ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งอายุมาก ยิ่งเสี่ยงปัญหาสุขภาพดวงตา การตรวจสุขภาพตาผู้สูงอายุเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก แล้วการตรวจสุขภาพตาต้องตรวจอะไรบ้าง ตรวจบ่อยแค่ไหน แล้วควรเตรียมตัวอย่างไรดี เรารวมคำตอบมาให้ในบทความนี้แล้ว
สารบัญ
ทำไมผู้สูงอายุควรตรวจสุขภาพดวงตา และควรตรวจบ่อยแค่ไหน
ต้องบอกว่าอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงดวงตาของคนเราจะเสื่อมสภาพตามธรรมชาติอยู่แล้ว เมื่ออายุมากขึ้น ผนวกกับปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อดวงตา เช่น พันธุกรรม โรคประจำตัว การใช้ยาบางชนิด อุบัติเหตุ หรือการผ่าตัด จึงมีโอกาสเป็นโรคทางตาสูงขึ้น
โดยเฉพาะโรคทางตายอดฮิตอย่าง ต้อหิน (Glaucoma) ต้อกระจก (Cataracts) โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม (Macular degeneration: MD) และโรคเบาหวานขึ้นตา (Diabetic retinopathy)
โรคทางตาบางโรคอาจไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก กว่าผู้ป่วยจะรู้ตัวก็อาจเป็นหนักหรือรุนแรงจนสายเกินจะกลับมาเป็นปกติ เสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นทั้งชั่วคราวและถาวรได้
การตรวจสุขภาพดวงตาผู้สูงอายุ จึงไม่เพียงช่วยป้องกันโรค คัดกรองโรค นำไปสู่การวินิจฉัยที่ตรงจุด และเข้ารับการรักษาหรือชะลอการเกิดโรคได้เร็วขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต และประสิทธิภาพการมองเห็นของผู้สูงอายุในช่วงบั้นปลายด้วย
คนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แม้ไม่มีความผิดปกติ ควรตรวจสุขภาพดวงตาอย่างละเอียด อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะเป็นช่วงอายุที่มักพบการเปลี่ยนแปลงของสายตา และสัญญาณเริ่มต้นของปัญหาสายตาหรือโรคทางตา
ส่วนความถี่ของการตรวจสุขภาพดวงตาจะขึ้นอยู่กับสุขภาพและปัจจัยเสี่ยงที่ต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคน อย่างกรณีผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวานหรือโรคความดันโลหิตสูง อาจต้องตรวจสุขภาพดวงตาถี่ขึ้น เพื่อประเมินและติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง
การตรวจสุขภาพดวงตาผู้สูงอายุ มีอะไรบ้าง
การตรวจสุขภาพดวงตามีหลายขั้นตอน เพื่อให้ครอบคลุมโรคทางตาที่มักพบได้บ่อย โดยแพทย์จะเริ่มต้นจากการซักประวัติสุขภาพของผู้รับการตรวจและคนในครอบครัว ประวัติการใช้ยา และการใช้คอนแทคเลนส์ จากนั้นจึงตรวจตาด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
- การตรวจการมองเห็น (Visual acuity) ด้วยแผ่นทดสอบสายตาแบบตัวเลข (Snellen charts) หรือแบบตัวอักษร (E-charts) เพื่อวัดความคมชัดของสายตาแต่ละข้างในแต่ละระยะ
- การตรวจค่าสายตา (Refraction) ด้วยเครื่องโฟรอปเตอร์ (Phoropter) ที่ประกอบด้วยเลนส์พิเศษหลายชนิด เพื่อใช้วัดค่าสายตาสั้น ยาว และเอียงของตาทั้งสองข้าง
- การตรวจการเคลื่อนไหวของดวงตา (Ocular motility) เพื่อดูการทำงานประสานกันของของดวงตา การทำงานของกล้ามเนื้อตา รวมถึงการประเมินภาวะตาเข
- การวัดความดันลูกตา (Tonometry) เพื่อประเมินความเสี่ยงของต้อหิน แพทย์จะเป่าลมไปที่กระจกตาแล้วใช้เครื่องมือวัดวางแนบกับบริเวณดังกล่าว โดยอาจหยอดยาชาก่อนวัดความดันลูกตา เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตามากขึ้น
