วัคซีนโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน MMR

วัคซีนโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR)

โรคหัด โรคคางทูม และโรคหัดเยอรมัน เป็นโรคติดต่อที่พบได้ทุกประเทศทั่วโลก โดยก่อนที่จะมีการคิดค้นวัคซีนโรคหัดในปี พ.ศ. 2506 โรคเหล่านี้พบบ่อยมากในประเทศสหรัฐอเมริกา

มีคำถามเกี่ยวกับ วัคซีนMMR? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ส่วนในประเทศไทยเริ่มมีการเก็บข้อมูลโรคหัดและหัดเยอรมันเพื่อการเฝ้าระวังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2518 ตามลำดับ พบว่ายังคงมีการระบาดของโรคสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2527 กระทรวงสาธารณสุขได้เพิ่มวัคซีนป้องกันโรคหัดเข้ามาเป็นหนึ่งในวัคซีนพื้นฐานที่เด็กไทยควรได้รับ หลังจากนั้นตัวเลขการระบาดของโรคหัดจึงมีแนวโน้มลดลง

หลังจากปี พ.ศ. 2553 มีการระบุให้ฉีดวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด โรคคางทูม และโรคหัดเยอรมัน หรือ MMR ตั้งแต่เข็มแรกในเด็กอายุ 9 เดือน และแนะนำให้เปลี่ยนเวลาฉีดวัคซีน MMR เข็มที่ 2 จากอายุ 4-6 ปีเป็น 2 ปีครึ่ง เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของวัคซีน และเป็นมาตรการในการป้องกันโรคดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การรักษาโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน

เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสหัด คางทูม และหัดเยอรมันโดยเฉพาะ การรักษาจึงจะเป็นการรักษาตามอาการ เช่น เมื่อมีไข้ ไอ แพทย์ก็จะให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอละลายเสมหะ

อาจมีการให้วิตามินเอเสริมในผู้ป่วยโรคหัด เนื่องจากมีข้อมูลพบว่า วิตามินเอทำให้ลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิตจากภาวะโรคหัดได้ รวมไปถึงการแยกผู้ป่วยจนถึง 9 วันหลังเริ่มมีอาการบวมของต่อมน้ำลายในผู้ป่วยโรคคางทูม

ส่วนสตรีตั้งครรภ์ที่สัมผัสโรคหัดเยอรมัน ควรได้รับการตรวจเลือดทันทีเพื่อดูว่าเคยเป็นและมีภูมิคุ้มกันต่อโรคหัดเยอรมันหรือไม่

การป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน ด้วยวัคซีน MMR

การป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมันที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ การฉีดวัคซีน MMR ซึ่งย่อมาจากชื่อภาษาอังกฤษว่า Measles-Mumps-Rubella Vaccine เป็นวัคซีนรวมที่มีคุณสมบัติสามารถป้องกันได้ครอบคลุมทั้ง 3 โรคดังกล่าว

วัคซีนกลุ่มนี้จะผสมรวมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อนำมาฉีดในครั้งเดียว โดยภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นไม่ได้มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการฉีดวัคซีนแยกแต่ละโรค ข้อดีของการฉีดวัคซีนรวม MMR คือลดความเจ็บปวดจากการฉีดวัคซีนหลายเข็ม นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

มีคำถามเกี่ยวกับ วัคซีนMMR? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ใครบ้างที่ต้องฉีดวัคซีน MMR?

โดยทั่วไป เด็กทุกคนควรได้รับวัคซีน MMR อย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรก เมื่ออายุ 9-12 เดือน และครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 2 ปีครึ่ง แนะนำโดยกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการเร่งสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กที่ได้รับวัคซีนครั้งแรกแล้วไม่ได้ผล หรืออาจพลาดโอกาสในการฉีดวัคซีนครั้งแรกนั่นเอง

