สรุปการรีวิว
ปิด
ปิด
- ลูกชายเรามีปัญหาฟันหน้าห่าง แต่ฟันแท้ยังขึ้นไม่ครบ เลยอยากปรึกษาหมอฟันว่าจะจัดฟันได้ไหม การจัดฟันในเด็กอายุเท่าไหร่จะดีที่สุด
- มาเจอกับโปรแกรมปรึกษาเรื่องจัดฟันที่ Smile Hub Dental Clinic เห็นว่ามีการตรวจสแกนฟัน 3 มิติ ตรวจเอกซเรย์ฟัน แถมคุณหมอจะวิเคราะห์โครงหน้า ใบหน้าและฟัน และตรวจวิเคราะห์กระดูกขากรรไกรให้ด้วย
- ที่นี่มีการสแกนฟันด้วยเครื่อง Trios ที่จะช่วยบันทึกภาพฟันแบบ 3 มิติ จะทำให้ได้ภาพสแกนที่เป็นภาพสีแบบคมชัด ช่วยให้วิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการจัดฟันได้ง่าย ได้ความแม่นยำกว่าการพิมพ์ปากแบบทั่วไป
- จากผลการตรวจ ตอนนี้ฟันน้ำนมของน้องยังหลุดไม่หมด คุณหมอเลยแนะนำว่าให้รออีกสัก 1-2 ปี แล้วค่อยกลับมาตรวจประเมินกันอีกครั้งก่อนวางแผนจัดฟันเด็กค่ะ
- คุณหมอไม่ได้ชี้ชัดว่าให้เราเลือกจัดฟันให้ลูกแบบไหน แต่อธิบายจุดเด่นของการจัดฟันในเด็กแต่ละแบบให้ฟังมากกว่า ซึ่งจากการที่คุยกับหมอเราอยากให้ลูกจัดฟันแบบโลหะค่ะ
- คลินิกเดินทางง่าย ลง BTS สถานีอารีย์ ทางออก 1 เดินมาทางตึก Pearl ประมาณ 300 เมตร ถ้าขับรถมาเอง ที่นี่เค้ามีที่จอดรถอยู่ด้านข้างของคลินิกด้วยนะคะ
- รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #HDreview ได้รับการสปอนเซอร์จากทาง HDmall.co.th และ Smile Hub Dental Clinic
- ดูรายละเอียด ราคาปรึกษาเรื่องจัดฟันกับทันตแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมสแกน x-ray ฟัน วิเคราะห์โครงหน้าและฟัน ที่ Smile Hub Dental Clinic
- ดูรายละเอียดแพ็กเกจทั้งหมดจาก Smile Hub Dental Clinic บน HDmall.co.th
- สอบถามแอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจได้ที่ไลน์ @HDcoth
แม่ๆ หลายคนก็คงอยากให้ลูกโตมามีฟันสวย ยิ้มสวยเหมือนกันใช่มั้ยละคะ เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ก็คุยกับลูกชาย ถามลูกว่าอยากฟันสวยอยากยิ้มสวยมั้ย ซึ่งจากที่คุยกันลูกชายก็ได้คำตอบว่า ลูกอยากจัดฟันค่ะ
จากที่เราดูฟันของลูกก็เห็นว่าลูกมีปัญหาเรื่องฟันห่าง โดยเฉพาะฟันหน้า เราเลยอยากเริ่มด้วยการปรึกษาหมอฟันก่อน เพราะลูกเราเองก็ยังมีฟันน้ำนมอยู่ ฟันแท้ยังขึ้นไม่หมดจะจัดฟันได้ไหม การจัดฟันในเด็กอายุเท่าไหร่จะดีที่สุด
พอค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็มีแม่ๆ หลายคนที่มีปัญหาแบบเดียวกันเลยคือ ไม่รู้ว่าควรจะพาลูกมาจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ดี เราก็เลยลองหาข้อมูลไปเรื่อยๆ แล้วเจอเข้ากับ โปรแกรมปรึกษาเรื่องจัดฟันกับทันตแพทย์ผู้ชำนาญการ ที่ Smile Hub Dental Clinic
