สิ่งที่ควรทำในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดกับหัวใจ scaled

สิ่งที่ควรทำในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดกับหัวใจ

แม้ว่าโรคหัวใจและหลอดเลือดจะเป็นภัยที่คืบคลานมาแบบเงียบๆ สามารถพบได้ในผู้หญิงและผู้ชายหลากหลายวัย แม้แต่นักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำก็พบได้เช่นกัน

แต่หากสามารถช่วยเหลือ ปฐมพยาบาลผู้ที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินนี้ได้ถูกวิธีและทันเวลาก็สามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้เช่นกัน

ภาวะฉุกเฉินเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดที่พบบ่อย

ภาวะเหล่านี้หากเกิดขึ้นแล้วอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ฉะนั้นควรต้องรู้จักอาการแสดงสำคัญของทั้ง 3 ภาวะนี้ รวมทั้งวิธีช่วยเหลือและปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพราะวันหนึ่งคุณอาจตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้และต้องเป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือก็เป็นได้

ภาวะหัวใจวาย

ภาวะหัวใจวายหมายถึง ภาวะที่หัวใจหยุดการทำงาน หยุดบีบตัวส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ เนื่องจากเกิดลิ่มเลือดอุดตันแบบฉับพลัน ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ หยุดทำงานไปด้วย

อาการแสดงของภาวะหัวใจวายที่พบบ่อย ได้แก่

  • มีอาการเจ็บ แน่นหน้าอก รู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาบีบหัวใจ ในขณะที่กำลังออกแรง หรือเครียด
  • มีอาการเจ็บที่อกซึ่งสามารถปวดแล่นไปยังแขน (โดยเฉพาะแขนซ้าย) กราม คอ แผ่นหลัง และท้อง
  • หายใจลำบาก หายใจไม่ทัน
  • ใจสั่น หรือหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • เหงื่อออกมากจนรู้สึกหนาว ตัวเย็น
  • หน้ามืด คลื่นไส้อาเจียน
  • เหนื่อยง่ายกว่าปกติ แม้ไม่ได้ออกแรงอยู่เฉยๆ ก็ยังเหนื่อย
  • นอนราบไม่ได้เลยเพราะเหนื่อย
  • ขาและเท้าบวม เนื่องจากมีน้ำและเกลือแร่คั่งในร่างกายมาก

วิธีช่วยเหลือและปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  • เรียก หรือเขย่าตัวว่า ผู้ป่วยยังมีสติอยู่หรือไม่
  • หากผู้ป่วยยังมีสติอยู่ควรให้อยู่นิ่งๆ งดการเคลื่อนไหว งดการใช้แรงจนกว่ารถพยาบาลจะมารับ
  • ติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น หรือโทรติดต่อ 1669 หรือโรงพยาบาล หรือทีมกู้ภัยใกล้เคียงทันที
  • หากมียาแอสไพรินและแน่ใจว่า ผู้ป่วยไม่มีอาการแพ้แน่ๆ ให้เคี้ยวแอสไพริน 1 เม็ด (300 mg) เพื่อบรรเทาอาการ แต่ถ้าหากไม่มี ไม่เป็นไร

ผู้ป่วยหลายคนรอดชีวิตจากภาวะหัวใจวายและสามารถฟื้นตัวได้ดี เนื่องจากได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องและนำส่งโรงพยาบาลได้รวดเร็ว

อาการของภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน 

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันเป็นภาวะที่ไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า แต่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อหัวใจทำงานผิดปกติ  เช่น ไม่มีการบีบตัว คายตัว ทำให้ไม่มีเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมทั้งสมอง

เมื่อสมองขาดเลือดก็จะทำให้หมดสติ ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ นั่นเอง

แม้ภาวะนี้จะสามารถทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ แต่ถ้าได้รับการรักษาเร็วเท่าไรก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้กู้ชีพกลับมามากขึ้นเท่านั้น

