แม้ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A จะเป็นโรคระบาดยอดฮิตที่วนมาให้พบเจอทุกปี แต่ใช่ว่าทุกคนจะรู้เรื่องของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์นี้มากนัก บางคนอาจยังมีความเข้าใจผิดอยู่ด้วย บทความนี้รวมคำถามเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ที่หลายคนสงสัยและสับสนมาให้แล้ว ไปดูกันเลย!
สารบัญ
- 1. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A อันตรายไหม
- 2. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A และ B ต่างกันอย่างไร สายพันธุ์ไหนรุนแรงกว่า
- 3. ใครเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงจากไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A บ้าง
- 4. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A แพร่เชื้อทางไหน
- 5. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ต้องนอนโรงพยาบาลไหม รักษาอย่างไร
- 6. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A หายเองได้ไหม กี่วันหาย
- 7. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ก่อภาวะแทรกซ้อนใดบ้าง
- 8. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ติดซ้ำได้ไหม
- 9. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A มีไหม ฉีดกี่เข็ม
- 10. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ป้องกันได้นานเท่าไหร่ ต้องฉีดกระตุ้นไหม
1. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A อันตรายไหม
ตอบ: ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ถือว่าอันตรายที่สุดจากในสายพันธุ์หลักทั้งหมดอย่าง A, B และ C เพราะเป็นสายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ได้เร็ว แพร่ระบาดได้ง่าย และสามารถติดต่อในวงกว้าง
เชื้อไวรัสยังก่อโรคในเวลาอันสั้น อาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรง รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตอีกด้วย
2. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A และ B ต่างกันอย่างไร สายพันธุ์ไหนรุนแรงกว่า
ตอบ: แม้จะเป็นไข้หวัดใหญ่ที่พบได้บ่อยเหมือนกัน ความรุนแรงอาจพอ ๆ กัน แต่สายพันธุ์ A และ B มีข้อแตกต่างในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้
ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A
- พบได้บ่อยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในช่วงหน้าระบาด
- กลายพันธุ์ได้เร็ว และสามารถแพร่ระบาดได้เป็นวงกว้าง
- ติดต่อได้ทั้งคน และสัตว์ เช่น สัตว์ปีก หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ B
- พบได้บ่อยเป็นอันดับสองรองจากสายพันธุ์ A ในช่วงหน้าระบาด
- กลายพันธุ์ได้ แต่ช้ากว่าสายพันธุ์ A การแพร่ระบาดวงกว้างมีโอกาสต่ำกว่า
- ติดต่อในคนเท่านั้น
3. ใครเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงจากไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A บ้าง
ตอบ: กลุ่มเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงจากไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A มีตั้งแต่เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี คนสูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป สตรีมีครรภ์ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น
- โรคหอบ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) หรือโรคปอดเรื้อรัง
- โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเลือด หรือโรคสมอง
- ปัญหาภูมิคุ้มกัน เช่น การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) โรคเอดส์ มะเร็ง การรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
- การใช้ยาแก้ปวดแอสไพรินเป็นประจำในเด็กอายุต่ำกว่า 19 ปี
- คนน้ำหนักเกินเกณฑ์หรือเป็นโรคอ้วน
4. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A แพร่เชื้อทางไหน
ตอบ: ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A แพร่กระจายได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม เช่น หายใจนำละอองเชื้อจากการไอ จาม พูดของผู้ป่วยที่อยู่ในอากาศเข้าสู่ปอด สัมผัสสารคัดหลั่งจากตัว มือ ใบหน้าผู้ป่วยโดยตรง
รวมถึงสัมผัสพื้นผิวสิ่งต่าง ๆ ที่อาจมีเชื้อปนเปื้อนอยู่ โดยเฉพาะลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะ หรือโทรศัพท์ แล้วไม่ล้างทำความสะอาดก่อนมาจับใบหน้า จมูก ปาก หรือดวงตาของตนเอง
ผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการภายใน 1–4 วันหลังติดเชื้อ และแม้ว่าจะยังไม่มีอาการ ก็ยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ โดยเฉพาะช่วง 3–4 วันแรกนั้นถือเป็นช่วงที่แพร่กระจายได้มากที่สุด
5. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ต้องนอนโรงพยาบาลไหม รักษาอย่างไร
ตอบ: เบื้องต้นหากผู้ป่วยมีสุขภาพดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพียงดูแลตัวเองให้ดี เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นดื่มน้ำบ่อย ๆ ป้องกันร่างกายขาดน้ำ เช็ดตัวเป็นประจำ และทานอาหารอ่อน
ร่วมกับการทานยาตามอาการ ก็จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น เช่น ยาแก้ปวดลดไข้อย่างพาราเซตามอลหรือยาไอบูโพรเฟน ยาแก้คัดจมูก ยาลดน้ำมูก ยาละลายเสมหะ หรือยาแก้ไอ
