lorazepam

Lorazepam (ลอราซีแพม)

ยาลอราซีแพม (Lorazepam) เป็นยาในกลุ่ม Benzodiazepines ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง จึงยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาท ส่งผลให้ลดอาการวิตกกังวล ทำให้ง่วงหลับ ต้านอาการชัก คลายกล้ามเนื้อ  และอาจเกิดภาวะเสียความจำชั่วขณะ จึงใช้ในการรักษาผู้ป่วยกระวนกระวาย โรควิตกกังวลและโรคชัก ใช้เป็นยาคลายความวิตกกังวล ยาช่วยให้หลับ ยาทำให้สงบ ยากล่อมประสาท ยากันชัก และยาคลายกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ Lorazepam ยังถูกใช้เพื่อรักษาโรคนอนไม่หลับ กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) สภาวะอยู่ไม่สุข กายใจไม่สงบที่เกิดจากการเลิกดื่มแอลกอฮอลล์ และอาการคลื่นไส้ อาเจียนที่เกิดจากการทำการรักษาโรคมะเร็ง

ยาตัวนี้มีให้ใช้ในรูปแบบยาเม็ด ยาน้ำ และในรูปแบบยาฉีด ยา Lorazepam ในรูปแบบยาฉีดนั้น ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อรักษาอาการชักที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน

ยาตัวนี้ยังถูกใช้กับคนไข้ก่อนที่ได้รับการผ่าตัดเพื่อให้เกิดอาการง่วงซึม คลายความวิตกกังวล และความจำเกี่ยวกับการผ่าตัดสำหรับคนไข้ที่รู้สึกกังวลกับการผ่าตัด

คำเตือนสำหรับยา Lorazepam

  • ห้ามใช้ยา Lorazepam หากคุณแพ้ยาตัวนี้หรือแพ้สารออกฤทธิ์ของยา Lorazepam ในรูปแบบเม็ด หรือยากลุ่ม benzodiazepines รวมถึง xanax (Zanax), chlordiazepoxide (Librium), clorazepate Dipotassium (Tranxene), diazepam (Valium) และ oxazepam (Serax)
  • ห้ามรับประทานยา Lorazepam ถ้าคุณเป็นต้อหินชนิดมุมปิด (narrow-angle glaucoma) มีปัญหาเรื่องปอดอย่างรุนแรง โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด Myasthenia gravis
  • ยา Lorazepam อาจทำให้คุณรู้สึกง่วงซึมได้และลดความสามารถในการขับขี่รถยนต์หรือควบคุมเครื่องจักรที่ต้องใช้สติรู้ตัวตลอดเวลาเพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยอาการง่วงซึมอาจรุนแรงมากขึ้น หากคุณรับประทานยาตัวนี้ควบคู่กับยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึมชนิดอื่น หรือเป็นผู้ป่วยสูงอายุและมีอาการอ่อนเพลีย
  • ยา Lorazepam อาจทำให้เสพติดได้ ดังนั้น ไม่ควรรับประทานยาในขนาดสูงหรือใช้ยาเป็นระยะเวลานานเกินกว่าที่แพทย์ประจำตัวของคุณแนะนำ คนไข้บางรายมีอาการทนต่อยา Lorazepam เมื่อรับประทานยาต่อเนื่องในระยะยาว ทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง
  • หากได้รับยา Lorazepam ในรูปแบบฉีด ควรเพิ่มความระมัดระวังในขณะที่ลุกออกจากเตียงและเดินไปมา เพราะยา Lorazepam ในรูปแบบฉีดมีฤทธิ์อยู่นานถึง 8 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการขับขี่รถยนต์ ใช้เครื่องจักรกล หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่จำเป็นต้องใช้สมาธิและการประสานงานภายใน 1 – 2 วัน หลังจากได้รับการฉีดยา Lorazepam
  • ยา Lorazepam ชนิดเม็ดรับประทานและชนิดน้ำยังไม่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ถ้าคุณกำลังรับประทานยาตัวอื่นที่ส่งผลกระทบต่อระดับประสาทส่วนกลาง
    อย่าลืมแจ้งแพทย์ประจำตัวของคุณ ยาเหล่านี้รวมถึง ยาทำให้สงบ  ยาคลายเครียด ยารักษาอาการซึมเศร้า และยาเสพติดตัวอื่นๆ ก่อนที่คุณจะรับประทานยา Lorazepam
  • อย่าลืมแจ้งแพทย์ประจำตัวของคุณหากคุณมีปัญหาต่อไปนี้

