รีวิว ทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี ICSI ที่ Prime Fertility Clinic


รีวิว ทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

สรุปการรีวิว

ขยาย

ปิด

  • เราพยายามมีน้องกันมามากกว่า 11 ปีแล้วค่ะ ทั้งวิธีธรรมชาติ วิธีทำ IUI ก็ยังไม่สำเร็จเสียที จนเริ่มท้อแล้ว แต่ในที่สุดก็ลองพยายามสู้ใหม่โดยจากการเสิร์ชดูข้อมูลวิธีอื่นๆ เพิ่มเติม เราเลยตัดสินใจจะใช้วิธีทำ ICSI กัน
  • เบื้องต้นคุณหมอตรวจพบจำนวนไข่ตั้งต้นค่อนข้างน้อย ส่วนฝั่งสามี ผลตรวจออกมาพบว่าตัวสเปิร์มเคลื่อนไหวค่อนข้างช้าค่ะ โดยสรุปคือ เราทั้งคู่จะต้องกลับดูแลและบำรุงสุขภาพกันใหม่ก่อน
  • การกระตุ้นไข่จะใช้เวลาทั้งหมด 14 วัน ในช่วง 6 วันแรกคุณหมอจะให้ยาแบบฉีดในปริมาณ 300 IU กับเราค่ะ แต่หลังจากกลับมาอัลตราซาวด์พบว่าไข่แต่ละใบมันโตไม่เท่ากัน เลยเพิ่มปริมาณยามากขึ้นค่ะ
  • หลังจากเก็บไข่และนำไปผสมกับเชื้อสเปิร์มแล้ว เราได้ตัวอ่อนมาทั้งหมด 7 ตัว ส่งตรวจโครโมโซมไป 3 ตัว ได้ตัวปกติมา 1 ตัวค่ะ แต่เพราะโควิดเลยไม่ได้มาใส่ตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกในทันที แต่สุดท้ายเราก็ไม่อยากรอแล้ว เลยติดต่อคุณหมอกลับมาเพื่อขอใส่น้องเข้าโพรงมดลูกเลย
  • หลังจากใส่ตัวอ่อนไปแล้ว ก็ลองตรวจการตั้งครรภ์เอง 2 ครั้งค่ะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจ จนเมื่อมาตรวจเลือดเพื่อยืนยันการตั้งครรภ์กับคุณหมออีกครั้ง ผลก็ออกมาว่าเราว่าเราท้องค่ะ!! ดีใจมากๆ เลย
  • รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ Prime Fertility Clinic
    • ดูรายละเอียดโปรแกรมทั้งหมดจาก Prime Fertility Clinic บน HDmall.co.th
    • สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth

เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่


หลังจากเราพยายามมีน้องด้วยวิธีธรรมชาติและนับวันไข่ตกมาแล้วหลายปี จนถึงตอนนี้เราก็ยังมีน้องไม่สำเร็จเสียทีค่ะ เราเลยตัดสินใจไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เผื่อจะรู้ว่าทำไมน้องถึงไม่มาทั้งๆ ที่เราก็นับวันไข่ตกอย่างรอบคอบดีแล้ว

คุณหมอได้แนะนำให้ฉีดสีดูท่อนำไข่สักครั้ง ผลตรวจออกมาปรากฎว่า ท่อรังไข่ข้างหนึ่งตันค่ะ คุณหมอจึงแนะนำให้ลองมีน้องผ่านการฉีดเชื้อสเปิร์มเข้าโพรงมดลูกหรือการทำ IUI ดู แต่ทำไปได้ 2 ครั้ง ก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดีค่ะ

