การดูดไขมันเหนียงเป็นที่นิยมทำกันทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย เนื่องจากสามารถทำให้ใบหน้าดูเรียวได้รูป ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ทำ รวมไปถึงสามารถช่วยแก้ปัญหาการมีเหนียงหรือคางสองชั้นที่คนทั่วไปมักเข้าใจว่า จะเกิดกับคนอ้วนเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว คนรูปร่างผอมบาง หรือคนตัวเล็ก ก็สามารถมีเหนียงหรือคางสองชั้นได้เช่นกัน
สารบัญ
- ดูดไขมันเหนียงคืออะไร
- ประโยชน์ของการดูดไขมันเหนียง
- ดูดไขมันเหนียงเหมาะกับใคร
- ดูดไขมันเหนียงไม่เหมาะกับใคร
- การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันเหนียง
- ขั้นตอนการดูดไขมันเหนียง
- การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันเหนียง
- ผลข้างเคียงของการดูดไขมันเหนียง
- ดูดไขมันเหนียงจะบวมกี่วัน
- ดูดไขมันเหนียงใส่ชุดกระชับกี่วัน
- ดูดไขมันเหนียงผลลัพธ์ถาวรไหม
- ดูดไขมันเหนียงเจ็บไหม
ดูดไขมันเหนียงคืออะไร
การดูดไขมันเหนียง หรือคางสองชั้น (Double Chin Liposuction) คือ การแก้ไขปัญหาไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังบริเวณใต้คาง โดยสามารถทำได้ทั้งการใช้เครื่องดูดไขมัน หรือการดูดไขมันด้วยมือสำหรับคนที่มีเหนียงน้อยมาก ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
การมีเหนียงมักเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ อายุ สภาพผิว กรรมพันธุ์ โครงสร้างคางสั้น พฤติกรรมการใช้ชีวิต กล้ามเนื้อใต้คาง หรือไขมันสะสม ซึ่งการดูดไขมันเหนียงออกมาจะทำให้คางกระชับ ใบหน้าเรียวเล็กลง และดูดไขมันเหนียงเพียงครั้งเดียวก็สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที
ประโยชน์ของการดูดไขมันเหนียง
การดูดไขมันเหนียง มีประโยชน์ และข้อดีดังนี้
- เพิ่มความมั่นใจ ด้วยใบหน้าเรียวได้รูป อย่างเป็นธรรมชาติ
- เป็นการกำจัดไขมันสะสมเฉพาะจุด
- เป็นการสลายเฉพาะเซลล์ไขมันไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ
- เลือดออกน้อย เพราะแพทย์เปิดแผลขนาดเล็กเพียง 0.1 ซ.ม.
- ปลอดภัย และผลข้างเคียงน้อย
- ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน
- ใช้เข็มที่เล็กเป็นพิเศษ จึงไม่มีรอยแผลเป็น
- ได้ผลลัพธ์รวดเร็วและถาวร หากดูแลตัวเองให้ดีหลังดูดไขมัน
ดูดไขมันเหนียงเหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาคางสองชั้นหรือมีเหนียงจำนวนมาก
- ผู้ที่มีคางสั้น แต่มีไขมันสะสมใต้คาง
- ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด การดูดไขมันใต้คางออกจะทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น
- ผู้ที่มีน้ำหนักน้อย แต่มีใบหน้ากลม ต้องการให้มีคางเรียวขึ้น
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ทำให้มีไขมันสะสมทั้งใบหน้าแก้ม และเหนียงใต้คาง
- ผู้ที่มีความยืดหยุ่นของผิวหนังดีอยู่ หรือผู้มีอายุประมาณ 30-50 ปี และยังไม่มีความหย่อนคล้อยของผิวหนังมาก ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบสภาพผิวหนังก่อนตัดสินใจทำ
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องไขมันสะสมส่วนเกินบริเวณใบหน้า ช่วงบริเวณแก้มล่าง แนวขอบกรามไปถึงใต้คาง ทำให้มีหน้าใหญ่
- ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูเรียว ได้รูปมากขึ้น แต่ไม่ต้องการผ่าตัดกระดูกกราม
ดูดไขมันเหนียงไม่เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีอายุมากและมีผิวหนังหย่อนคล้อย ซึ่งควรใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
- ผู้ที่มีปัญหาการไหลเวียนโลหิตไม่ดี
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
- ผู้เป็นโรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันเหนียง
การเตรียมก่อนดูดไขมันเหนียงอย่างถูกต้องจะช่วยลดผลข้างเคียงภายหลังให้น้อยลง เช่น อาการเวียนหัวคลื่นไส้ หรือ อาการเมายาสลบ และยังช่วยให้การพักฟื้นเร็วขึ้นอีกด้วย โดยควรเตรียมพร้อมดังนี้
- แจ้งแพทย์ให้ทราบประวัติการแพ้ยา เพื่อป้องกันการแพ้ยาระหว่างการดูดไขมัน
- ตรวจเลือด เม็ดเลือด เกล็ดเลือด การแข็งตัวของเลือด และเกลือแร่ในร่างกาย
- วางแผนการพักฟื้นหลังการผ่าตัด โดยเฉพาะช่วงแรกระยะ 1-2 วัน ที่จะมีน้ำเกลือไหลซึมออกมาจากแผล จึงต้องดูแลแผลให้ดี
- เมื่อตัดสินใจดูไขมันเหนียง ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อการให้มีภูมิต้านทานที่ดี ไม่ติดเชื้อง่าย และเตรียมพร้อมสำหรับการดูดไขมันเหนียง ดังนี้
- งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 เดือน
- งดยากลุ่มแอสไพริน อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามินอี น้ำมันตับปลา แป๊ะก๊วย โสม หรือยาและอาหารเสริมที่จะทำให้การแข็งตัวของเลือดช้า อย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการงดอาหารเสริมหรือวิตามินจากแพทย์ได้อีกครั้ง
- งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 วัน
- งดรับประทานอาหารและงดดื่มน้ำอย่างน้อย 8 ชม. ในกรณีที่แพทย์แจ้งว่าจะมีการใช้ยาสลบ
- งดรับประทานอาหารก่อนการดูดไขมัน ประมาณ 3 ชั่วโมง ในกรณีที่แพทย์จะใช้ยาชา
- ควรพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ในคืนก่อนดูดไขมัน
- งดดื่มชา กาแฟ และน้ำอัดลม ในวันที่ดูดไขมัน
- งดแต่งหน้า ทาครีม หรือใช้เครื่องสำอาง
- งดสวมใส่เครื่องประดับ
- ควรตัดเล็บให้สั้น
- ควรใส่เสื้อผ้าสีเข้ม และหลวมๆ ในวันดูดไขมัน เพราะหลังจากดูดไขมันจะมีน้ำเกลือซึมออกจากแผล อาจทำให้เสื้อเปื้อนได้
- ห้ามขับรถกลับบ้านเอง ควรพาเพื่อนหรือญาติมาด้วย
ขั้นตอนการดูดไขมันเหนียง
ก่อนการดูดไขมันเหนียง จะต้องพบแพทย์เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของเหนียง และวางแผนดูดไขมัน โดยเมื่อเข้ารับบริการดูดไขมันเหนียง จะมีขั้นตอนดังนี้
- แพทย์ทายาฆ่าเชื้อ เบตาดีน บริเวณเหนียง
- แพทย์ฉีดยาชา โดยใช้การระงับความรู้สึกแบบการใส่ยาเฉพาะที่ หรือ Tumescent ซึ่งโดยทั่วไป ใน Tumescent จะประกอบด้วย ยาชา น้ำเกลือ ยาที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว หรือที่รู้จักในชื่อ Adrenaline ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยขยายชั้นไขมัน ลดอาการเจ็บปวด ลดอาการเสียเลือด และช่วยให้ในการสลายไขมัน ทำให้สามารถดูดไขมันออกมาได้ง่ายขึ้น แพทย์เปิดแผลขนาดเล็กเท่าหัวปากกา 3 จุด คือ บริเวณใต้คางและหลังใบหูทั้ง 2 ข้าง เพื่อทำการดูดไขมันเหนียง
