สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- เราเป็นคนที่มีปัญหาน้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ ลองลดน้ำหนักมาหลายวิธีแล้วแต่ก็ต้องล้มเลิกไป เพราะไม่มีเวลาออกกำลังกาย และไม่สามารถควบคุมอาหารได้ เลยอยากลองหาวิธีลดน้ำหนักแบบอื่นดูค่ะ
- เราเลือกใช้บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน และมีคุณหมอที่ชำนาญการด้านการใส่บอลลูนอยู่ที่นี่
- การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารจะเป็นการส่องกล้องและเติมน้ำเกลือผสมกับเมทิลีนบลูเข้าไปในบอลลูน ช่วยทำให้พื้นที่ในกระเพาะอาหารลดลง สามารถควบคุมการกินอาหารได้
- ก่อนที่จะใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร จะต้องมีการตรวจร่างกายเพื่อประเมินความพร้อมก่อน ถ้าหากผมตรวจออกมาว่าร่างกายปกติดีจึงจะสามารถใส่บอลลูนได้
- รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง
- ดูรายละเอียด ใส่บอลลูนกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก (Gastric Balloon) ที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง
- ดูโปรแกรมทั้งหมดจาก โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง บน HDmall.co.th
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth
รีวิวใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง ประสบการณ์จริงที่ช่วยลดน้ำหนัก และควบคุมการกินอาหาร ให้หุ่นกลับมาดูเป๊ะ อธิบายครบทุกรายละเอียดในรีวิวนี้ที่เดียว
เลือกหัวข้อที่สนใจได้ที่นี่เราเป็นคนนึงที่มีปัญหาน้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะค่ะ การที่มีน้ำหนักตัวเยอะๆ ก็ส่งผลทำให้ความมั่นใจในรูปร่างของตัวเองลดลง อีกทั้งยังส่งผลต่อเรื่องสุขภาพด้วย เพราะการที่เรามีน้ำหนักตัวเยอะก็อาจเป็นต้นตอของโรคต่างๆ ที่ตามมาได้
เราเลยพยายามลดน้ำหนักอยู่ตลอด ลองทำมาทุกวิธีไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารเสริม การควบคุมอาหาร หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกาย แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกไป เพราะด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย และเป็นคนที่ควบคุมอาหารการกินไม่ค่อยได้ ทำให้การลดน้ำหนักมันไม่สำเร็จสักที
และพอดีมีรุ่นพี่คนนึงที่สนิทกันมากๆ เค้าก็ได้แนะนำวิธีลดน้ำหนักด้วยการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารมา เพราะตัวเค้าเองก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันและเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นมากๆ จากเมื่อก่อนที่น้ำหนัก 85 กิโลกรัม ใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือน เค้าสามารถลดน้ำหนักลงมาเหลือแค่ 47 กิโลกรัมได้
หลังจากที่เห็นผลลัพธ์แล้วก็รู้สึกอึ้งมากๆ และไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันมีวิธีลดน้ำหนักที่ทำได้ง่าย ปลอดภัย และลดได้เยอะขนาดนี้ด้วย เราเลยเริ่มสนใจและคิดว่าตัวเองน่าจะมีหวังกับการลดน้ำหนักในครั้งนี้มากขึ้น ก็เลยลองไปเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารดูค่ะ
ช่วงที่หาข้อมูล ก็ได้มาเจอกับคลิปรีวิวลดน้ำหนักด้วยการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ของน้องมิกซ์ เฉลิมศรี
พอได้ดูที่น้องเค้ามาแชร์ประสบการณ์บอกเล่าขั้นตอนการทำแล้ว เราก็รู้สึกว่าวิธีการนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวหรือทำยากอย่างที่คิด แถมยังเป็นวิธีที่ปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดรอยแผลด้วย เราเลยตัดสินใจได้ทันทีว่าจะใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักค่ะ
หลังจากตัดสินใจจะใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารแล้ว เราก็เข้ามาเลือกดูแพ็กเกจบนแอปพลิเคชั่น HDmall.co.th ซึ่งเป็นแอปฯ ที่มีติดเครื่องไว้อยู่แล้ว เวลาจะซื้อแพ็กเกจเกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม หรือทำฟัน เราก็มักจะเข้ามาซื้อในนี้ตลอด เพราะเค้ามีโปรโมชันราคาพิเศษที่คุ้มค่ามากจริงๆ ค่ะ
และเราก็ได้มาเจอกับแพ็กเกจใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง ที่กำลังมีโปรโมชันร่วมกับ HDmall.co.th อยู่
ซึ่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง ก็เป็นโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือเดียวกันกับโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล และคุณหมอที่ทำให้คือคนเดียวกันกับที่ทำให้น้องมิกซ์ด้วย เราเลยมั่นใจและตัดสินใจได้เลยว่าจะเลือกใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารที่นี่ค่ะ