จนเวลาล่วงเลยมาเกือบ 5 ปีหลังจากทำ IUI ระหว่างนั้นเราลองกลับไปพยายามมีน้องด้วยวิธีธรรมชาติอีกครั้ง ก็ยังไม่สำเร็จค่ะ จากระยะเวลาที่มันยาวนานมากขนาดนี้ เราสองสามีภรรยาก็เริ่มท้อแล้วค่ะ ความคิดเรื่องจะการมีครอบครัวแบบพ่อแม่ลูกเริ่มไม่เหมือนเดิม เราเริ่มกลับมาคุยกันว่า งั้นก็ไม่มีลูกก็ได้ ก็อยู่กัน 2 คนไปเรื่อยๆ

จนเมื่อเวลาผ่านไปอีก ความรู้สึกอยากมีลูกก็กลับมาอีกครั้งค่ะ ยิ่งเราเห็นคนอื่นมีลูกได้ เราก็คิดในใจว่างั้นเราก็ต้องมีได้สิ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรา 2 คนตัดสินใจกลับมาพยายามมีลูกกันอีกครั้งค่ะ โดยครั้งนี้เรามีการเสิร์ชดูข้อมูลเพิ่มเติมกัน และตกลงกันว่า เราจะทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี ICSI กัน!

ทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

เราได้รู้จัก Prime Fertility Clinic ผ่านทางเพจบน Facebook ค่ะ ก็เลยลองเข้าไปรับชมรีวิว รายละเอียดของคลินิก ตำแหน่งที่ตั้ง การให้บริการว่าน่าเชื่อถือและมีแนวโน้มความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้วแค่ไหน

ทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

หลังจากนั้นก็ตัดสินใจเดินทางมาปรึกษากับทางคลินิกโดยตรงค่ะ โดยหลังจากลองพูดคุยปรึกษากับคุณหมอ

คุณหมอได้อธิบายเกี่ยวกับกระบวนการทำ ICSI ให้เราฟังอย่างละเอียดแล้ว เราทั้งคู่ก็กลับไปพูดคุยตัดสินใจกันและตกลงที่จะทำ ICSI ที่นี่ค่ะ โดยคุณหมอผู้ดูแลเราคือ คุณหมอพูนเกียรติ ปัญญามิตร ค่ะ

ตรวจสุขภาพอย่างละเอียดก่อนเริ่มกระบวนการทำ ICSI

ถึงแม้เราจะตกลงทำ ICSI กับคุณหมอ คุณหมอก็ขอตรวจสุขภาพเราทั้งคู่เพื่อให้แน่ใจก่อนว่า ร่างกายของเรามีความพร้อมที่จะทำ ICSI ได้จริงๆ โดยมีทั้งการซักประวัติ การตรวจเลือด และตรวจอัลตราซาวด์สำหรับผู้หญิงค่ะ

ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

เบื้องต้นคุณหมอตรวจพบจำนวนไข่ตั้งต้นที่จะใช้สำหรับผสมสำหรับเชื้อสเปิร์มค่อนข้างน้อย โดยคาดเดาจากสายตาแล้ว รังไข่ข้างซ้ายเรามีไข่แค่ 3 ใบ และข้างขวา 4 ใบเท่านั้น ซึ่งถือว่าจำนวนยังน้อยอยู่ค่ะ ส่วนค่าฮอร์โมนที่ตรวจจากเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติดี

ส่วนสามีเราก็มีการส่งตรวจตัวอย่างเชื้อสเปิร์มด้วย โดยผลตรวจออกมาพบว่าตัวสเปิร์มเคลื่อนไหวค่อนข้างช้าค่ะ

โดยสรุปคือ เราทั้งคู่จะต้องกลับดูแลและบำรุงสุขภาพกันใหม่ก่อน จึงจะกลับมาเข้าสู่ขั้นตอนการทำ ICSI ได้ คุณหมอจะจ่ายยาและวิตามินเสริม เช่น ธาตุสังกะสี (Zinc) กรดโฟลิก (Folic Acid) แอสต้าแซนธิน Astaxanthin ให้พวกเรากลับไปกินค่ะ

