทางต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อนำไปใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสมและมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงาน การออกกำลังกาย หรือการเล่นกีฬา
แถมยังได้อุปกรณ์สำหรับการฝึกออกกำลังกาย รวมถึง Health Coach ให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลา 3 เดือนผ่านทางออนไลน์ด้วย พีมเลยตัดสินใจจองคิวทำนัดเพื่อรีเช็กความพร้อมของสมรรถภาพและโครงสร้างร่างกายของพีมเองค่ะ
รีวิวโปรแกรม All You Can Fits ที่ รพ. พญาไท 2
ในโปรแกรม All You Can Fits เราต้องเตรียมชุดออกกำลังกายไปในวันตรวจด้วยนะคะ สำหรับชุดที่แนะนำควรจะเป็นชุดรัดรูปนิดนึง เพื่อให้ทั้งตัวเราเองและพี่นักกายภาพบำบัดได้เห็นสรีระกับโครงสร้างร่างกายของเราอย่างชัดเจนค่ะ
เมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาลพญาไท 2 ก็ติดต่อกับพี่เจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนค่ะ หลังจากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าต้องไปที่ชั้นไหน พอไปถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดเลยค่ะ
สำหรับขั้นตอนแรก เจ้าหน้าที่จะให้เราไปเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายเพื่อเตรียมเข้าไปตรวจร่างกายกับพี่นักกายภาพบำบัดก่อน
ก่อนเริ่มตรวจ พี่นักกายภาพบำบัดจะให้กรอกข้อมูลปัจจัยเสี่ยงจากการออกกำลังกาย แล้วพูดคุยรายละเอียดแพ็กเกจและกลุ่มคนที่เหมาะมาตรวจในแพ็กเกจ All You Can Fits สักเล็กน้อย
พี่นักกายภาพเล่าว่าจริงๆ แพ็กเกจนี้ตรวจได้ทุกคนเลยนะ ไม่ว่าจะเพศไหนหรือวัยอะไร ขอแค่เป็นคนที่อยากปรับสมดุลร่างกายให้เหมาะสม อยากมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นก็มาตรวจได้เลย
แต่ในกลุ่มคนที่เล่นกีฬา คนที่ชอบออกกำลังกาย หรือดูแลสุขภาพอยู่แล้วเนี่ย จะได้ประโยชน์ในส่วนของการปรับสมดุลร่างกายเพื่อลดโอกาสบาดเจ็บระหว่างออกกำลังด้วย
เพราะกิจกรรมหลักๆ ของกลุ่มคนที่ชอบออกกำลังกายมันจะมีความเสี่ยงเรื่องอาการบาดเจ็บเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ดังนั้นการมาทดสอบร่างกายและมารับคำแนะนำที่เหมาะกับตัวเขาเองกับนักกายภาพบำบัดจะช่วยให้เขาออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาได้ปลอดภัยมากขึ้น
พี่นักกายภาพบำบัดแบ่งกลุ่มคนที่มาตรวจโปรแกรม All You Can Fits ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ กลุ่มคนที่ไม่มีอาการบาดเจ็บ คนกลุ่มนี้แนะนำให้มาตรวจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายประมาณปีละ 1 ครั้งก็พอค่ะ
แต่คนกลุ่มที่สองอย่างกลุ่มผู้ที่มีอาการบาดเจ็บจากการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายมาก่อน อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมออีกที คุณหมออาจจะให้ตรวจถี่ขึ้น หรือให้ตรวจไปพร้อมกับปรับแก้โครงสร้างร่างกายด้วย จะดูเป็นเคสบายเคสไปอีกทีค่ะ