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
ก่อนที่จะเข้าไปรับบริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ก็จะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมกันก่อนดังนี้ค่ะ
- กินยาลดกรด Miracid (Omeprazole) ก่อนอาหารเช้าและเย็น เพื่อปรับสภาพของกระเพาะอาหารเป็นเวลา 7-14 วันแล้วแต่แพทย์พิจารณา (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับแพทย์สั่งจ่ายยา โดยราคานี้จะไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
- งดสูบบุหรี่ งดอาหารหมักดอง และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนใส่บอลลูน
- งดรับประทานอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และงดน้ำอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนทำการใส่บอลลูน
รีวิวใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง
มาถึงที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง ก็เข้ามาติดต่อเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ลงทะเบียนแล้วแจ้งว่ามาใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
เจ้าหน้าที่ก็จะขอดูคูปองที่ได้รับจาก HDmall.co.th พร้อมกับขอบัตรประชาชนเพื่อนำไปกรอกข้อมูลลงทะเบียนคนไข้ใหม่ให้ก่อน จากนั้นก็ให้ใบลงทะเบียนมาและให้ไปรอพบคุณหมอที่แผนกอายุรกรรมเลยค่ะ
ระหว่างที่รอคิวเข้าพบคุณหมอ ก็จะมีพยาบาลพาไปวัดความดัน วัดออกซิเจน ชั่งน้ำหนัก และวัดส่วนสูงก่อนค่ะ จากนั้นก็ถึงคิวเข้าพบคุณหมอพอดีค่ะ
สำหรับคุณหมอที่จะมาให้คำปรึกษาและเป็นผู้ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารให้ ก็คือคุณหมออัครวุฒิ หรือนายแพทย์ อัครวุฒิ จันทราพิรัตน์ แพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหารและตับนั่นเองค่ะ
เริ่มแรกคุณหมอก็จะอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนักและการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารให้ฟังก่อนค่ะ ว่าคืออะไร มีหลักการยังไงบ้าง และใครที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
คุณหมอก็อธิบายให้ฟังว่า คนที่ควรจะต้องเริ่มลดน้ำหนักคือผู้ที่มีค่า BMI เกิน 30 ขึ้นไป เพราะถือว่าอยู่ในช่วงของโรคอ้วนที่อันตรายแล้ว
โดยการลดน้ำหนักในปัจจุบันก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี แต่วิธีที่ดีที่สุดคือเรื่องการควบคุมการกินอาหาร และการออกกำลังกาย
ซึ่งการควบคุมการกินอาหาร ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลายๆ คน แต่ในปัจจุบันก็มีวิธีการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่จะทำให้พื้นที่ในกระเพาะอาหารลดลง และช่วยทำให้การควบคุมการกินอาหารง่ายขึ้นด้วย
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Gastric Balloon) คืออะไร?
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Gastric Balloon) เป็นวิธีการลดน้ำหนักรูปแบบใหม่ ที่จะใช้ตัวบอลลูนใส่เข้าไปในบริเวณของกระเพาะอาหาร ทำให้พื้นที่ในกระเพาะอาหารลดลง โดยคนไข้ที่ใส่บอลลูนไปแล้วจะรู้สึกอิ่มได้ง่ายขึ้น หรือมีความรู้สึกหิวน้อยลง
ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน ได้การรับรองจาก อย. ทั้งของไทยและอเมริกาว่าสามารถลดน้ำหนักได้จริง และส่วนใหญ่แล้วน้ำหนักที่ลดลงไปก็จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลฯ ต่อการใส่บอลลูนระยะเวลา 1 ปีเลยค่ะ
วิธีการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
สำหรับวิธีการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร คุณหมอจะทำผ่านการส่องกล้องลงไปในกระเพาะอาหารและใส่บอลลูนเข้าไปวางในตำแหน่งที่เหมาะสม
หลังจากนั้นก็จะเติมน้ำเกลือผสมกับสารสีฟ้าที่เรียกว่า “เมทิลีนบลู (Methylene Blue)” เข้าไปในส่วนของตัวของบอลลูน โดยส่วนใหญ่การใส่น้ำเข้าไปในบอลลูนจะมีขนาดเฉลี่ยเริ่มต้นตั้งแต่ 400-500cc ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและขนาดกระเพาะอาหารของแต่ละคน
โดยการใส่บอลลูนจะมีระยะเวลาในการใส่อยู่ที่ 1 ปี และหลังจากใส่ครบ 1 ปีแล้วก็จะต้องนำบอลลูนออก ซึ่งระหว่างที่ใส่บอลลูนตลอด 1 ปีนั้น คนไข้ก็จะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ทำให้หลังจากนำบอลลูนออกก็จะไม่ทำให้เกิดภาวะโยโย่เอฟเฟกต์ (Yoyo Effect) ขึ้น
ส่วนวิธีการนำบอลลูนออก ก็จะมีวิธีคล้ายๆ กับตอนเอาเข้าไปเลย คือจะส่องกล้องลงไปในกระเพาะอาหารและดูดน้ำออกจากบอลลูน จากนั้นก็ดึงถุงบอลลูนออกมา
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเหมาะกับใคร?
