คนเป็นแผลบ่อยน่าจะคุ้นเคยกับคีลอยด์ (Keloids) หรือบางคนอาจมีแผลคีลอยด์บนตัวแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเรียกคีลอยด์ ไปรู้จักคีลอยด์ให้มากขึ้นกัน คีลอยด์เกิดขึ้นได้อย่างไร หน้าตาเป็นแบบไหน รักษาได้ไหม และอีกหลายข้อสงสัย ทุกคำถามที่อยากรู้ เราขนคำตอบมาให้แล้ว!
สารบัญ
1. คีลอยด์ลักษณะอย่างไร แผลเป็นแบบไหนเรียกคีลอยด์
ตอบ: ไม่ใช่แผลเป็นทุกแผลจะเป็นคีลอยด์เสมอไป แผลเป็นที่นูนขึ้นมาจากผิวหนังมีด้วยกันอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ แผลเป็นนูนแบบไฮเปอร์โทรฟิก (Hypertrophic scar: HS) และแผลคีลอยด์ ซึ่งหลายคนมักสับสนว่าเป็นชนิดเดียว
นอกเหนือจากแผลที่นูนขึ้นมาเหมือนกัน แผลเป็นทั้ง 2 ชนิด ยังมีความต่างที่สังเกตได้ เช่น
แผลเป็นนูนไฮเปอร์โทรฟิก
เกิดบริเวณรอยแผลเท่านั้น ไม่โตนูนจนเลยขอบแผลไป มักเป็นสีชมพูหรือสีแดงซีดอ่อน ๆ สามารถพบได้ทั่วร่างกาย ในช่วงแรกอาจมีอาการแดงและคัน หลังเป็นแผลไปแล้วหลักปีอาจยุบลงได้เอง
แผลคีลอยด์
มีลักษณะนูนขึ้นจากผิวหนังโดยรอบ และขยายใหญ่จนเกินขอบแผลเดิมออกไปมาก สีของคีลอยด์จะคล้ำหรืออกเป็นสีช้ำ ๆ มักพบบริเวณติ่งหู หน้าอก และแก้ม บางคนอาจมีอาการคัน เจ็บ หรือตึงรั้งที่ผิวหนังร่วมด้วย ไม่สามารถยุบได้เอง จำเป็นต้องพึ่งการรักษา
2. คีลอยด์เกิดขึ้นจากสาเหตุใด
ตอบ: คาดว่าคีลอยด์เกิดจากกระบวนการสมานแผลที่ผิดปกติ โดยร่างกายสร้างเนื้อเยื่อแและคอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ช่วยในการฟื้นฟูบาดแผล ออกมามากเกินไป
บวกกับการเรียงตัวของคอลลาเจนและเส้นเลือดที่ผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นก้อนนูนสีช้ำ และขยายใหญ่จนเกินขนาดแผลจริงไป
3. คีลอยด์เกิดกับใครได้บ้าง
ตอบ: อันที่จริง คีลอยด์เกิดขึ้นได้กับทุกคนที่มีบาดแผลบนผิวหนัง แต่มีโอกาสพบได้บ่อยกว่าในคนที่มีผิวสีเข้ม และยังมีปัจจัยบางประการที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดคีลอยด์ เช่น
- เป็นคนเอเชีย คนแอฟริกัน
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นคีลอยด์มาก่อน
- อยู่ในช่วงอายุ 20–30 ปี
- มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น คนท้องและผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
- มีโรคประจำตัวบางโรค อย่างโรคความดันโลหิตสูง
4. คีลอยด์รักษาหายไหม มีวิธีรักษาอะไรบ้าง
ตอบ: อธิบายก่อนว่า คีลอยด์นั้นรักษาให้หายได้ แต่จะหายขาด ไม่กลับมาเป็นซ้ำอีกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการรักษาและลักษณะแผลคีลอยด์ของแต่ละคน
การรักษาแบบไม่ผ่าตัดทำได้หลายวิธี วิธีที่นิยมคือการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าที่คีลอยด์โดยตรง เพื่อให้ตัวยาต้านอาการอักเสบ และลดการสร้างเนื้อเยื่อ จึงช่วยให้คีลอยด์ยุบลง นิ่มขึ้น และเรียบเนียนขึ้นได้ เหมาะกับคีลอยด์ที่เป็นไม่เกิน 1 ปี
วิธีรักษาคีลอยด์ที่นิยมรองลงมาก็เช่น การใช้ผ้าพันแผล เทปเหนียว หรือแผ่นแปะซิลิโคนกดปิดคีลอยด์ให้แนบสนิท การจี้คีลอยด์ออกด้วยความเย็น (Cryotherapy) การยิงเลเซอร์ (Laser) หรือการฉายรังสีเอกซเรย์พลังงานต่ำ (X-ray)
