แคนตาลูป ข้อมูล พลังงาน สารอาหาร วิธีใช้เพื่อสุขภาพ


แคนตาลูป

แคนตาลูป (Cantaloupe) เป็นพืชสกุลเดียวกับแตงร้าน แตงกวา และแตงไทย มีกลิ่นหอม รสชาติหวานอร่อย อุดมด้วยวิตามินเอและวิตามินซี มีส่วนประกอบเป็นน้ำมาก จึงสามารถนำมารับประทานเพื่อดับกระหายได้ ส่วนถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา มักมีลักษณะผลค่อนข้างใหญ่ เปลือกผลหนา เนื้อมีสีส้มหรือสีเหลือง ส่วนในประเทศไทยได้มีการทดลองปลูกในจังหวัดต่างๆ จนได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ โดยแคนตาลูปที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศที่สุดคือที่ปลูกจากอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

คุณค่าทางโภชนาการ

แคนตาลูป 177 กรัม หรือขนาด 1 ถ้วยที่มักจะรับประทานกัน ให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้

  • โปรตีน 1.5 กรัม
  • ไขมัน 3 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 14.4 กรัม แบ่งเป็นจากน้ำตาล 13.9 กรัม และเส้นใย 1.6 กรัม
  • โซเดียม 28 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 472.59 มิลลิกรัม
  • รวมถึงยังประกอบด้วยวิตามินต่างๆ เช่น วิตามินเอ 120% วิตามินซี 108% แคลเซียม 2% เหล็ก 2% เมื่อเทียบกับปริมาณวิตามินที่ควรรับประทานต่ออาหารที่มีพลังงาน 2,000 กิโลแคลอรี่

ที่มา: Fatsecret

สรรพคุณของแคนตาลูป

ผลไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย ดังนี้

  1. บำรุงสายตา เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีวิตามินเอสูงมาก และยังมีเบต้าแคโรทีน ทำให้ดวงตามีสุขภาพดี เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นตอนกลางคืน ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก และชะลอการเสื่อมสภาพของดวงตาได้อย่างดี

  2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินซีในแคนตาลูปช่วยเสริมให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรงขึ้น จึงช่วยลดอาการเจ็บป่วยได้และต้านการอักเสบที่เกิดจากเชื้อโรคต่างๆ ในร่างกายได้อีกด้วย

  3. ป้องกันโรคมะเร็ง วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนสูงในผลไม้ชนิดนี้ช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  4. ฟื้นฟูการทำงานของสมอง โพแทสเซียมในแคนตาลูปจะลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ช่วยฟื้นฟูการทำงานของสมอง ส่งผลให้มีความจำดี มีสมาธิในการทำงาน สมองปลอดโปร่ง เป็นบรรเทาความเครียดได้อีกด้วย

  5. ส่งเสริมระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากแคนตาลูปมีใยอาหารและน้ำปริมาณมาก จึงช่วยในการป้องกันอาการท้องผูก

  6. บรรเทาอาการหอบหืดในเด็ก ปริมาณวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนในแคนตาลูปเพียงพอที่จะทำให้ปอดของเด็กแข็งแรง และทำให้ระบบทางเดินหายใจมีประสิทธิภาพ

  7. บรรเทาอาการปวดประจำเดือน สารอาหารต่างๆ ในผลไม้ชนิดนี้ช่วยควบคุมการไหลเวียนโลหิตและบรรเทาอาการปวดประจำเดือน และหากรับประทานเป็นประจำในช่วงที่มีประจำเดือน จะช่วยลดการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจทำให้เป็นเลือดค้างในมดลูกจนพัฒนาไปเป็นช็อคโกแลตซีสต์ได้

  8. ช่วยลดน้ำหนัก ถือเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ มีใยอาหารสูง จึงช่วยให้อิ่มท้องได้นานและอิ่มเร็วกว่าปกติ

  9. รักษาโรคข้ออักเสบ สารต้านอนุมูลอิสระทั้งวิตามินเอและซีในปริมาณมาก ช่วยป้องกันการเกิดการอักเสบของข้อได้