คนที่เหมาะกับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารก็คือ คนที่มีค่า BMI อยู่ในช่วงระหว่าง 30-50 รวมถึงคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคไขมันในเลือดสูง ก็สามารถใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกัน
ส่วนคนที่ไม่เหมาะกับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารคือ คนที่มีความผิดปกติในหลอดอาหาร เช่น หลอดอาหารตีบตัน รั่ว คนที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร มีภาวะกรดไหลย้อนอย่างรุนแรง คนที่มีภาวะเลือดออกง่าย เลือดแข็งตัวยาก หรือแพ้ยางซิลิโคน รวมถึงคนที่ตั้งครรภ์ หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์ด้วย
หลังจากที่พูดคุยและฟังข้อมูลต่างๆ จากคุณหมอเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อดูความพร้อมก่อนเข้ารับบริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารค่ะ
ขั้นตอนการตรวจร่างกายก่อนใส่บอลลูนกระเพาะอาหาร
ขั้นตอนแรกจะเป็นการเจาะเลือด เพื่อตรวจดูความสมดุลของเลือด ความสมดุลของร่างกาย และก็ดูค่าเกลือแร่ต่างๆ ค่ะ
โดยขั้นตอนนี้พยาบาลจะเจาะเลือดไปที่บริเวณหลังมือ เนื่องจากเดี๋ยวจะต้องมีการให้น้ำเกลือด้วย เลยเลือกเจาะเลือดไปที่บริเวณนี้ เพื่อเป็นการเปิดเส้นเตรียมให้น้ำเกลือด้วยไปในตัว ความรู้สึกตอนเจาะเลือดก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ พยาบาลมือเบามากๆ
เสร็จขั้นตอนการเจาะเลือดแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือการตรวจ ATK เพื่อคัดกรองโควิดก่อนเข้าห้องผ่าตัด ขั้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เหมือนกับที่เราตรวจ ATK ทั่วๆ ไปเลย จากนั้นพยาบาลก็จะให้ไปตรวจเอกซเรย์ปอดต่อค่ะ
ขั้นตอนการตรวจเอกซเรย์ปอด พยาบาลจะพาไปที่ศูนย์รังสีวินิจฉัย จากนั้นก็ให้ไปเปลี่ยนเป็นชุดของทางโรงพยาบาลพร้อมกับถอดชุดชั้นในและเครื่องประดับในตัวออกให้หมดก่อน
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็เข้าไปด้านในห้องเอกซเรย์ โดยเจ้าหน้าที่จะให้ยืนเอามือโอบเครื่องไว้ พร้อมกับให้หายใจเข้าลึกๆ และกลั้นหายใจไว้แปปนึง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะทำการถ่ายภาพเอกซเรย์เลยค่ะ
หลังจากเสร็จขั้นตอนเอกซเรย์ปอดแล้ว พยาบาลก็จะพาขึ้นไปที่ห้องพักเพื่อตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EGK) เป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากนั้นถ้าผลตรวจร่างกายออกมาว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติดี สามารถใส่บอลลูนได้ ก็จะให้เปลี่ยนชุดและเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัดกันเลยค่ะ
สรุปแล้วผลตรวจร่างกายของเราก็ออกมาปกติดีทุกอย่าง สามารถใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารได้ไม่มีปัญหาอะไร พอทราบผลแล้ว พยาบาลก็จะให้เปลี่ยนเป็นชุดสำหรับเข้าห้องผ่าตัด แล้วนำรถเข็นมาให้นั่งพร้อมกับเข็นพาเข้าไปในห้องผ่าตัดเลยค่ะ
ขั้นตอนการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
พอเข้ามาด้านในห้องผ่าตัดแล้ว ก็จะเจอคุณหมอและทีมงานรออยู่ในห้องหลายคนเลยค่ะ ตอนที่เข้ามาเห็นบรรยากาศในห้องผ่าตัด เราก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดนึงจากตอนแรกที่ยังไม่ได้รู้สึกอะไร
จากนั้นทีมงานก็จะให้ขึ้นไปนอนบนเตียง และมีวิสัญญีแพทย์มาให้ยานอนหลับ พอยานอนหลับเริ่มออกฤทธิ์ขั้นตอนหลังจากนี้ก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ
ด้วยความที่เราไม่ได้รู้สึกตัว เลยไม่ได้เห็นหรือรับรู้ได้ว่าเค้ามีขั้นตอนอะไรยังไงบ้าง แต่จากที่คุณหมอเล่าให้ฟังก็คือขั้นตอนแรก คุณหมอจะใส่อุปกรณ์ช่วยอ้าปากเอาไว้ เพื่อที่จะได้สามารถสอดลำกล้องเข้าไปในลำคอได้สะดวก