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงอาจจำเป็นต้องไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อรักษาด้วยยาต้านไวรัส เช่น ยาโอลเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ยาซานามิเวียร์ (Zanamivir) หรือยาเพอร์รามิเวียร์ (Peramivir)
ตัวยาเหล่านี้จะช่วยลดความรุนแรงของโรค ระยะเวลาการป่วย รวมถึงความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนอย่างปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หรือไซนัสอักเสบ แต่ควรได้รับไม่เกิน 48 ชั่วโมงหลังมีอาการ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
กรณีผู้ป่วยมีอาการหอบ เข้าข่ายปอดอักเสบ หรือมีอาการรุนแรงอื่น ๆ แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าระวังและการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและทันท่วงที
6. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A หายเองได้ไหม กี่วันหาย
ตอบ: ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A มักดีขึ้นได้เองใน 1 สัปดาห์ ยิ่งมีสุขภาพดีอยู่แล้ว อาการไม่รุนแรง บวกกับดูแลตัวเองที่บ้านอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยให้หายได้ไวขึ้น
ในระหว่างนี้ควรนอนพักให้เพียงพอ ทานยาตามอาการ ดื่มน้ำให้มาก และหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อหรือรับเชื้ออื่น ๆ เข้าสู่ร่างกาย หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
หากผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ มีไข้สูงไม่ลด หรืออาการทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และรับการรักษาที่ตรงจุดต่อไป
7. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ก่อภาวะแทรกซ้อนใดบ้าง
ตอบ: ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และเอื้อต่อการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบอวัยวะอื่น ๆ หรือที่เรียกว่าการติดเชื้อซ้ำซ้อน จึงเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
โดยมักพบภาวะแทรกซ้อนในระบบหายใจได้บ่อย โดยเฉพาะเชื้อลงปอดหรือปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หรือไซนัสอักเสบ นอกจากนี้ เชื้อไวรัสก่อโรคยังอาจก่อกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปลายประสาทอักเสบ และสมองอักเสบได้ด้วย แต่พบได้น้อยมาก
กรณีของสตรีมีครรภ์อาจเสี่ยงต่อการแท้งลูก และทารกในครรภ์อาจเสี่ยงต่อภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (Neural tube defects) ที่อาจทำให้ทารกเกิดมาผิดปกติและเสี่ยงเสียชีวิต
8. ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ติดซ้ำได้ไหม
ตอบ: ผู้ป่วยสามารถติดไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ซ้ำได้ เนื่องจากสายพันธุ์ A แบ่งออกได้หลายสายพันธุ์ย่อย เช่น H1N1, H3N2 หรือ H5N1 อีกทั้งยังกลายพันธุ์ได้รวดเร็ว
หมายความว่า หากเราติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อย H1N1 ไปแล้ว ก็สามารถติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย H3N2 หรือสายพันธุ์ย่อยใหม่ ๆ ซ้ำได้ จึงเป็นเหตุผลที่เราควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี เพื่อป้องกันโรคได้ครอบคลุมมากขึ้นนั่นเอง
9. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A มีไหม ฉีดกี่เข็ม
ตอบ: ปัจจุบันไม่มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่เฉพาะสายพันธุ์ A แต่จะเป็นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่รวม 2 สายพันธุ์ คือ A และ B ไว้ด้วยกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วยสายพันธุ์ A : H1N1 และ H3N2 และสายพันธุ์ B : Yamagata หรือ Victoria อย่างใดอย่างหนึ่ง
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ ประกอบด้วยสายพันธุ์ A : H1N1 และ H3N2 และสายพันธุ์ B : Yamagata และ Victoria
โดยทุกชนิดจะแนะนำให้คนอายุ 6 เดือนขึ้นไป ฉีดเป็นประจำทุก 1 ปี หากฉีดวัคซีนครั้งแรกตอนอายุต่ำกว่า 9 ปี แพทย์จะแนะนำให้ฉีด 2 เข็ม ห่างเข็มละ 1 เดือน แล้วจึงฉีดซ้ำปีละ 1 เข็มตามปกติ
10. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ป้องกันได้นานเท่าไหร่ ต้องฉีดกระตุ้นไหม
ตอบ: วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิภาพป้องกันได้ 70–90% นานราว 6-12 เดือน และควรฉีดซ้ำ ปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากสายพันธุ์ A กลายพันธุ์ได้เร็ว อีกทั้งสายพันธุ์ที่ก่อการระบาดในแต่ละปีอาจเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ
วัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงอาจต้องปรับสายพันธุ์ตามไปด้วย เพื่อการป้องกันที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ เราจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ซ้ำเป็นประจำทุกปีนั่นเอง
อ่านจบครบทั้ง 10 คำถามไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A แล้ว อย่าลืมหมั่นป้องกันตัวเองและไปฉีดวัคซีนทุกปี จะได้ห่างไกลจากไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A หรือหากป่วยขึ้นมา อาการจะได้ไม่รุนแรง แล้วกลับมาหายดีเร็วขึ้น
หน้าฝนใกล้เข้ามาแล้ว รีบด่วนก่อนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A! ที่ HDmall.co.th มีครบทุก แพ็กเกจฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ราคาดี เลือกที่ใกล้บ้านก็ได้นะ