semen analysis screening process scaled

รู้จัดการตรวจสเปิร์ม เช็กสัญญาณภาวะมีลูกยากในผู้ชาย

การตรวจสเปิร์มหรืออสุจิ (Sperm Analysis) เรียกแบบเต็ม ๆ ว่าการตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้อ เป็นการตรวจดูคุณภาพของน้ำอสุจิ มักตรวจเมื่อฝ่ายชายหรือคู่รักประสบกับปัญหามีลูกยาก และใช้ประเมินผลหลังการทำหมันในผู้ชาย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอสุจิที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ การตรวจสเปิร์มเป็นการตรวจที่ไม่ยุ่งยาก ไม่มีผลข้างเคียง แต่ก็มีข้อควรรู้ในการเตรียมตัวที่จะช่วยให้ผลการตรวจแม่นยำยิ่งขึ้น

ทำไมต้องตรวจสเปิร์ม?

แพทย์จะแนะนำให้ผู้ชายตรวจสเปิร์มในกรณีต่อไปนี้

เพื่อหาสาเหตุของภาวะมีลูกยาก อสุจิเป็นเซลล์สืบพันธุ์ในร่างกาย มีหน้าที่ในการปฏิสนธิกับไข่เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์อสุจิ เมื่อเกิดปัญหามีลูกยาก แพทย์อาจแนะนำให้ฝ่ายชายตรวจอสุจิเพื่อประเมินความสมบูรณ์ของตัวอสุจิ การเคลื่อนไหว และปริมาณของอสุจิที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการตั้งครรภ์

เพื่อยืนยันผลสำเร็จของการทำหมันชาย การทำหมันฝ่ายชายจะต้องมีการตัดท่อนำอสุจิ เพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปผสมกับน้ำอสุจิก่อนหลั่งออกไป เมื่อไม่มีตัวอสุจิตอนหลั่งออกไปก็จะไม่มีการปฏิสนธิจนเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น โดยแพทย์จะแนะนำให้คนที่ทำหมันมาแล้วสักระยะหรือประมาณ 8-16 สัปดาห์ เข้ามาตรวจสเปิร์มเพื่อหาว่าในน้ำอสุจิมีตัวอสุจิที่เล็ดลอดออกมาหรือไม่

บางกรณีแพทย์อาจตรวจสเปิร์มเพื่อหาโรคบางชนิด เช่น กลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ (Klinefelter Syndrome) ที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม

ขั้นตอนการตรวจสเปิร์ม

ขั้นตอนการตรวจอสุจิแบ่งออกได้ 2 ช่วงด้วยกัน

ช่วงเตรียมตัวก่อนเก็บตัวอย่างอสุจิ

ก่อนการเก็บน้ำอสุจิจะต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า โดยงดการมีเพศสัมพันธ์หรือช่วยตัวเอง อย่างน้อย 2 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน ก่อนการตรวจ เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำอสุจิที่มากพอในการตรวจ ตัวอสุจิยังเคลื่อนไหวได้ดี และไม่ตายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ถ้าต้องใช้ยารักษาโรคประจำตัว สมุนไพร หรือสารใด ๆ ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าก่อนการตรวจ 

ช่วงเก็บตัวอย่างอสุจิ

บุคลากรทางการแพทย์จะแนะนำวิธีเก็บน้ำอสุจิที่ถูกต้องและข้อควรระวัง ดังนี้

  1. ทำความสะอาดอวัยวะเพศ ล้างมือให้สะอาด และเช็ดมือให้แห้งสนิท
  2. เก็บน้ำอสุจิด้วยวิธีการช่วยตัวเอง โดยหลั่งน้ำอสุจิใส่เข้าไปในภาชนะเก็บตัวอย่าง ระหว่างที่เก็บน้ำอสุจิควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสด้านในของภาชนะ 
  3. หลังจากเก็บน้ำอสุจิได้แล้ว ตัวอย่างน้ำเชื้อจะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการในทันทีหรือภายใน 1 ชั่วโมง 

กรณีที่ไม่สามารถเก็บน้ำอสุจิที่โรงพยาบาลได้ บางโรงพยาบาลอาจให้เก็บตัวอย่างจากที่บ้านใส่ภาชนะที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ให้ โดยให้เก็บในอุณหภูมิห้อง ประมาณ 20-37 องศาเซลเซียส ห้ามเก็บในภาชนะที่แช่เย็นหรือแช่แข็ง และเก็บในถุงยางอนามัย เพราะอาจมีสารอันตรายทำให้อสุจิตายได้ หลังจากเก็บตัวอย่างเสร็จแล้ว ต้องนำส่งห้องปฏิบัติการโดยเร็วใน 1 ชั่วโมง 

ผลการตรวจสเปิร์ม

แพทย์จะประเมินสุขภาพของอสุจิและน้ำอสุจิจากหลายปัจจัย โดยตัวอย่างค่าปกติของการตรวจสเปิร์มมีดังนี้

  • ควรมีอสุจิอย่างน้อย 15 ล้านตัวต่อน้ำอสุจิ 1 มิลลิลิตร
  • อสุจิมากกว่าครึ่งหนึ่งควรเคลื่อนไหว หรือว่ายได้เป็นปกติ
  • ควรจะมีตัวอสุจิที่มีรูปร่าง และขนาดปกติอย่างน้อย 60%
  • ปริมาณน้ำอสุจิควรหลั่งออกมาอย่างน้อย 1.5 มิลลิลิตร
  • ค่าความเป็นกรดด่างของอสุจิ ควรอยู่ที่ 7.1-8
  • น้ำอสุจิควรเหลวตัวลงในช่วงราว 20 นาทีหลั่งจากการหลั่ง
  • น้ำตาลในอสุจิที่ควรอยู่ในระดับปกติ

หากผลลัพธ์การตรวจที่ได้ต่างออกไปจากนี้ อาจเป็นไปได้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ อย่างท่อนำอสุจิตัน ต่อมน้ำเลี้ยงอสุจิผิดปกติ หรือเป็นผลจากปัญหาสุขภาพอื่น ซึ่งแพทย์อาจประเมินหาสาเหตุ วิธีรักษา หรือแนะนำให้กลับมาตรวจซ้ำเพื่อยืนยันผล โดยทิ้งระยะห่างจากครั้งก่อนประมาณ 4 สัปดาห์ 

ผลการตรวจสเปิร์มคาดเคลื่อนได้ไหน?

ผลการตรวจสเปิร์มสามารถคลาดเคลื่อนได้ เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการตรวจสเปิร์ม ไม่ว่าจะเป็นการเก็บตัวอย่างผิดวิธี อาการเจ็บป่วย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การใช้ยาบางชนิด และการใช้สารเสพติด แพทย์อาจแนะนำให้ผู้เข้ารับการตรวจกลับมาตรวจซ้ำอีกครั้ง เพราะการตรวจสเปิร์มเป็นขั้นตอนการตรวจที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก และไม่มีผลข้างเคียง ถ้าคุณกำลังประสบปัญหามีลูกยาก อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการตรวจคุณภาพอสุจิ

ปล่อยเท่าไหร่ก็ไม่ท้องสักที อย่าให้เจ้าตัวน้อยต้องรอนาน เริ่มจากการหาสาเหตุด้วยการตรวจสเปิร์มโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในราคาโปรโมชั่นได้ที่ HDmall.co.th คลิกเลย พร้อมบริการเช็กคิวทำนัดให้ฟรี แชทหาแอดมินได้เลย ที่นี่ 

Scroll to Top