วิธีช่วยเหลือและปฐมพยาบาลเบื้องต้น 

  • พยายามเรียก หรือเขย่าตัวว่า ผู้ป่วยยังมีสติอยู่หรือไม่
  • หากผู้ป่วยยังมีสติอยู่ควรให้อยู่นิ่งๆ งดการเคลื่อนไหว งดการใช้แรงจนกว่ารถพยาบาลจะมารับ
  • ติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น หรือโทรติดต่อ 1669 หรือโรงพยาบาล หรือทีมกู้ภัยใกล้เคียงทันที
  • หากผู้ป่วยไม่สามารถหายใจได้เอง ให้ปฐมพยาบาลด้วยการเป่าลมเข้าปอดด้วยวิธีเป่าแบบปากต่อปากพร้อมกับดันหน้าผากและดึงคาง หรือการเป่าแบบปากต่อปากขณะยกขากรรไกรล่าง แต่ละแบบให้เป่าครั้งละ 2 วินาที แล้วถอนปากออกมาให้ลมหายใจออกผ่านกลับออกมาทางปาก โดยขณะช่วยหายใจทางปากให้ใช้มือบีบจมูก ไม่อย่างนั้นแล้วลมจะไม่เข้าปอด
  • กดหน้าอก เริ่มด้วยการหาตำแหน่งครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก วางนิ้วมือทั้งสองถัดจากจุดนั้นขึ้นไป แล้ววางมือทาบอกบนอีกมือหนึ่ง โดยอาจประสานนิ้ว หรือไม่ก็ได้ จากนั้นกดหน้าอกแล้วปล่อย ทำติดต่อกัน 30 ครั้ง เวลากดอย่างอแขน โน้มตัวไปข้างหน้าให้ช่วงไหล่อยู่เหนือร่างผู้หมดสติเพื่อให้ทิศของแรงกดดิ่งลงสู่หน้าอก
  • เป่าลมเข้าปอด 2 ครั้ง สลับกับกดหน้าอก 30 ครั้ง อย่างน้อย 4 รอบ ถ้ายังไม่ได้สติก็ทำซ้ำอีก 4 รอบ จนกว่าผู้ป่วยจะรู้ตัว หรือจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง
  • หากมีเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (Automated External Defibrillators: AED) สามารถนำมาใช้ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้

เครื่อง AED ทำงานด้วยการวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจและสามารถส่งกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นหัวใจให้บีบตัวเป็นจังหวะ ควรปฏิบัติตามคู่มือที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ และระหว่างใช้งานควรทำการปั้มหัวใจเพื่อกู้ชีพควบคู่กันไป เมื่อกู้ชีพผู้ป่วยได้แล้ว ควรจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าพักฟื้นและจนกว่ารถพยาบาลจะมารับ

อาการเจ็บแน่นหัวใจจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Angina pectoris) กำเริบ

อาการนี้เกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเกิดการแข็งตัว หรือมีแคลเซียม ตะกรัน ไขมัน ไปเกาะผนังของหลอดเลือดจำนวนมาก ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง หัวใจจึงขาดเลือดและออกซิเจน

ภาวะดังกล่าวส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจเริ่มเสื่อมสภาพและตายลง ยิ่งเป็นมากเท่าไหร่โอกาสที่หัวใจจะหยุดเต้นก็มีมากขึ้นเท่านั้น มีรายงานว่า ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันสามารถทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 1 ชั่วโมง

อาการแสดงของภาวะเจ็บแน่นหน้าอกจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่พบบ่อย ได้แก่

  • เจ็บแน่นตรงกลางหน้าอกบริเวณเหนือลิ้นปี่ขึ้นมาเล็กน้อย
  • เจ็บแบบจุกแน่นเหมือนมีอะไรหนักๆ มาทับไว้
  • บางครั้งมีอาการปวดร้าวไปที่ท้องแขนด้านใน คอ กราม และไหล่ซ้าย
  • มีอาการเหนื่อย กระสับกระส่าย
  • เหงื่อออกมาก ตัวเย็น
  • ถ้าออกแรง จะมีอาการมากขึ้น แต่ถ้าได้พัก หรือหยุดนิ่ง อาการจะดีขึ้น

วิธีช่วยเหลือและปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  • หยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่และนั่งลงนิ่งๆ
  • เคลียร์พื้นที่โดยรอบให้โล่ง ไม่ให้คนมุงดู เพื่อคลายความแออัด
  • คลายเข็มขัด ปลดตะขอกางเกง ปลดกระดุมเสื้อบางส่วนออก เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก
  • ตรวจสอบว่า ผู้ป่วยหายใจได้เองหรือไม่ หากไม่สามารถหายใจได้เองให้เป่าปากเพื่อช่วยหายใจ
  • ตรวจชีพจร นวดหัวใจเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้อีกครั้ง
  • รีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

หลายคนอาจคิดว่า ในภาวะฉุกเฉินเกี่ยวกับหัวใจควรแก้ไขด้วยการช่วยฟื้นคืนชีพ แต่ขอให้เข้าใจว่า การปฐมพยาบาลด้วยการช่วยฟื้นคืนชีพ หากทำไม่ถูกต้อง วางมือผิดตำแหน่งแทนที่จะได้ประโยชน์อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ เช่น กระดูกซี่โครงหัก

นอกจากนี้ควรช่วยฟื้นคืนชีพ 30 ครั้ง แล้วเป่าปาก 2 ครั้งสลับกันไป จนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง

สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ หากพบผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการหายใจ หมดสติ ผู้ไปพบคนแรกต้องมีสติ อย่าตื่นเต้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบให้การช่วยเหลือเบื้องต้นเท่าที่จะทำได้ รวมถึงพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ชีพ โรงพยาบาล ที่ใกล้ที่สุด


ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. วรรณวนัช เสถียรธรรมมณี


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top