หนาวสั่น Chills

หนาวสั่น (Chills)

อาการหนาวสั่นคือความรู้สึกเย็น ๆ ไม่มีสาเหตุชัดเจน บางคนจะรู้สึกหนาวสั่นตอนที่กล้ามเนื้อยืดและหดตัวซ้ำ ๆ หรือตอนที่เส้นเลือดในผิวหนังหดตัว 

อาการหนาวสั่นสามารถเกิดขึ้นร่วมกับอาการไข้ได้ สามารถเกิดได้นานเป็นชั่วโมง หรืออาจมีอาการเป็นระยะ ๆ ครั้งละหลายนาที

บทความนี้จะพามารู้จักกับอาการหนาวสั่น สาเหตุ อาการที่ต้องไปหาแพทย์ รวมถึงวิธีดูแลรักษาด้วยตัวเอง

สาเหตุของอาการหนาวสั่น 

อาการหนาวสั่นเกิดจากหลากหลายสาเหตุ เช่น การสัมผัสกับอากาศเย็น การตอบสนองต่อเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่อไปนี้ ได้แก่ 

อาการหนาวสั่นแบบไหน ต้องไปพบแพทย์

ถ้ามีอาการหนาวสั่นและเป็นไข้ไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง หรือมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เช่น 

  • คอแข็ง
  • หายใจมีเสียงวี้ด (Wheezing)
  • ไออย่างรุนแรง
  • หายใจหอบเหนื่อย หายใจลำบาก
  • มีอาการสับสน
  • มีอาการเฉื่อยชา
  • มีอาการหงุดหงิด
  • ปวดท้อง
  • เจ็บแสบขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะบ่อยครั้ง หรือไม่มีปัสสาวะ
  • อาเจียนอย่างรุนแรง
  • มีความไวต่อแสงจ้าผิดปกติ

กรณีเป็นเด็ก ควรพาเด็กไปโรงพยาบาลทันที ถ้าพบอาการต่อไปนี้ 

  • เด็กอายุน้อยกว่า 3 เดือน เป็นไข้ 
  • เด็กอายุ 3–6 เดือน เป็นไข้ เซื่องซึม หรือหงุดหงิด
  • เด็กอายุ 6–24 เดือน เป็นไข้นานเกิน 1 วัน 
  • เด็กอายุ 2–17 ปี เป็นไข้นานเกิน 3 วัน และไม่ตอบสนองต่อการรักษา

การวินิจฉัยอาการหนาวสั่น

แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเฉพาะอย่างเพิ่มเติม เพื่อดูว่าอาการไข้ที่เป็นอยู่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสหรือไม่ เช่น 

  • การตรวจเลือด รวมถึงการนำเลือดไปเพาะเชื้อ
  • การเพาะเชื้อจากเสมหะที่มาจากปอดและหลอดลม
  • การตรวจปัสสาวะ
  • การเอกซเรย์ปอดเพื่อดูว่ามีภาวะปอดอักเสบ (Pneumonia) วัณโรคปอด (Tuberculosis) หรือการติดเชื้ออื่น ๆ หรือไม่

กรณีเกิดติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น คออักเสบ หรือปอดอักเสบ แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) เพื่อใช้การรักษา

วิธีดูแลรักษาอาการหนาวสั่นด้วยตัวเอง

อาการหนาวสั่น ถ้าเป็นไม่หนักมาก สามารถดูแลตัวเองได้ เพื่อช่วยบรรเทาอาการและทำให้สบายตัวขึ้นได้ ดังนี้

ผู้ใหญ่

ถ้าเป็นไข้ไม่รุนแรง (ไม่เกิน 38.6 องศาเซลเซียส) และไม่มีอาการร้ายแรงอื่น ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาแพทย์ แค่ดูแลตัวเองด้วยวิธีเหล่านี้ 

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำมาก ๆ ตลอดทั้งวัน
  • ห่มผ้าด้วยผ้าห่มหรือเสื้อผ้าที่ไม่หนาจนเกินไป
  • เช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น หรืออาบน้ำอุ่นให้ไข้ลด 
  • กินยาสามัญประจำบ้าน หรือยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา เพื่อช่วยลดไข้และบรรเทาอาการหนาวสั่น เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) แอสไพริน (Aspirin) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen

เด็ก

วิธีดูแลรักษาเด็กนั้นคล้ายคลึงกับของผู้ใหญ่ แต่จะขึ้นอยู่กับอายุ อุณหภูมิร่างกาย และอาการอื่น ๆ ที่เป็นร่วมด้วย

โดยทั่วไป ถ้าเด็กมีอุณหภูมิร่างกายระหว่าง 37.8–38.9 องศาเซลเซียสและรู้สึกไม่สบายตัว ให้กินยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ชนิดเม็ดหรือชนิดน้ำตามที่ฉลากระบุไว้ได้ 

ส่วนการดูแลอื่น ๆ ก็คล้ายคลึงกับการดูแลรักษาผู้ใหญ่ เช่น เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น อาบน้ำอุ่น นอนหลับพักผ่อน และดื่มน้ำมาก ๆ 

อาการหนาวสั่นและเป็นไข้คือสัญญาณบ่งบอกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกาย ถ้าดูแลตัวเองแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ 

หากปล่อยทิ้งไว้นาน ผู้ป่วยอาจมีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรงและมีอาการประสาทหลอนได้ ส่วนเด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี อาจมีอาการชักจากไข้ (Fever-induced seizures) หรือที่เรียกว่าโรคไข้ชัก (Febrile seizures) ได้


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ธนู โกมลไสย

Scroll to Top