หลังจากคุยกันพอหอมปากหอมคอ เราก็เริ่มกระบวนการตรวจกันค่ะ เพราะในโปรแกรม All You Can Fits มีการตรวจหลายอย่าง พีมจะอธิบายขั้นตอนการตรวจเป็นหัวข้อๆ ไปนะคะ
ขั้นตอน Check-Body ตรวจเช็กรูปร่าง
การตรวจแรกที่เราจะทำกัน จะเป็นการตรวจดูสัดสวน ปริมาณกล้ามเนื้อ ไขมัน และน้ำในร่างกาย รวมถึงระบบเผาผลาญของร่างกายเราด้วยเครื่อง Omron รูปร่างจะคล้ายๆ กับเครื่องชั่งน้ำหนักทั่วไปเลย แค่ต้องถอดถุงเท้าก่อนแล้วขึ้นไปยืนนิ่งๆ บนเครื่อง
เครื่องก็จะแสดงข้อมูลองค์ประกอบร่างกายเราออกมา แล้วพี่นักกายภาพก็จะกรอกข้อมูลไปในตารางองค์ประกอบร่างกายซึ่งจะแสดงให้เห็นบนจอทีวีในห้องด้วย เราที่เป็นผู้เข้ารับการตรวจจะได้เห็นข้อมูลไปพร้อมๆ กันเลย
จากนั้นพี่นักกายภาพบำบัดก็เอาสายวัดมาวัดรอบเอวพีมค่ะ ซึ่งพีมเป็นคนออกกำลังกายประจำอยู่แล้ว รอบเอวเลยไม่ได้เกินเกณฑ์อะไรค่ะ
ขั้นตอน Check-Posture ตรวจเช็กโครงสร้างร่างกาย
Check-Posture นอกจากจะตรวจเช็กโครงสร้างร่างกาย ยังเป็นการตรวจดูภาพรวมของบุคลิกภาพให้เราด้วย
การตรวจพีมต้องไปยืนอยู่ด้านหน้าแผ่นกริดสีขาวๆ ที่จะเป็นลายตารางติดกับผนังก่อนค่ะ แล้วพี่นักกายภาพบำบัดก็จะติดสติ๊กเกอร์เรืองแสงตามปุ่มกระดูกของเรา เช่น ตรงหัวไหล่ ตรงสะบัก ปีกกระดูกสันหลัง สะดือ สะโพก ข้อเข่า ตรงตาตุ่มเท้า
จากนั้นพี่นักกายภาพบำบัดจะให้เราใส่แว่นกันแสงเลเซอร์ เพราะพี่เขาจะต้องให้เราไปยืนตัวตรงอยู่หน้าแผ่นตารางกริดและเปิดเครื่องยิงแสงเลเซอร์เป็นเส้นเล็กๆ มาหาตัวเรา
ท่าแรกต้องทำ คือ ยืนหน้าตรงและย่ำเท้าอยู่กับที่ 10 ครั้ง ระหว่างย่ำไม่จำเป็นต้องเกร็งหรือพยายามปรับท่าการทรงตัวให้ดูดีเลยค่ะ ให้ทำแบบที่เป็นท่าทางของเราที่สุด ระหว่างนั้นพี่นักกายภาพบำบัดจะถ่ายรูปเราพร้อมกับแสงเลเซอร์สีเขียวๆ จาก iPad ไปด้วย
ท่าต่อมาก็เป็นการย่ำเท้า 10 ครั้งเหมือนเดิมค่ะ แต่จะเป็นการหันข้างให้กับพี่นักกายภาพบำบัด จากนั้นต้องยืนหันหน้า หันข้าง และหันหลังให้พี่นักกายภาพบำบัดถ่ายรูปให้ครบอีกครั้ง แค่นี้ก็เสร็จแล้วค่ะ
ขั้นตอน Check-Muscle ตรวจเช็กกล้ามเนื้อ
เป็นขั้นตอนตรวจดูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และนำมาออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซึ่งก็จะมีการตรวจวัดหลายๆ อย่างดังนี้ค่ะ
1. ตรวจสมรรถภาพความยืดหยุ่นของหลังและลำตัวส่วนบน (Back Scratch Test)
วิธีตรวจส่วนนี้จะเป็นการยืนตัวตรง แล้วเอาแขนข้างหนึ่งยกไพล่ไปข้างหลัง ให้ปลายนิ้วของแขนข้างที่ยกต้นแตะถึงปลายนิ้วของแขนอีกข้างที่ไพล่จากด้านล่างเหมือนกัน ทำทีละข้างโดยมีพี่นักกายภาพบำบัดคอยวัดดูระยะของปลายนิ้วที่แตะกันค่ะ