วิตามินบำรุงสุขภาพก่อนทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

ขั้นตอนการทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

หลังจากได้รับยาและวิตามินบำรุงกันไป เราก็มุ่งมั่นดูแลสุขภาพกันอย่างแข็งขันกันเลยล่ะค่ะ หลังจากนั้นเราก็กลับมาตรวจสุขภาพกันอีกครั้ง สเปิร์มของสามีเราก็มีคุณภาพดีขึ้นและอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากสำหรับนำไปผสมกับเซลล์ไข่ ส่วนตัวเราซึ่งเป็นฝ่ายหญิง ผลตรวจสุขภาพที่ออกมาก็พร้อมต่อการทำ ICSI เช่นกันค่ะ

งั้นเราก็มาเริ่มต้นการทำเด็กหลอดแก้วกันเลย

ขั้นตอนที่ 1 รับยากระตุ้นไข่

ขั้นตอนการใช้ยากระตุ้นไข่จะใช้เวลาทั้งหมด 14 วันค่ะ ระหว่างนี้คุณหมอจะมีการอัลตราซาวด์จำนวนไข่อยู่เรื่อยๆ

โดยในวันที่ 1-6 คุณหมอให้ยาในปริมาณ 300 IU กับเราค่ะ โดนจะให้เรากลับไปฉีดเองที่บ้านนะคะ และคุณหมอจะจ่ายยากันไข่ตกก่อนที่เราจะเก็บไข่กันให้เรากลับไปใช้ด้วย

ฉีดยากระตุ้นไข่ก่อนทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic
ฉีดยากระตุ้นไข่ก่อนทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

หลังจากฉีดยาไปเรื่อยๆ พอเรากลับมาอัลตราซาวด์กัน คุณหมอบอกว่าไข่แต่ละใบมันโตไม่เท่ากัน มีเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ไม่ค่อยสม่ำเสมอเลย คุณหมอเลยขอเพิ่มปริมาณยามากขึ้นในวันที่ 7-14 เป็น 400 IU ค่ะ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างเยอะกว่าคนปกติทั่วไป

ขั้นตอนที่ 2 เก็บไข่

เมื่อคุณหมอตรวจดูจำนวนไข่และพิจารณาแล้วว่า ไข่มีจำนวนและขนาดที่พร้อมต่อการเก็บออกมาจากร่างกายเราแล้ว เราก็มาเริ่มเข้าสู่กระบวนการเก็บไข่กัน โดยไม่ได้เก็บในวันที่คุณหมอตรวจเช็กจำนวนไข่ในทันทีนะคะ แต่คุณหมอจะให้กลับเข้ามาอีกรอบค่ะ

ข้อควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทางคลินิกในวันที่เก็บไข่ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้งดการแต่งหน้า ห้ามฉีดน้ำหอมมาค่ะ

เตียงพักฟื้นระหว่างกระบวนการทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

พอมาถึงที่ Prime Fertility Clinic เจ้าหน้าที่ก็พาไปรอในห้องพักฟื้น จากนั้นจะทวนข้อมูล ชื่อและนามสกุลของเราอีกครั้งแล้ววิสัญญีแพทย์เข้ามาทำหน้าที่ให้ยานอนหลับกับเราในระหว่างอยู่ในห้องเก็บไข่ค่ะ

วิสัญญีแพทย์น่ารักมากๆ ค่ะ คุณหมอเข้ามาคุยกับเราก่อนว่า เดี๋ยวเราจะหลับไปตลอดกระบวนการที่คุณหมอเก็บไข่เลยนะ ระหว่างนั้นจะไม่รู้สึกตัวเลย

และนอกจากการเก็บไข่ คุณหมอแนะนำว่าไหนๆ ก็หลับแล้ว ควรตรวจส่องกล้องดูความเรียบร้อยของโพรงมดลูกไปด้วยจะได้ไม่ต้องกลับมาวางยานอนหลับตรวจกันหลายๆ รอบ

การส่องกล้องดูโพรงมดลูกจะเป็นการตรวจเช็กความเรียบร้อยว่า โพรงมดลูกเราพร้อมต่อการฝังตัวอ่อนที่เกิดจากการผสมระหว่างเซลล์ไข่กับเชื้อสเปิร์มหรือยังค่ะ