ตอนที่เข้าไปดูรายละเอียดข้อมูลก็เห็นว่ามีการตรวจหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นการสแกนฟัน 3 มิติด้วยเครื่อง Trios ตรวจเอกซเรย์ฟัน แถมคุณหมอจะวิเคราะห์โครงหน้า ใบหน้าและฟัน แถมยังตรวจวิเคราะห์กระดูกขากรรไกรให้ด้วย ก็เลยจองคิวทำนัดผ่าน HDmall.co.th เข้ามาเลยค่ะ
รีวิวปรึกษาหมอฟัน เตรียมตัวจัดฟันเด็ก ที่ Smile Hub Dental Clinic
พอมาถึงที่ Smile Hub Dental Clinic พี่เจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอกข้อมูลประวัติส่วนตัวของลูกชายค่ะ จากนั้นก็พาน้องไปวัดความดันโลหิตแล้วก็นั่งรอคุณหมอแป๊บนึง
รอไม่นานเจ้าหน้าที่ก็พาเข้าไปในห้องทำฟันค่ะ ในวันนี้ลูกชายได้ตรวจกับคุณหมอหญิง เจ้าของคลินิกเองเลยค่ะ
คุณหมอดูใจดีมาก เข้าใจว่าเด็กๆ น่าจะกลัวหมอฟัน คุณหมอก็เลยคุยแบบเป็นกันเองให้น้องผ่อนคลาย
ขั้นตอนการตรวจฟัน เพื่อวางแผนการจัดฟันเด็ก
การตรวจฟันเพื่อวางแผนการจัดฟันเด็กที่ Smile Hub Dental Clinic ขั้นตอนแรกคุณหมอจะให้น้องบ้วนปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อแล้วตรวจดูสุขภาพฟันเบื้องต้นก่อนว่ามีฟันผุ หรือมีปัญหาฟันตรงไหนบ้าง
จากที่ตรวจดูคุณหมอบอกว่าฟันน้ำนมของน้องยังหลุดไม่หมด ส่วนปัญหาฟันผุ และหินปูนคุณหมอชมด้วยค่ะว่าดูแลรักษาฟันได้ดีมากๆ หินปูนหรือคราบฝังลึกก็ไม่มีเลย
โดยส่วนตัวเราเองก็คอยเตือนให้ลูกแปรงฟันทุกเช้าและก่อนนอนเป็นประจำ แถมยังให้เลี่ยงพวกของหวานหรือลูกอมเพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรงค่ะ
ปกติเวลาที่เราตรวจฟันหรือทำฟัน จะมีการใช้ผ้ามาคลุมหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้แสงไฟส่องเข้าดวงตา แต่ที่ Smile Hub Dental Clinic คุณหมอมีแว่นตาพิเศษสำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะ
คุณหมออธิบายว่า แว่นตัวนี้มีส่วนช่วยลดความกลัว ลดความวิตกกังวลให้เด็กๆ ได้เป็นอย่างดี แถมยังป้องกันแสงไฟได้ ลูกชายเล่าให้ฟังว่ามันเท่มากๆ ไม่เหมือนใคร ภาพในแว่นก็เป็นภาพของไดโนเสาร์ค่ะ
ขั้นตอนถัดมาคุณหมอจะให้น้องนั่งบนเก้าอี้แล้วยิ้มยิงฟัน จากนั้นคุณหมอก็ถ่ายรูปฟันของน้องเก็บด้วยกล้อง DSLR ค่ะ
ระหว่างที่ถ่ายภาพคุณหมอคอยพูดเชียร์ให้น้องยิ้มไว้ก่อน อย่าเพิ่งหันไปไหน เรามองดูแล้วก็รู้สึกเลยว่าคุณหมอมีวิธีพูดคุยกับเด็กๆ ได้เป็นอย่างดีเลย
จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการเอกซเรย์ฟันค่ะ สำหรับการเอกซเรย์ฟันจะเอกซเรย์ด้วยกัน 2 เครื่องค่ะ โดยก่อนเริ่ม พี่เจ้าหน้าที่จะนำชุดกันรังสีมาสวมให้น้องก่อนค่ะ จากนั้นก็พาไปยืนประจำที่เครื่องเอกซเรย์เลย
การเอกซเรย์ฟันในเครื่องแรก พี่เจ้าหน้าที่ของทางคลินิกจะมาช่วยจัดท่าทางให้น้องยืนในจุดที่ถูกต้อง แล้วปรับอุปกรณ์ให้เข้ากับน้อง โดยจะมีอุปกรณ์แนบกับหูทั้งสองข้าง จากนั้นก็ให้น้องกัดฟันค้างเอาไว้แล้วเปิดเครื่องเอกซเรย์ค่ะ