ส่วนตัวตอนพีมยกแขนข้างขวา ปลายนิ้วจะแตะถึงกันได้ถึงเกือบครึ่งฝ่ามือเลย ข้างซ้ายจะยากกว่า แต่ปลายนิ้วก็แตะถึงเหมือนกันค่ะ
2. ตรวจสมรรถภาพความยืดหยุ่นของหลังและลำตัวส่วนล่าง (Sit And Reach Test)
เป็นการตรวจเพื่อเช็กความยืดหยุ่นของร่างกายส่วนล่าง พีมต้องลงไปนั่งกับพื้นแล้วเหยียดขา 2 ข้างไปข้างหน้าจนสุดค่ะ จากนั้นเหยียดแขนไปข้างหน้าให้สุดทั้ง 2 ข้างเหมือนกัน ตรงปลายนิ้วเราที่เหยียดออกไปจะมีหัวก้านกลมๆ ที่จะจรดอยู่ที่ปลายนิ้วเราพอดี
สิ่งที่ต้องทำคือ โน้มตัวไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุดเพื่อดันหัวกลมๆ ที่อยู่ที่ปลายนิ้วออกไปให้ห่างจากตัวเท่าที่จะทำได้ค่ะ โดยที่ทั้งแขนและขายังต้องเหยียดตรงไปข้างหน้าเหมือนเดิม
3. ตรวจสมรรถภาพความแข็งแรงของหลังและขา (Back And Leg Dynamometer Test)
ท่านี้จะแอดวานซ์ขึ้นมาอีกนิดนึงค่ะ แต่ถ้าใครเคยออกกำลังกายท่า Squad มาก่อนก็จะง่ายหน่อย โดยเราต้องขึ้นไปยืนบนเครื่องไดนาโมมิเตอร์ แล้วย่อเข่ากับก้นทำท่า Squad ค่ะ
จากนั้นพี่นักกายภาพบำบัดจะเอาโซ่เหล็กที่คล้องกับเครื่องไดนาโมมิเตอร์และมีส่วนปลายเป็นแท่งจับยาวๆ มาให้จับ ระหว่างที่ทำท่า Squad จะต้องจับแท่งที่คล้องกับโซ่เหล็ก แล้วดึงขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะออกแรงได้ค่ะ ตัวเครื่องจะวัดเป็นตัวเลขออกมาว่าหลังกับขาของเราแข็งแรงมากแค่ไหน
4. ตรวจสมรรถภาพความแข็งแรงของมือและลำแขน (Hand Strength Dynamometer Test)
วิธีตรวจว่ามือกับแขนเราแข็งแรงหรือไม่ พี่นักกายภาพบำบัดจะให้พีมถือเครื่องไดนาโมมิเตอร์ซึ่งจะคล้ายๆ กับตาชั่งขายของและมีก้านจับอยู่ด้านบน แล้วให้ออกแรงบีบก้านจับตรงนั้นไว้ให้แน่นที่สุด ตัวเครื่องก็จะวัดออกมาว่าความแข็งแรงของมือกับแขนเรามีมากแค่ไหน
5. ตรวจสมรรถภาพความทนทานของระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด (Step Test)
อันนี้ถ้าใครร่างกายยังไม่ฟิต หรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอาจจะเหนื่อยหน่อยนะคะ เพราะสิ่งที่เราต้องทำให้พี่นักกายภาพบำบัดดูก็คือ การก้าวขึ้นลงเป็นสเต็ปกับกล่องไม้เป็นเวลา 3 นาที ที่สำคัญสเต็ปที่ว่าเราจะต้องทำให้ทันตามจังหวะกลองที่พี่นักกายภาพบำบัดเปิดให้ฟังด้วยนะ
ขั้นตอน Consult โดยนักกายภาพบำบัด
หลังจากทดสอบสมรรถภาพแต่ละส่วนไปครบแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการฟังผลตรวจและผลการทดสอบกับนักกายภาพบำบัดค่ะ
ในส่วนของผลตรวจความยืดหยุ่นและโครงสร้างร่างกายปกติทุกอย่างค่ะ มวลไขมันและมวลกล้ามเนื้อก็อยู่ในระดับที่ผ่านเกณฑ์หมด ไม่เสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ที่จะมีตัวแดงในส่วนนี้ก็คือ น้ำหนักตัวค่ะ พี่นักกายภาพบำบัดแนะนำให้พีมเพิ่มน้ำหนักตัวสัก 3.8 กิโลกรัม