เก็บไข่ในกระบวนการทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

พอเราตื่นขึ้นมา คุณหมอพูนเกียรติก็แจ้งว่า เก็บไข่ไปได้ทั้งหมด 15 ใบค่ะ ส่วนการส่องกล้อง คุณหมอตรวจเจอติ่งเนื้อที่โพรงมดลูก ซึ่งคุณหมอได้นำออกให้แล้วในระหว่างที่เราหลับ มันจะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการฝังตัวอ่อนทีหลังค่ะ

ขั้นตอนที่ 3 ผสมเซลล์ไข่กับเชื้อสเปิร์มในห้องปฏิบัติการ

สำหรับไข่ทั้ง 15 ใบที่คุณหมอเก็บได้ มีไข่ที่มีคุณภาพอยู่ทั้งหมด 12 ใบค่ะ หลังจากที่สามีเราไปเก็บเชื้อสเปิร์มมาแล้ว นักวิทยาศาสตร์ก็นำเชื้อสเปิร์มกับไข่ของเราไปปฏิสนธิกันในห้องแลป

ระหว่างนี้เราทั้งคู่ก็กลับไปรอติดตามผลที่บ้านได้ จะมีเจ้าหน้าที่โทรติดต่อกลับมาแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะๆ ค่ะ

ในวันที่ 1 ของการปฏิสนธิ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจากการปฏิสนธิวันนี้ ไข่เหลือ 11 ใบนะ และได้ตัวอ่อนแล้ว หลังจากนั้นก็มีโทรกลับมาแจ้งเรื่อยๆ เลยค่ะ

เรากับสามีนี่ลุ้นกับสุดๆ เลยว่าแล้วท้ายที่สุดเราจะได้ตัวอ่อนสักกี่ตัว แล้วมีกี่ตัวที่เขาแข็งแรงพอจะเติบโตเป็นลูกของเราได้

จนเข้าสู่วันที่ 5 เจ้าหน้าที่โทรแจ้งว่า ตัวอ่อนมีปัญหาโตช้า แต่อยากจะขอเลี้ยงไปจนถึงวันพรุ่งนี้ก่อน เผื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้าง

และในวันที่ 6 เจ้าหน้าที่ก็โทรมาแจ้งผลว่า เราได้ตัวอ่อนคุณภาพดีทั้งหมด 7 ตัวค่ะ

ขั้นตอนที่ 4 ตรวจโครโมโซมตัวอ่อน

เมื่อรู้จำนวนตัวอ่อนแล้ว เรารีบขอให้ทางคลินิกส่งตรวจโครโมโซมตัวอ่อนต่อเลยค่ะ เพราะด้วยสาเหตุที่ว่าเราอายุมากแล้ว คุณหมอบอกว่ามีความเสี่ยงเรื่องโครโมโซมผิดปกติมากขึ้น โดยส่งตรวจก่อน 3 ตัว อีก 4 ตัวให้แช่แข็งไว้ก่อน

หลังจากส่งตรวจ ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ใน 3 ตัวที่ส่งตรวจ มี 1 ตัวที่ปกติ ทางคลินิกมีการรายงานผลตรวจสำหรับตัวอ่อนที่ผิดปกติด้วยนะคะ แต่เราอยากโฟกัสที่น้องตัวที่ปกติมากกว่า และอยากจะขอลองใส่ตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกเลย

เพราะในระหว่างรอผลตรวจโครโมโซมตัวอ่อน เราก็มีคุยกับสามีค่ะว่า อยากจะลองใส่ตัวอ่อนดูสักครั้งไปเลย จะได้เป็นการประเมินด้วยว่า เราทั้งคู่จะยังไปต่อหรือพอแค่นี้สำหรับแผนการมีน้อง