- การตรวจกล้องจุลทรรศน์ชนิดลำแสงแคบ (Slit lamp microscope) บริเวณส่วนหน้าของดวงตา เช่น เปลือกตา กระจกตา รูม่านตา เลนส์ตา วุ้นตา และน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา เพื่อหาสัญญาณของต้อกระจก รอยแผล หรือรอยขีดข่วน
- การตรวจลานสายตา (Visual fields test) ช่วยวัดการมองเห็นด้านข้าง (Peripheral vision) หรือความกว้างแคบที่ผู้ป่วยมองเห็น ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดพิเศษ เพื่อตรวจหาต้อหินและโรคทางตาชนิดอื่น ๆ เช่น โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม โรคเกรฟส์ (Graves’ disease) หรือภาวะลานสายตาผิดปกติ (Scotoma)
- การตรวจจอประสาทตาและเส้นประสาทตา ด้วยการหยอดยาขยายม่านตาแล้วตรวจหาความผิดปกติด้วยกล้องกำลังขยายสูงพร้อมไฟส่องตา (Ophthalmoscope) โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดต่าง ๆ หลังหยอดยาราว 2–3 ชั่วโมง ผู้ป่วยอาจตามัวหรือตาไวต่อแสงได้
นอกจากนี้แพทย์ยังอาจตรวจตาด้วยวิธีเฉพาะอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การตรวจจอประสาทตาด้วยเครื่องเลเซอร์ (Optical coherence tomography: OCT) การถ่ายภาพจอประสาทตาด้วยเครื่องถ่ายภาพ (Fundus photos)
การตรวจพื้นผิว รูปร่าง และวัดความหนากระจกตา (Corneal topography) การฉีดสีเรืองแสงดูหลอดเลือดดวงตา (Fluorescein angiography: FA) ไปจนถึงการทดสอบภาวะตาบอดสี (Color vision test)
เตรียมตัวก่อนไปตรวจสุขภาพดวงตาในผู้สูงอายุ
เบื้องต้น การตรวจสุขภาพดวงตามักไม่มีข้อจำกัดอะไรเป็นพิเศษ ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือน้ำดื่ม แนะนำให้นอนพักผ่อนให้เพียงพอก่อนถึงวันนัดตรวจ งดเสริมสวยบริเวณดวงตาและขนตา
เตรียมแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ค่าสายตาปัจจุบัน แจ้งแพทย์ให้ครบถ้วนเกี่ยวกับยารักษาโรค วิตามิน และอาหารเสริมที่กำลังใช้อยู่ นอกจากนี้ ควรนำแว่นตากันแดดและพาคนดูแลมาด้วย เนื่องจากการตรวจสุขภาพดวงตาบางวิธี อาจมีการหยอดยาขยายรูม่านตา ทำให้ตาพร่ามัวหรือไวต่อแสงได้
สัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพดวงตาในผู้สูงอายุ
ปัญหาสุขภาพดวงตาในผู้สูงอายุช่วงแรกมักไม่แสดงอาการ หากพบสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้ ควรไปตรวจสุขภาพดวงตาโดยเร็ว
- มองเห็นภาพเบลอ ขุ่นมัว
- แสบตา ไม่สบายตา ตาแดง
- น้ำตาน้อยหรือมากเกินไป
- มองเห็นเป็นแสงแฟลช
- ตาไวต่อแสง
- แยกความต่างของสีลำบาก
- มองเห็นแคบลงหรือมองรอบนอกไม่เห็น
- เกิดอุบัติเหตุที่ดวงตา
- สูญเสียการมองเห็นฉับพลัน
เพราะผู้สูงอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป มักเสี่ยงต่อโรคตาหลายชนิด การตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละครั้งจึงสำคัญ เพราะจะช่วยให้พบสัญญาณโรคทางตาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น วางแผนการรักษาได้ทันท่วงที และชะลอการสูญเสียการมองเห็นได้
ดวงตาไม่มีอะไหล่ ดูแลสุขภาพตาคนในบ้านตั้งแต่วันนี้ ด้วยแพ็กเกจ ตรวจสุขภาพตา ที่ HDmall.co.th เลือกตรวจใกล้บ้านได้ในราคาแสนคุ้ม!