ส่วนผลตรวจความแข็งแรงของร่างกาย พีมมีปัญหาพละกำลังมือกับแขนค่อนข้างน้อยเทียบกับคนรุ่นเดียวกันค่ะ แต่พี่นักกายภาพบำบัดก็แจ้งว่า ไม่ได้ซีเรียสกับปัญหานี้ขนาดนั้น ถ้าเราไม่ใช่กลุ่มคนที่ต้องใช้พลังจากมือกับแขนทำกิจกรรมหนักๆ หรือเล่นกีฬาหนักๆ มากค่ะ
ส่วนความฟิตของระบบหัวใจและหลอดเลือดก็ค่อนข้างดีเลย ผ่านเกณฑ์อย่างสวยงามมาก
ลำดับถัดมาคือ Posture ของร่างกายเราค่ะ พี่นักกายภาพบำบัดได้เปิดรูปที่ถ่ายพีมทั้งตัวไว้ขึ้นบนจอทีวีประกอบการอธิบายด้วย มันเลยทำให้เห็นเลยว่าไหล่เอียง โดยไหล่ข้างซ้ายยกสูงกว่าข้างขวา
นอกจากนี้เมื่อมองรูปตัวเองในมุมด้านข้าง จากเส้นแสงเลเซอร์กับเส้นกริดที่เป็นแบ็คกราวน์ มันทำให้เห็นเลยค่ะว่าร่างกาย 2 ซีกมีการลงน้ำหนักไม่เท่ากัน
ถ้าเราลงน้ำหนักทุกส่วนของร่างกายลงอย่างสมดุล เส้นแสงเลเซอร์แนวนอนจะเป็นเส้นตรงค่ะ แต่ถ้าร่างกายเราไม่บาลานซ์กัน เส้นแสงเลเซอร์ก็จะเอียงขึ้นลงนิดนึงเหมือนกราฟตัวเลขที่ไม่สมดุล
ซึ่งจากรูปที่พี่นักกายภาพบำบัดถ่าย น้ำหนักร่างกายพีมส่วนขวาจะดูดีกว่าค่ะ
ท่าออกกำลังกายเฉพาะบุคคล (Personal Exercise Program)
ฟังผลตรวจจนครบแล้ว พี่นักกายภาพบำบัดก็ได้ออกแบบท่าออกกำลังกายสำหรับปรับบุคลิกภาพและโครงสร้างร่างกายให้ทั้งหมด 5 ท่าโดยเน้นไปที่การปรับโครงสร้างแกนกลางลำตัวหรือ Core Body เนื่องจากเป็นตำแหน่งร่างกายที่พีมต้องใช้งานในการปั่นจักรยานเยอะมากค่ะ
ท่าแรกจะเป็นท่า Squad ก่อน แต่พีมจะต้องหัดเกร็งเพื่อเก็บหน้าท้องให้เป็น จากนั้นค่อยๆ ดันลำตัวขึ้นยืนตรง พี่นักกายภาพบำบัดจะให้พีมลองทำท่านี้อย่างถูกต้อง เมื่อเริ่มปรับท่าเป็นเองแล้วจะเอาอุปกรณ์เสริมมาเพิ่มความยากมากขึ้นไปอีกด้วยการใช้ยางยืด Thera Band ค่ะ
โดยพีมจะต้องเอา Thera Band มารัดที่ต้นขา เหมือนกับเราถูกเชือกมารัดแน่นๆ ให้ขาชิดเข้าหากัน แต่ต้องออกแรงต้านให้ตรงหว่างขามีช่องว่างเอาไว้และต้อง Squad พร้อมยืดตัวตรงไปด้วย
ท่าต่อมาจะเป็นท่าคล้ายกับเรายืนค้างไว้ในท่าก้าวเดินค่ะ โดยต้องก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า ขาหลังอ้าเปิดส้นเท้าไว้ แล้วย่อเข่าลงทั้ง 2 ข้าง แขนหย่อนข้างลำตัว เกร็งเก็บหน้าท้อง และหลังต้องตั้งตรง เมื่อย่อเข่าแล้วก็ค่อยๆ ยืดตัวขึ้นเหมือนยืนเตรียมก้าวเดินไปข้างค่ะ
เมื่อเริ่มทำเป็นแล้ว พี่นักกายภาพบำบัดจะเอายางยืด Thera Band มาเกี่ยวไว้กับเท้าหลังแล้วให้เอามือ 2 ข้างจับยางยืดให้ตึงไว้กับระหว่างย่อเข่าลง แม้แต่ตอนดึงลำตัวขึ้นยืนตรง ก็ต้องให้ยางยืดตึงเอาไว้เหมือนเดิมด้วย
ท่าที่สามเป็นท่า Plank ค่ะ เป็นท่านอนแล้วเอาข้อศอกเท้ากับพื้น ปลายเท้า 2 ข้างกดไว้กับพื้นเหมือนกันเพื่อให้ลำตัวเราลอยขนานกับพื้น
