อาการปวดท้อง

อาการปวดท้อง ปวดท้องแต่ละส่วน มีผลอย่างไร

อาการปวดท้อง เป็นอาการที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้สาเหตุของอาการปวดท้อง และมักคิดว่าไม่เป็นอันตรายอะไร หากนั่งพักสักหน่อย หรือรับประทานยาแก้ปวดก็น่าจะกลับมาแข็งแรงดี

อย่างไรก็ตาม ภายในช่องท้องของเรานั้นประกอบไปด้วยอวัยวะต่างๆ มากมาย เช่น กระเพาะอาหาร ตับ ถุงน้ำดี ไส้ติ่ง หรือลำไส้ใหญ่ ซึ่งอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของอวัยวะเหล่านี้ก็ได้

ในบทความนี้จะแนะนำเกี่ยวกับอาการปวดท้องในแต่ละส่วน เพื่อให้ผู้ที่มีอาการปวดท้องสามารถแยกได้ว่า อาการปวดท้องที่เกิดขึ้นเข้าข่ายอาการปวดท้องที่เป็นอันตรายหรือไม่ จะได้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ และเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที

อาการปวดท้องแต่ละส่วน บอกโรคอะไรได้บ้าง?

ในทางการแพทย์จะแบ่งอาการปวดท้องหลักๆ ออกเป็น 5 ส่วน คือ ปวดท้องด้านขวาบน ปวดท้องด้านซ้ายบน ปวดท้องด้านขวาล่าง ปวดท้องด้านซ้ายล่าง และปวดท้องส่วนกลาง โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ปวดท้องด้านขวาบน 

ท้องด้านขวาบนมีอวัยวะที่เกี่ยวข้องคือ ตับ ถุงน้ำดี และท่อน้ำดี โดยมีลักษณะอาการปวด ดังนี้

  • ถุงน้ำดีอักเสบ มีอาการปวดท้องต่อเนื่อง และอาจมีไข้ร่วมด้วย
  • นิ่วอุดตันในท่อน้ำดี ร่างกายจะพยายามบีบไล่นิ่วให้หลุดออกมา ทำให้เกิดอาการปวดท้องเฉียบพลัน และปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ใช้ระยะเวลาประมาณ 15-30 นาที ในบางรายอาจมีอาการเหงื่อออก ใจสั่น และอาจมีอาการปวดร้าวที่บริเวณหลัง หรือสะบักด้านขวาด้วย
  • ตับอักเสบ หรือฝีหนองที่ตับ ปกติจะไม่แสดงอาการอะไร แต่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายช่องท้องด้านขวาบนได้

2. ปวดท้องด้านซ้ายบน

ท้องด้านซ้ายบนมีอวัยวะที่เกี่ยวข้องคือ ม้าม ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่มีอาการปวดท้องในบริเวณนี้ แต่หากเกิดอาการปวดท้องด้านซ้ายบนอย่างรุนแรงนั้น อาจเกิดจากภาวะม้ามขาดเลือด ซึ่งจะต้องไปพบแพทย์ทันที

นอกจากนี้อาจเกิดจากโรคของตับอ่อน เช่น ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน

3. ปวดท้องด้านขวาล่าง 

อาการปวดท้องด้านขวาล่างมักเกิดจากไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งจะมีอาการปวดจุดบริเวณรอบสะดือ ก่อนที่จะย้ายไปปวดบริเวณท้องด้านขวาล่าง โดยจะมีอาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับมีไข้ หากมีอาการดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่มีภาวะอวัยวะกลับข้างจะมีไส้ติ่งอยู่ที่บริเวณด้านซ้ายล่างแทน ซึ่งหากมีอาการลักษณะนี้ในบริเวณท้องด้านซ้ายล่างก็ควรไปพบแพทย์เช่นกัน

4. ปวดท้องด้านซ้ายล่าง

อาการปวดท้องด้านซ้ายล่างมักเกิดจากความผิดปกติของลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย หากปวดเป็นๆ หายๆ ร่วมกับการขับถ่ายอุจจาระที่ผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้แปรปรวนได้

อย่างไรก็ตาม หากอาการปวดท้องด้านซ้ายล่างเกิดในผู้สูงอายุควรระมัดระวังเกี่ยวกับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยมักมีพฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไปจากเดิม ร่วมกับมีภาวะซีด และขับถ่ายอุจจาระเป็นเลือด

หากมีอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ทำได้หลายวิธี เช่น ตรวจหาเลือดในอุจจาระ ตรวจโดยการส่องกล้อง หรือตรวจเลือดเพื่อดูสารบ่งชี้มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยส่วนใหญ่การตรวจเหล่านี้มักรวมอยู่ในโปรแกรมตรวจมะเร็งสำหรับผู้สูงอายุของแต่ละโรงพยาบาลอยู่แล้ว

5. ปวดท้องช่วงกลาง 

อาการปวดท้องช่วงกลางมักเกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหาร และตับอ่อน หากปวดตรงกลางท้องค่อนไปทางสะดือ อาจเป็นอาการปวดจากกระเพาะอาหาร แต่ถ้าปวดลึกไปกว่านั้น หรือปวดตรงบริเวณลิ้นปี่ อาจเป็นอาการของโรคตับอ่อนอักเสบ

ลักษณะอาการของตับอ่อนอักเสบคือ ปวดบริเวณเหนือลิ้นปี่และจะปวดตลอดเวลา หากไม่ได้รับการรักษา โดยจะมีไข้ร่วมด้วย ผู้ที่มีอาการในลักษณะดังกล่าวควรรับไปพบแพทย์ทันที

นอกจากสาเหตุของอาการปวดท้องที่กล่าวมานี้แล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องได้อีกมากมาย หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำปรึกษาเบื้องต้นจากแพทย์เพราะไม่สะดวกไปพบแพทย์ด้วยตนเอง ปัจจุบันหลายแห่งมีบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ไว้รองรับแล้ว

แต่หากมีอาการปวดท้องรุนแรง ปวดต่อเนื่อง และมีไข้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาอย่างทันที


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ธนู โกมลไสย


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top