แต่ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 สุดท้ายเราก็ยังไม่ได้ใส่ตัวอ่อนในทันทีค่ะ เราให้ทางคลินิกแช่แข็งน้องเอาไว้ก่อนจนกว่าเราจะพร้อมเดินทางมาคลินิกอีกครั้ง ซึ่งก็กินเวลาอยู่หลายเดือนเลย

จนเราได้กลับมาคิดหนักเรื่องอายุอีกรอบ เรารู้สึกว่าเราไม่อยากรออีกแล้ว ถ้าผลัดเวลาไปมากกว่านี้มันอาจจะมีอุปสรรคอย่างอื่นเข้ามาจนทำให้เรามีน้องไม่สำเร็จอีกครั้ง คุณหมอก็เคยบอกว่าอายุเป็นตัวแปรสำคัญมากสำหรับการมีลูก และติ่งเนื้อที่เพิ่งเอาออกไปก็อาจจะกลับมาอีกก็ได้ ถ้าปล่อยเวลาไว้นานๆ

เราเลยตัดสินใจติดต่อไปที่คลินิกอีกครั้งเพื่อแจ้งขอย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกค่ะ

ขั้นตอนที่ 5 ย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูก

การย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกจะต้องมีการเตรียมมดลูกล่วงหน้าประมาณ 2 เดือนค่ะ เมื่อเราแจ้งไปว่าเราอยากจะขอย้ายตัวอ่อน คุณหมอก็ได้มีการจ่ายยาเพื่อเตรียมโพรงมดลูกให้พร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อนก่อน

นอกจากนั้นเราก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพอย่างระมัดระวังมากๆ เลยค่ะ

เตรียมตัวก่อนย้ายตัวอ่อนทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

ในวันที่ย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูก ค่อนข้างตื่นเต้นมากๆ ค่ะ แต่ยังดีที่สามีเราได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูกระบวนการย้ายตัวอ่อนพร้อมๆ กันด้วย ก็เลยอุ่นใจขึ้นมาหน่อย

ขั้นตอนแรกในการย้ายตัวอ่อน คุณหมอจะให้เรากลั้นปัสสาวะ ตอนนั้นจำได้ว่าอยากเข้าห้องน้ำมาก แต่พอคุณหมอเริ่มใส่ตัวอ่อน มันก็เปลี่ยนกลับมาเป็นความรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง ขาเราสั่นเลยค่ะ ปวดปัสสาวะก็ปวด แต่ตื่นเต้นมากกว่า 555+

ระหว่างใส่ตัวอ่อน ในห้องจะมีจอทีวีที่จะแสดงภาพให้เห็นตั้งแต่นักวิทยาศาสตร์ดูดตัวอ่อนออกมาจากหลอดแก้ว แล้วนำส่งให้คุณหมอเพื่อนำมาวางไว้ในโพรงมดลูกเลยค่ะ

ภาพถ่ายตัวอ่อนสำหรับการทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

โดยตำแหน่งที่วาง คุณหมอก็จะนำน้องไปวางไว้ในจุดที่เหมาะสมต่อการฝังตัวมากที่สุด ตอนนั้นเราบอกเลยว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์จริงๆ ค่ะ มันเหมือนบอกว่าเราทำสำเร็จแล้วนะ กับการต่อสู้ที่ผ่านๆ มาเพื่อให้เขามาเติบโตในท้องของเรา

หลังจากคุณหมอใส่ตัวอ่อนเข้าไปแล้ว คุณหมอก็ย้ำเตือนว่า อย่าเครียด อย่ากังวล ให้ทำตัวสบายๆ เข้าไว้ อย่าไปโฟกัสว่ามีน้องอยู่ในท้องเรามากเกินไป

ในทางกลับกัน เราก็ควรจะกิน นอน พักผ่อนให้เพียงพอ จะดูซีรี่ส์ ดูละครก็ทำได้เลย เราเองก็อ่านข้อมูลเรื่องการดูแลตัวเองหลังใส่ตัวอ่อนมาค่ะ เราก็เลยพยายามอยู่เฉยๆ และไม่ไปโฟกัสเรื่องในจุดนั้นมากเกินไป