เมนูสุขภาพจากแคนตาลูป

ผลไม้ชนิดนี้เหมาะสำหรับการนำมาประกอบอาหารหวาน เช่น

  1. แคนตาลูปไอซ์ป๊อบ วิธีทำคือนำเนื้อแคนตาลูปประมาณ 3 ถ้วยตวง เติมน้ำมะนาวลงไปประมาณ 1 ลูก คนให้เข้ากัน จากนั้นเทลงไปบนแม่พิมพ์แล้วนำไปแช่แข็งเป็นเวลา 12 ชั่วโมง กินเป็นไอศกรีมให้ความสดชื่น

  2. แคนตาลูปสมูทตี้ นำแคนตาลูป 1 ถ้วย โยเกิร์ต 1 ถ้วย น้ำตาล ขิงสดขูดประมาณครึ่งช้อนชา และน้ำแข็งเกล็ดปริมาณพอเหมาะ ใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

  3. แคนตาลูปสลัดชีสแพะ ให้นำแคนตาลูปมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในจานขนาดใหญ่ เติมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน โรยด้วยเกลือเล็กน้อย ตามด้วยชีสแพะและใบสะระแหน่ เท่านี้ก็พร้อมรับประทานได้ทันที

  4. ซุปแคนตาลูปสไปซี่ นำเนื้อมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก น้ำมะนาวสด 3 ช้อนโต๊ะ พริกสดเล็กน้อย และเกลือ 1/4 ช้อนชา มาปั่นรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่ถ้วย แล้วแช่เย็นไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง โรยด้วยขนมปังกรอบเล็กน้อยก่อนรับประทาน

  5. แซลมอนขิงแคนตาลูป นำแคนตาลูปที่หั่นพอดีคำ ใบสะระแหน่สับละเอียด น้ำมะนาวและเกลือ คนผสมกันในถ้วยจนเข้ากันดี จากนั้นนำเกลือ พริกไทย โรยลงไปให้ทั่วในถ้วยส่วนผสม นำเนื้อปลาแซลมอนมาทอดในกระทะโดยใช้ความร้อนปานกลางประมาณ 1 นาที โรยขิงลงไปในกระทะและทอดซ้ำพลิกให้ปลาสุกทั้งสองด้านประมาณ 10 นาที ตักใส่จาน นำส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนแรก ราดให้ทั่วชิ้นปลา

แคนตาลูปมีน้ำตาลสูงจริงหรือไม่?

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าแคนตาลูปเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงเพียงเพราะมีรสหวาน แต่ในความจริง ในปริมาณ 1 ถ้วยมีพลังงานและคาร์โบไฮเดรตเทียบเท่ากับ 1 หน่วยบริโภคของแอปเปิ้ลขนาดเล็ก ซึ่งไม่ได้มากนัก แต่หากยังกังวลว่าจะได้รับคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลมากเกินไป ก็ควรจำกัดการบริโภคให้ไม่เกิน 1 ถ้วยต่อวัน

ควรล้างแคนตาลูปก่อนรับประทานหรือไม่?

คุณควรล้างแคนตาลูปก่อนรับประทาน โดยใช้น้ำสะอาดและแปรงล้างผักผลไม้ เนื่องจากตามเปลือกมักมีสารเคมีและยาฆ่าแมลงตกค้างอยู่ ไม่แนะนำให้ล้างด้วยสบู่ เนื่องจากผิวของผลเป็นรูพรุน อาจทำให้สบู่ซึมเข้าไปในเนื้อผลไม้ได้ แต่สามารถแช่สารต่างๆ เพื่อชะล้างสารเคมีและยาฆ่าแมลงออกไปได้ เช่น น้ำส้ม ด่างทับทิม หรือน้ำยาล้างผักผลไม้


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจสุขภาพ


บทความแนะนำ


ที่มาของข้อมูล

ขยาย

ปิด

@‌hdcoth line chat