หากรักษาด้วยวิธีข้างต้นไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดเพิ่มเติม เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการรักษาดี และช่วยลดขนาดคีลอยด์ได้ แต่จำเป็นต้องรักษาร่วมกับวิธีอื่น ๆ ไปพร้อมกัน เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นคีลอยด์ซ้ำ
5. แผลคีลอยด์เจ็บหรือไม่
ตอบ: บางคนอาจมีอาการเจ็บ ตึงรั้ง หรือคันที่คีลอยด์ได้ เนื่องจากแผลคีลอยด์อาจเกิดใกล้ข้อต่อ เมื่อขยับตัวก็อาจทำให้เนื้อเยื่อตึง
กรณีที่คีลอยด์ยังเจริญเติบโตหรือขยายใหญ่อยู่ก็อาจรู้สึกปวด คัน หรือไม่สบายตัวได้เช่นกัน หากคีลอยด์หยุดโตแล้ว อาการก็มักจะลดน้อยลง และส่วนใหญ่ก็มักไม่เป็นอันตรายใด ๆ
6. ฉีดคีลอยด์เจ็บไหม ฉีดกี่ครั้งหาย
ตอบ: การฉีดคีลอยด์จะฉีดตัวยาเข้าไปที่แผลคีลอยด์โดยตรง จึงอาจสร้างความเจ็บปวดได้ แพทย์อาจมีการผสมยาชาเข้าไปในตัวยาพร้อมกัน เพื่อลดความเจ็บปวดขณะฉีดยาให้
สำหรับคำถามที่ว่าฉีดกี่ครั้งถึงจะหายนั้น ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาและผลลัพธ์การรักษา โดยทั่วไปอาจต้องฉีดคีลอยด์เดือนละ 1 ครั้ง หรือเว้นระยะราว 4–6 สัปดาห์ หากฉีดไปแล้ว 5 ครั้งยังไม่เห็นผล แพทย์มักแนะนำให้รักษาด้วยวิธีอื่น
7. แผลแบบไหนทำให้เกิดคีลอยด์
ตอบ: แผลเล็กหรือใหญ่ก็เกิดแผลเป็นคีลอยด์ได้ โดยเฉพาะแผลตรงผิวหนังที่ตึงรั้งมาก ๆ เช่น หัวไหล่ หน้าอก รวมถึงใบหู รอบกระดูกอ่อนและติ่งหู บางครั้งคีลอยด์อาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุด้วย
คีลอยด์มักเกิดจากแผลจากสิวและแผลเจาะหู ส่วนแผลอื่น ๆ ก็เช่น รอยข่วน แผลจากของมีคม แผลแมลงกัดต่อย แผลฉีดยา แผลจากการสักร่างกาย แผลไฟไหม้ แผลผ่าตัด แผลอีสุกอีใส หรือแผลจากการโกนขน
8. คีลอยด์เป็นมะเร็งไหม
ตอบ: คีลอยด์อาจมีลักษณะไม่น่ามอง สีดูคล้ำและช้ำมาก แต่ก็ไม่ใช่ก้อนเนื้อร้าย มักไม่กลายไปเป็นมะเร็ง บางกรณีอาจบอกไม่ได้แน่ชัด แพทย์อาจขอผ่าตัดนำตัวอย่างชิ้นเนื้อส่งตรวจเพิ่มเติม เพื่อวินิจฉัยให้แม่นยำ และลดความกังวลของผู้ป่วยด้วย
9. เป็นคีลอยด์ห้ามกินอะไร
ตอบ: เมื่อเป็นคีลอยด์ ไม่มีอาหารที่ห้ามกินเป็นพิเศษ แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่อาจส่งผลต่อกระบวนการสมานแผล เช่น อาหารไขมันสูง อาหารหรือเครื่องดื่มน้ำตาลสูง เครื่องดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ และอาหารหมักดอง
เพื่อเสริมสร้างกระบวนการฟื้นฟูบาดแผล แนะนำให้กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะทดแทน เช่น ไข่ขาว นม ผัก ธัญพืช และเนื้อสัตว์
คีลอยด์อาจทำให้เราสูญเสียความมั่นใจ แต่ไม่อันตราย และรักษาได้หลายวิธี หากรีบไปปรึกษาคุณหมอในตอนที่แผลคีลอยด์ยังมีขนาดเล็ก ก็ยิ่งฟื้นความสวยงามและความมั่นใจให้กลับคืนมาเร็วขึ้นด้วย
ใครว่าคีลอยด์รักษาไม่ได้? ฟื้นคืนความมั่นใจได้ง่าย ๆ ที่ HDmall.co.th มี แพ็กเกจรักษาคีลอยด์ ครบทุกแบบ ราคาดีชีเสิร์ฟ แถมส่วนลดจุก ๆ