ส่วนคนอื่นๆ ที่ควรรับวัคซีน MMR ได้แก่

  • ในกรณีที่มีการระบาดหรือเกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหัดในเด็กเล็ก สามารถให้วัคซีนเข็มแรกได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ในกรณีนี้ควรให้วัคซีนซ้ำเมื่ออายุ 12 เดือน และอายุ 2 ปีครึ่งตามปกติ)
  • สตรีวัยเจริญพันธุ์ทุกคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีนนี้มาก่อนในวัยเด็ก ควรได้รับวัคซีน MMR อย่างน้อย 1 ครั้ง และแนะนำให้ฉีดโดยไม่ต้องเจาะเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันก่อน
  • บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน MMR มาก่อนควรได้รับเร็วที่สุด
  • ผู้ที่จะเข้าสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และผู้ที่จะเข้าเป็นทหารเกณฑ์ทุกคนที่ไม่เคยมีประวัติว่าได้รับวัคซีนหรือเป็นโรคมาก่อน ควรฉีดวัคซีนโดยไม่ต้องเจาะเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันก่อน

อาการข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีน MMR

วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) จัดเป็นวัคซีนพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูง แต่ยังมีอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนี้

  • อาการไข้ พบได้ประมาณ 5% มักเกิดในระยะเวลา 5-12 วันหลังฉีดวัคซีน และมีไข้นาน 1-2 วัน เด็กที่มีไข้สูงอาจเกิดอาการชักได้
  • ผื่น คล้ายโรคหัด แต่จะขึ้นน้อยกว่า พบได้ 5% และมักเกิดในระยะเวลา 7-10 วันหลังฉีดวัคซีน โดยจะขึ้นมาเพียง 1-2 วันแล้วหายไปเอง
  • ต่อมน้ำเหลืองโต ต่อมน้ำลายอักเสบ แต่เป็นอาการที่พบได้น้อยมาก
  • ปวดข้อ ข้ออักเสบ มักจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่เพศหญิง ซึ่งพบอาการปวดข้อ 25% และข้ออักเสบ 10% โดยจะพบอาการเหล่านี้ในระยะ 1-3 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีน
  • อาการแพ้ เช่น ลมพิษหรือผื่นบวมแดงบริเวณที่ฉีด พบได้น้อย ส่วนปฏิกิริยาแพ้เฉียบพลันพบน้อยมาก
  • ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทและสมอง พบได้น้อยมากเช่นกัน

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดวัคซีน MMR

ผู้ที่อยู่ในเงื่อนไขต่อไปนี้ไม่ควรฉีดวัคซีน MMR

  • สตรีมีครรภ์ หรือคิดว่ากำลังจะตั้งครรภ์ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ทารกในครรภ์อาจได้รับเชื้อจากวัคซีนและเป็นอันตรายได้
  • ผู้ที่มีประวัติการแพ้วัคซีนหรือส่วนประกอบของวัคซีนชนิดนี้อย่างรุนแรง ไม่ควรฉีดเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
  • ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเนื่องจากโรค เช่น มะเร็ง หรือเอชไอวี หรือจากการรักษา เช่น การฉายรังสี การรักษาด้วยการกดภูมิคุ้มกัน หรือเคมีบำบัด เนื่องจากการป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคขึ้นมาเอง หากผู้รับวัคซีนมีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง นอกจากจะไม่ทำให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันแล้ว ผู้รับวัคซีนอาจติดเชื้อโรคได้
  • ผู้ที่ได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ยาดังกล่าวมีฤทธิ์ลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้รับวัคซีนเพราะอาจทำให้ติดเชื้อได้
  • ผู้ที่เพิ่งทำการถ่ายเลือด หรือได้รับผลิตภัณฑ์เลือดอื่น ๆ เนื่องจากร่างกายอาจตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่ดี (คุณอาจได้รับคำแนะนำให้เลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปเป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไป)
  • ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วย รู้สึกไม่สบาย เช่น ไข้หวัด เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ จึงส่งผลให้การสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่ควร

วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) ราคาเท่าไร?

เนื่องจากวัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) เป็นหนึ่งในวัคซีนขั้นพื้นฐานที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ได้บริการให้ฟรีแก่เด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 12 ปี ทุกคนสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลรัฐหรือสถานีอนามัยทุกแห่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการฉีดเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันก็สามารถเข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาลรัฐ เอกชน และคลินิกชั้นนำทั่วไป

ราคาวัคซีนจะตกอยู่ที่ 227 บาทต่อเข็ม (อ้างอิงจาก คลินิกเวชศาสตร์ท่องเที่ยวและการเดินทาง โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ราคาดังกล่าวไม่รวมค่าบริการทางการแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)


ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. วรรณวนัช เสถียรธรรมมณี

มีคำถามเกี่ยวกับ วัคซีนMMR? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