ส่วนเครื่องที่สอง จะมีแท่นอุปกรณ์ให้น้องกัดเบาๆ ที่ฟันหน้า แล้วเอามือจับตัวอุปกรณ์นิ่งๆ จากนั้นเครื่องก็จะทำงาน ระหว่างนี้แค่ยืนนิ่งๆ ได้เลยค่ะ
โดยรวมแล้วขั้นตอนการเอกซเรย์ฟันทั้งสองเครื่องรวดเร็วมากๆ ประทับใจกับความรวดเร็วและความสะดวกของเครื่องมือที่คลินิกจริงๆ ค่ะ
หลังจากที่เอกซเรย์ฟันเสร็จเรียบร้อย ขั้นตอนถัดมาก็กลับมาสแกนฟัน 3 มิติในห้องกับคุณหมอหญิงอีกครั้งนึงค่ะ
ตอนที่ดูรีวิวจัดฟันเด็กจากหลายๆ การตรวจฟันเพื่อวางแผนการจัดฟันเด็ก หลายๆ ที่จะนิยมใช้การพิมพ์ฟันเพื่อเก็บรายละเอียดรูปทรงของฟันเบื้องต้นไปวิเคราะห์และวางแผนการจัดฟันต่อ
แต่ที่ Smile Hub Dental Clinic มีการสแกนฟันด้วยเครื่อง Trios ที่จะช่วยบันทึกภาพฟันแบบ 3 มิติได้แบบสะดวกรวดเร็วมากๆ
คุณหมออธิบายว่าการสแกนฟันแบบ 3 มิติ จะทำให้ได้ภาพสแกนที่เป็นภาพสีแบบคมชัด ช่วยให้วิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการจัดฟันได้ง่ายกว่าการพิมพ์ฟันแบบเดิมๆ ค่ะ
ระหว่างที่สแกนฟัน ภาพทั้งหมดก็จะโชว์บนจอมอนิเตอร์ที่อยู่ในห้อง ทำให้เราเห็นฟันของลูกชายแบบชัดทุกองศาเลยว่าฟันของน้องมีลักษณะยังไง ได้เห็นโครงสร้างฟันของลูกชายแบบละเอียดๆ ตรงหน้าก็แอบทึ่งอยู่เหมือนกัน
สำหรับขั้นตอนการสแกนฟัน 3 มิติ ใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ ประมาณ 5 นาทีก็เสร็จแล้ว แค่อ้าปากกว้างๆ อย่างเดียวเพื่อให้ตัวอุปกรณ์สแกนฟันได้ครบทุกมุม ไม่ได้มีการใช้เครื่องมือทำอะไรอย่างอื่นกับฟันเลยค่ะ
วิเคราะห์โครงหน้าและฟัน เพื่อวางแผนการจัดฟันเด็ก
หลังจากตรวจสแกน และเอกซเรย์ฟันครบแล้ว ก็มาพูดคุยกับคุณหมอเพื่อวิเคราะห์โครงหน้าใบหน้าและฟัน พร้อมกระดูกขากรรไกร เพื่อวางแผนจัดฟันเด็กกันต่อค่ะ
อันดับแรกเลยจากการตรวจวิเคราะห์ใบหน้ากับกะโหลกศีรษะ คุณหมอบอกว่าจากที่ดูโครงสร้างฟันทั้งหมด ไม่มีอะไรผิดปกติค่ะ เราก็เลยถามคุณหมอต่อว่า ถ้าลูกอยากจัดฟัน อายุเท่าไหร่จะดีที่สุด
คุณหมออธิบายเพิ่มว่าจริงๆ แล้วช่วงอายุของการจัดฟันเด็ก คุณหมออธิบายว่าช่วงอายุ 11-14 ขวบ เป็นช่วงวัยที่ฟันแท้ขึ้นเกือบครบทุกซี่ และกระดูกขากรรไกรกำลังขยาย ถือเป็นช่วงที่จัดฟันเด็กได้มีประสิทธิภาพสูงค่ะ
แต่จากผลการตรวจประเมินของลูกชายเรา ตอนนี้ฟันน้ำนมของน้องยังหลุดไม่หมด คุณหมอเลยแนะนำว่าให้รออีกสัก 1-2 ปี แล้วค่อยกลับมาตรวจประเมินกันอีกครั้งก่อนวางแผนจัดฟันเด็กค่ะ
เราก็เลยถามเพิ่มเติมว่าถ้าเลือกการจัดฟันให้เด็กจะควรเลือกแบบไหนดี คุณหมอก็อธิบายว่าที่ Smile Hub Dental Clinic มีให้เลือกสองแบบคือ จัดฟันแบบโลหะ และจัดฟันใส Invisalign ค่ะ
คุณหมอไม่ได้ชี้ชัดว่าให้เราเลือกแบบไหน แต่คุณหมออธิบายจุดเด่นของการจัดฟันเด็กแต่ละแบบให้ฟังมากกว่า ซึ่งจากการที่คุยกับหมอเราอยากให้ลูกจัดฟันแบบโลหะค่ะ