ท่านี้พีมมีพื้นฐานอยู่บ้างแล้วค่ะ แต่ได้พี่นักกายภาพบำบัดช่วยฝึกการเกร็งเก็บหน้าท้อง และม้วนก้นลง เป็นรายละเอียดในท่า Plank เล็กๆ น้อยๆ ที่พีมมองข้ามไป ระหว่างนั้นให้หายใจสบายๆ ได้เลย และในช่วงแรกให้ทำประมาณ 10 วินาที
ท่าที่สี่ ต้องคุกเข่าแล้วโน้มตัวลง เหยียดแขนลงยันเท้ากับพื้น จากนั้นยกขาข้างหนึ่งเหยียดลอยไปด้านหลังจนสุด ส่วนขาอีกข้างยังคุกเข่า 90 องศากับพื้นอยู่ ทำสลับข้างกันไป
ระหว่างทำพี่นักกายภาพบำบัดจะให้มองกระจกดูท่าและโครงสร้างร่างกายตัวเองไปด้วย แผ่นหลังต้องเหยียดตรง ไม่แอ่นซ้ายหรือขวาค่ะ
เมื่อเริ่มทำเป็น ทีนี้พี่นักกายภาพบำบัดจะเอายางยืด Thera Band สีแดงมารั้งไว้ที่ฝ่าเท้าข้างหนึ่ง แล้วดึงตัวยางยืดมาวางไว้ใต้ฝ่ามือพีมที่เท้าอยู่กับพื้น เพื่อเพิ่มแรงต้าน
และท่าที่ห้า ท่านี้เหนื่อยสุดเลย อันดับแรกให้ Plank ก่อน จากนั้นงอเข่าไปด้านหน้าเพื่อเปลี่ยนจากท่า Plank เป็นท่า Squad จากนั้นยืดตัวขึ้นเหมือนกับยืนตรง แล้วกระโดด 1 ครั้งค่ะ บอกเลยลองทำไปแค่ 3 ครั้งก็เหนื่อยแล้ว
ความประทับใจหลังเข้าโปรแกรมตรวจ All You Can Fits
พีมรู้สึกว่าคิดถูกมากที่เข้าโปรแกรม All You Can Fits เพราะจากการตรวจวันนี้ถึงได้รู้ว่าตัวเองมี Posture หลายส่วนที่ต้องไปปรับ
เมื่อก่อนพีมไม่เคยมองดูตัวเองในกระจกแบบละเอียดเลย พีมชินกับการออกกำลังกายด้วยท่าเดิมๆ ที่คิดว่าถูกมาตลอด แต่ All You Can Fits เหมือนช่วยเอกซเรย์ภาพโครงสร้างร่างกายให้ แถมยังได้รับคำแนะนำดีๆ เฉพาะบุคคลจากพี่นักกายภาพบำบัดอีก
นอกจากการตรวจร่างกายและได้รับคำแนะนำดีๆ จากพี่นักกายภาพบำบัดแล้ว ในโปรแกรม All You Can Fits ยังมีอุปกรณ์สำหรับเอากลับไปใช้ฝึกออกกำลังกายด้วย ซึ่งก็คือยางยืด Thera Band และยังมี Education VDO วิดีโอสอนวิธีออกกำลังกายอย่างถูกวิธีด้วยค่ะ
ซึ่งในโปรแกรม All You Can Fits เรายังสามารถปรึกษากับ Health Coach ที่จะคอยให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลา 3 เดือนผ่านทางออนไลน์ด้วยค่ะ
พีมก็ขอแนะนำให้คนรักการออกกำลังกายและรักสุขภาพทุกท่านให้ลองมาตรวจร่างกายด้วยโปรแกรม All You Can Fits ดูนะคะ เพราะท่าออกกำลังกายที่เรากำลังทำอยู่ทุกวันในตอนนี้อาจจะเป็นท่าที่ไม่เหมาะสมต่อโครงสร้างร่างกายเราก็ได้
หรือแค่ท่าง่ายๆ อย่างท่ายืนตัวตรงที่เราต้องทำอยู่แทบจะตลอด ก็อาจจะมีบาลานซ์ร่างกายบางส่วนที่ไม่สมดุลกันโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้
สำหรับแพ็กเกจ All You Can Fits ตัวนี้ สามารถจองผ่านเว็บไซต์ HDmall.co.th ซึ่งให้ราคาถูกกว่า ถ้าใครอยากตามไปอ่านรายละเอียดแพ็จเกจนี้พร้อมราคาค่าใช้จ่าย ก็สามารถคลิกได้ตามที่อยู่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ
ยังไงก็ขอตัวกลับไปออกกำลังกายเพื่อปรับสมดุลร่างกายตามคำแนะนำของพี่นักกายภาพบำบัดก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่า