- แพทย์ดูดไขมันเหนียงตามแผนที่วางไว้ เริ่มจากการสลายเซลล์ไขมันให้แตกตัว โดยไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่ออื่น เช่น เส้นเลือด หรือเส้นประสาท เมื่อไขมันแตกสลายเป็นน้ำหมดแล้ว แพทย์จะดูดไขมันออกโดยใช้เครื่องดูดไขมัน หรือด้วยมือ กรณีมีไขมันน้อย
- เมื่อดูดไขมันจนหมดแล้ว แพทย์จะทำการเย็บปิดแผลเพียง 1 เข็ม เพื่อให้น้ำสามารถระบายออกมาได้ และแปะแผ่นซึมซับเอาไว้
- แพทย์สวมชุดกระชับ หรือ ผ้ารัดเหนียง เพื่อให้เหนียงกระชับ และเข้าที่เร็ว
- แพทย์อธิบายวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันเหนียง
- ผู้รับการดูดไขมันกลับบ้านได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้น โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันเหนียง
ในช่วง 1 เดือนแรกหลังดูดไขมันเหนียง ควรดูแลตัวเองเป็นพิเศษเพื่อให้แผลหายเร็ว ไม่เจ็บ ไม่บวมนาน และให้เหนียงเข้าที่เร็ว โดยมีแนวทางดูแลตัวเอง ดังนี้
- งดอาบน้ำในวันที่ดูดไขมัน โดยสามารถอาบน้ำในวันถัดไป และแปะพลาสเตอร์กันน้ำทุกครั้ง
- สวมชุดกระชับ หรือ ผ้ารัดเหนียงอย่างน้อย 22 ชั่วโมงต่อวัน ในระยะ 7 วันแรก หลังจากนั้นจึงค่อยลดลงตามคำแนะนำของแพทย์
- รับประทานยาแก้ปวด และยาลดอาการบวม เมื่อมีอาการเท่านั้น
- ดื่มน้ำ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อให้ร่างกายขับยาชาออกไป
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 เดือน เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้แผลหายช้า
- งดทำกิจกรรมหนักๆ เช่น การยกของหนัก หรือออกกำลังกาย ประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนใบหน้า
- ทำความสะอาดแผล 1-2 ครั้งต่อวัน จนกว่าจะตัดไหม
- หลีกเลี่ยงการโดนน้ำ และป้องกันไม่ให้น้ำเข้าแผลอย่างน้อย 7 วันหลังดูดไขมัน
- หลีกเลี่ยงอาหารไม่สะอาด อาหารทะเล และอาหารหมักดอง
- หลีกเลี่ยงเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำ และแผลเปิด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานยาให้หมด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- พบแพทย์ทันที หากเกิดความผิดปกติหลังการดูดไขมัน
ผลข้างเคียงของการดูดไขมันเหนียง
- มีน้ำไหลออกมาจากแผลประมาณ 1-2 วัน ซึ่งเป็นน้ำเกลือและยาชาที่จะช่วยลดอาการบวมของแผล และช่วยให้แผลยุบเร็ว
- มีอาการบวม ช้ำ ตรงจุดที่ดูดไขมันประมาณ 1-2 อาทิตย์ ซึ่งสามารถบรรเทาได้โดยการประคบเย็นและทานยาลดปวดตามที่แพทย์สั่ง
- อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือกรณีที่ผู้ดูดไขมันได้รับยาชาหรือยาสลบมากเกินไป อาจชาบริเวณที่ดูดไขมัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้นานถึง 4 เดือน
- อาจเสียเลือดมากและมีเซลล์ไขมันหลุดเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งมักเกิดจากการดูดไขมันในปริมาณมากเกินไป และใช้วิธีการดูดไขมันที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งการรับประทานยาวิตามิน หรือสมุนไพรที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า
- ผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน ไม่สม่ำเสมอ และรอยย่นของกล้ามเนื้อตรงจุดที่ดูดไขมัน ซึ่งเกิดจากวิธีและเครื่องมือในการดูดไขมัน แต่พบในจำนวนน้อย
- อาจทำให้เนื้อเยื่อเกิดการบาดเจ็บ จนอักเสบได้ กรณีแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ
- อาจทำให้ผิวไม่กระชับ เกิดรอยช้ำเขียวเป็นเวลานาน จนส่งผลกับระบบเลือดและน้ำเหลือง และทำให้ฟื้นตัวช้า กรณีแพทย์เลือกใช้วิธีดูดไขมันไม่เหมาะสม
- ภาวะแทรกซ้อนอื่น อย่างเช่น อาการแพ้ก่อให้เกิดผื่นขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่ได้เกิดจากการดูดไขมันโดยตรง แต่เกิดจากการใช้ยาสลบ หรือยาชา ซึ่งภาวะนี้จะขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของผู้ดูดไขมันแต่ละคน
ดูดไขมันเหนียงจะบวมกี่วัน
หลังจากดูดไขมันเหนียง โดยทั่วไปจะมีอาการบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วจะค่อยๆ ลดลง และใบหน้าจะเริ่มเข้าที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ซึ่งผู้รับการดูดไขมันส่วนใหญ่ จะสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตตามปกติได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย
ดูดไขมันเหนียงใส่ชุดกระชับกี่วัน
ควรใส่ชุดกระชับใบหน้าอย่างน้อย 22 ชั่วโมงต่อวัน ในระยะเวลา 7 วันแรก หลังจากนั้นให้ใส่วันละ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งไม่ควรใส่นานกว่านี้เพราะอาจทำให้เกิดริ้วรอยบริเวณใต้คางได้
เหตุผลที่ต้องใส่ชุดกระชับ เป็นเพราะเมื่อดูดไขมันเหนียงออกแล้ว จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชั้นไขมัน เพื่อช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำการดูดไขมันกระชับเร็วขึ้น ลดอาการบวมช้ำ และลดการคั่งของของเหลวบริเวณดูดไขมัน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุการเกิดก้อนไตแข็งๆ หรือก้อนซีโรม่า
ดูดไขมันเหนียงผลลัพธ์ถาวรไหม
การดูดไขมันเหนียงเป็นการกำจัดเซลล์ไขมันใต้คางออกไป และทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ระยะยาวก็จริง แต่ก็มีโอกาสที่ไขมันใต้คางจะกลับมาสะสมได้อีก เช่น ผู้รับบริการมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อายุมากขึ้น หรือมีสภาพผิวที่เปลี่ยนไป ดังนั้นเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานที่สุด ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดการบริโภคไขมันมากเกินไป และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ดูดไขมันเหนียงเจ็บไหม
การดูดไขมันเหนียงใต้คางซึ่งเป็นบริเวณผิวบอบบาง อาจทำให้รู้สึกเจ็บได้ แต่โดยปกติแพทย์จะฉีดยาชาเพื่อระงับความรู้สึกเจ็บให้ แต่เมื่อชั้นไขมันบางลง ไขมันที่ยังเหลือติดอยู่กับผิวหนังและกล้ามเนื้อ อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บ หรือรู้สึกแปลบๆ บ้าง ในบางครั้ง แต่จะไม่เจ็บตลอดเวลา
ปัจจุบันการดูดไขมันเหนียงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และสร้างเสริมความสวยงามทำให้ใบหน้าเรียวสวย ได้รูป แต่เจ็บน้อย ปลอดภัยสูง และที่สำคัญเห็นผลลัพธ์ได้ทันที หลังทำเพียงครั้งเดียว