ขั้นตอนที่ 6 ตรวจยืนยันการตั้งครรภ์

หลังจากใส่ตัวอ่อนไปแล้ว เรายังต้องมาลุ้นกันอีกค่ะว่าน้องฝังตัวอยู่ในโพรงมดลูกเราจริงๆ ใช่มั้ย ถ้าน้องหลุด ก็แสดงว่าการใส่ตัวอ่อนรอบนั้นล้มเหลว

ตอนแรกเราพยายามจะไม่ตรวจค่ะ แต่หลังจากใส่ตัวอ่อนไป 5 วัน แฟนก็คะยั้นคะยอให้ตรวจ เลยลองดูค่ะ พอตรวจครั้งนึงก็เว้นไปอีก 2 วันแล้วก็ค่อยตรวจอีกครั้ง ซึ่งก็ขึ้น 2 ขีดทั้ง 2 ครั้งค่ะ

หลังจากนั้นก็มาตรวจย้ำอีกทีด้วยการตรวจเลือดกับคุณหมอ ก็ยังกลัวๆ อยู่นะ ยังไม่กล้าดีใจ 100% เพราะก่อนหน้านี้มันก็มีคนอื่นที่เขาตรวจแล้วเจอ 2 ขีดเพราะยาฮอร์โมนยังเหลืออยู่ในร่างกายเฉยๆ ไม่ได้ตั้งครรภ์ เลยอยากจะทำใจเผื่อไว้ก่อน

เอกสารยืนยันตั้งครรภ์ ทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

แต่สุดท้ายผลตรวจเลือดก็ออกมาว่า เราท้องค่ะ!! ดีใจมากๆ เลย สามีเราก็ดีใจมากๆ ตื่นเต้นจริงๆ เราใช้ชีวิตคู่กันมานานแล้ว พยายามมาเป็นสิบปีก็ไม่สำเร็จจนในวันนี้เราทำได้สำเร็จเสียที

รีวิวทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

ต้องขอบคุณทาง Prime Fertility Clinic ค่ะ ที่ช่วยสานฝันของเราให้เป็นจริงได้ ทุกคนเต็มที่กับเราในทุกขั้นตอนจริงๆ ไม่ว่าจะคุณหมอหรือเจ้าหน้าที่ ดีใจและขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

ความประทับใจจากการทำ ICSI ที่ Prime Fertility Clinic

คุณหมอที่ Prime Fertility Clinic ใจดีกับเรามากค่ะ ไม่ว่าจะสงสัยอะไรก็สามารถถามได้เลย คุณหมอยินดีตอบเสมอจนเราไม่มีคำถามเหลือไว้ในใจเลยค่ะ และคุณหมอยังให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองดีอยู่เสมอด้วย

เจ้าหน้าที่ของ Prime ก็พูดจาสุภาพ บริการดี คอยดูแลเราอยู่ตลอดทุกครั้งที่กลับเข้ามาที่คลินิก สถานที่ภายในคลินิกก็สะอาดปลอดภัย ได้มาตรฐานค่ะ

เพราะเรามีน้องได้สำเร็จจากที่นี่ เราก็ขอแนะนำ Prime Fertility Clinic ให้เป็นทางเลือกกับคนอื่นๆ ที่กำลังพยายามมีน้องแต่ไม่สำเร็จเสียทีนะคะ ลองเข้ามาปรึกษากับคุณหมอก่อนได้

ถ้าแน่ใจว่าอยากจะทำเด็กหลอดแก้วที่นี่ สามารถจองคิวปรึกษาทำเด็กหลอดแก้วที่ Prime Fertility Clinic ผ่านทางเว็บไซต์ HDmall.co.th ได้นะคะ ราคาจะได้ส่วนลดกว่าราคาเต็มค่ะ สู้ๆ นะคะทุกคน


บทความที่ HDmall.co.th แนะนำ

@‌hdcoth line chat