จากนั้นคุณหมอก็จะสอดลำกล้องพร้อมกับถุงบอลลูนเปล่าๆ เข้าไปข้างในกระเพาะอาหาร พอถุงบอลลูนวางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว คุณหมอก็จะเริ่มเติมน้ำเกลือที่ผสมกับสารสีฟ้า เมทิลีนบลู เข้าไปในบอลลูน
สำหรับเคสของเราจากที่คุณหมอพิจารณาดูแล้วก็จะเติมน้ำเข้าไปที่ขนาด 500 cc ค่ะ หลังจากเติมน้ำจนครบปริมาณที่ต้องการ คุณหมอกก็จะนำกล้องออกมา เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
โดยรวมแล้วใช้เวลาใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารไปทั้งหมดแค่ประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเองค่ะ หลังจากนั้นคุณหมอก็จะให้นอนพักฟื้นรอดูอาการในโซนของห้องผ่าตัดก่อน ถ้าตื่นมาแล้วรู้สึกตัวดีไม่มีปัญหาอะไร คุณหมอก็จะให้ขึ้นไปนอนพักฟื้นที่ห้องพักต่อค่ะ
ช่วงหลังจากทำเสร็จ คุณหมอจะให้งดน้ำ งดอาหารไปก่อน จะสามารถกินได้อีกทีคือเช้าวันรุ่งขึ้นเลย นอกจากนั้นคุณหมอก็จะให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนทุกๆ 6 ชั่วโมงด้วย
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเจ็บมั้ย?
สำหรับความรู้สึกหลังจากทำทันที เรารู้สึกตัวตื่นมาก็ไม่ได้มีอาการแน่นท้อง หรืออยากอาเจียนอะไรเลยค่ะ แต่จะมีอาการเจ็บคออยู่บ้างนิดหน่อย
พอใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะเลยค่ะ จากตอนแรกที่แอบตื่นเต้นและกังวลอยู่บ้าง แต่พอใส่ออกมาแล้วไม่มีผลข้างเคียงอะไร แถมการใส่บอลลูนกระเพาะอาหารก็ไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนเลยโล่งใจขึ้นค่ะ
การดูแลตัวเองหลังใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
หลังจากใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารไปแล้ว คุณหมอก็ได้แนะนำข้อควรปฏิบัติและการดูแลตัวเองหลังจากทำมาดังนี้ค่ะ
- หลีกเลี่ยงการกระแทกตรงๆ บริเวณที่ใส่บอลลูน เช่น การนวด หรือกดบริเวณช่องท้อง
- หลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัด อาหารที่มีก้าง หรือกระดูก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องออกแรงดันมากๆ เช่น ดำน้ำ ฟุตบอล มวยไทย
- ควรควบคุมอาหาร เพื่อให้การลดน้ำหนักเห็นผลมากขึ้น
การให้บริการของ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง
จากการที่ได้มาใช้บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง เราก็รู้สึกประทับใจในหลายๆ เรื่องมากค่ะ
เริ่มจากบรรยากาศด้านในของโรงพยาบาล ที่มีความใหม่ สะอาด ตกแต่งสวยงาม และมีพื้นที่กว้างขวาง ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ
ด้านการให้บริการของเจ้าหน้าที่ พยาบาล และคุณหมอก็ดีมากๆ ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี คอยดูแล ให้คำปรึกษา และคอบตอบคำถามทุกข้อสงสัยอยู่ตลอด การบริการของที่นี่ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกเข้ามาใช้บริการเลยค่ะ ประทับใจมากๆ
สำหรับใครที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเยอะ และสนใจอยากลดน้ำหนักด้วยวิธีใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารอยู่ เราก็แนะนำให้มาทำที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหงเลยค่ะ โรงพยาบาลได้มาตรฐาน ดูแลดี แถมคุณหมอยังมีความชำนาญผ่านเคสใส่บอลลูนมาแล้วมากกว่า 300 เคส รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
และถ้าจะให้คุ้มค่าสุดๆ ก็อย่าลืมเข้ามาจองแพ็กเกจที่ HDmall.co.th ด้วยนะคะ ในนี้เค้ามีโปรโมชันราคาดีๆ ร่วมกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหงอยู่ตลอด ห้ามพลาดเลยค่ะ