สาเหตุที่อยากให้ลูกชายจัดฟันโลหะก็เพราะว่า การจัดฟันใสจำเป็นจะต้องถอดอุปกรณ์ระหว่างกินข้าว น้องอาจจะลืมอุปกรณ์จัดฟันใสไว้ที่โรงเรียนหรือเผลอทำหายได้ ถ้าจัดฟันแบบโลหะที่ติดกับฟันไปเลยจะเหมาะกว่าค่ะ
ทางคุณหมอก็ใจดี น่ารักมาก ใส่ใจคนไข้ ไม่กดดันให้ทำอะไรเพิ่มเติมที่เกินความจำเป็นเลย ซึ่งทางคุณหมอได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อนเริ่มทำฟัน อธิบายรายละเอียดชัดเจน และยังสอนการดูแลรักษาฟันให้ด้วยค่ะ คุณแม่ประทับใจที่นี่ ทั้งคน สถานที่ และการบริการเลยค่ะ
จัดฟันเด็กที่ Smile Hub Dental Clinic
สำหรับแม่ๆ คนไหนที่มีแพลนอยากให้ลูกจัดฟัน หรือมองหาคลินิกจัดฟันเด็กที่มีคุณหมอเก่งๆ เข้าใจธรรมชาติของเด็ก เราขอแนะนำ Smile Hub Dental Clinic เลยค่ะ คุณหมอหญิงเอาอยู่ทุกปัญหาแน่นอนค่ะ
จากที่แอบๆ ดูประวัติคุณหมอมา ถึงได้รู้ว่าคุณหมอหญิงได้คุณวุฒิได้จาก American Board ที่เป็นการศึกษาขั้นสูงสุดของทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการจัดฟันในสหรัฐอเมริกา
กว่าจะได้มาก็ต้องผ่านหลายด่านเลยและต้องศึกษาอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปี และในประเทศไทยมีหมอแค่ 18 คนเท่านั้นที่ได้คุณวุฒินี้ค่ะ
นอกจากนี้คุณหมอยังเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาทันตกรรมจัดฟันอยู่ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ด้วยนะคะ เก่งมากๆ
ส่วนบรรยากาศภายในคลินิกก็ดูตกแต่งได้สบายตามากๆ ค่ะ แถมยังมีความเป็นส่วนตัวและมีความปลอดภัยสูง เพราะคนที่จะเข้ามาใช้บริการต้องมีการนัดล่วงหน้ากับทางคลินิกมาก่อน ประตูด้านหน้าจะล็อกตลอดเวลา จะต้องเปิดจากด้านในเท่านั้นค่ะ
ส่วนเจ้าหน้าที่ของ Smile Hub Dental Clinic ก็ดูแลอย่างเป็นกันเองมากๆ ถ้าหากเด็กๆ มาใช้บริการก็จะมีการพูดคุยให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย มีลูกโป่งให้ และยังมีกระดานบอร์ดให้เขียนความประทับใจอีกด้วยค่ะ
วิธีการเดินทางมายัง Smile Hub Dental Clinic
ถ้าใครที่เดินทางมา Smile Hub Dental Clinic ด้วยรถสาธารณะ ก็ลง BTS สถานีอารีย์ ทางออก 1 ให้เดินมาทางตึก Pearl ประมาณ 300 เมตร เลียบถนนใหญ่แป๊บเดียวก็ถึงค่ะ
หรือถ้าใครที่ใช้รถส่วนตัวแบบเรา ก็สามารถขับรถมาตามถนนพหลโยธินได้เลยค่ะ ที่นี่เค้ามีที่จอดรถอยู่ด้านข้างของคลินิกด้วยนะคะ
ใครที่อยากพาลูกมาตรวจฟัน หรือปรึกษาเรื่องจัดฟันที่ Smile Hub Dental Clinic โปรแกรมเดียวคุ้มหลายต่อ แถมคุณหมอเข้าใจเด็กจริงๆ
นอกจากโปรแกรมทำฟันสำหรับเด็กแล้ว ก็ยังมีบริการทำฟันด้านอื่นๆ ด้วยเหมือนกันนะคะ ดูรายละเอียดโปรแกรมทั้งหมดจาก Smile Hub Dental Clinic ได้ที่ HDmall.co.th ได้เลยค๊าาา