อาการเคลิ้มสุขและการติดยา Lorazepam

การใช้ยา Lorazepam สามารถช่วยให้คนไข้มีอาการผ่อนคลาย หรืออาการเคลิ้มสุข ซึ่งยา Lorazepam เป็นหนึ่งในยากลุ่ม benzodiazephines ที่คนไข้ใช้แล้วเสพติดมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา

จริงๆ แล้วยาตัวนี้ผลิตมาให้ใช้เพียงแค่ระยะสั้น ห้ามรับประทานเกิน 4 เดือนโดยไม่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ คุณควรปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอลล์ในขณะที่รับประทานยาตัวนี้อยู่ด้วย เพราะแอลกอฮอล์สามารถกระตุ้นให้เกิดผลค้างเคียงของตัวยา ทั้งอาการง่วงซึม สับสน และอารมณ์ไม่คงที่

อาการขาดยา Lorazepam

เมื่ออาการเสพติดของยา Lorazepam ค่อยๆ หมดฤทธิ์ลง ผู้ใช้อาจมีอาการแสดงของการขาดยา Lorazepam ดังนี้

  • อาการหงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย
  • อาการนอนไม่หลับ หรือความผิดปกติทางการนอนอื่นๆ
  • มีอาการวิตกกังวล
  • มีอาการสับสน
  • มีอาการโมโหหรือพฤติกรรมที่รุนแรง
  • มีอาการซึมเศร้า
  • มีอาการชัก

แพทย์ประจำตัวของคุณมักจะแนะนำให้คุณค่อยๆ ลดปริมาณการรับประทานยา Lorazepam เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอาการขาดยา ผู้ที่ใช้ยาตัวนี้ไม่ควรหยุดยาในทันที ยกเว้นในกรณีที่ได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

การตั้งครรภ์และยา Lorazepam

อย่าลืมแจ้งแพทย์ประจำตัวของคุณว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ก่อนที่ใช้ยา Lorazepam เพราะยาตัวนี้อาจทำให้เกิดการพิการแต่กำเนิด โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์

นอกจากนี้ การใช้ยา Lorazepam ในช่วงการตั้งครรภ์ระยะปลายอาจก่อให้เกิดผลกระทบที่อันตรายต่อทารกในครรภ์ และควรแจ้งแพทย์ประจำตัวของคุณหากคุณกำลังให้นมบุตรก่อนที่จะใช้ยาตัวนี้ เพราะการใช้ยาระหว่างให้นมบุตรอาจมีผลข้างเคียงต่อบุตรที่ดื่มนมมารดา

ผลข้างเคียงของยา Lorazepam

ติดต่อหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทันทีหากคุณมีหนึ่งในอาการที่รุนแรงจากการแพ้ยา Lorazepam ดังนี้

  • ลมพิษ
  • มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หายใจลำบาก
  • มีอาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
  • ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยสุดจากการใช้ยา Lorazepam ชนิดเม็ดรับประทานและแบบน้ำ มีดังนี้
    • อาการง่วงซึม
    • อาการมึนศีรษะ
    • อาการอ่อนเพลีย
    • อารมณ์ไม่คงที่
  • ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยสุดจากการใช้ยา Lorazepam แบบฉีด มีดังนี้
    • ความดันโลหิตต่ำ
    • รู้สึกง่วงซึมมาก
    • มีภาวะหายใจตื้น หายใจเร็ว และรู้สึกเหมือนคุณหายใจไม่เต็มปอด

ผลข้างเคียงที่รุนแรงจากยา Lorazepam ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อใช้ตัวยาในขนาดสูง หากมีผลข้างเคียงให้แจ้งแพทย์ประจำตัว โดยเฉพาะหากมีอาการรุนแรงและอาการเหล่านั้นยังไม่หายไป

ยา Lorazepam และแอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์ส่งเสริมให้เกิดผลข้างเคียงของยา Lorazepam ได้มากขึ้น ผลข้างเคียงเหล่านั้น ได้แก่ อาการง่วงซึม สับสน อารมณ์ไม่คงที่ และในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้มีปัญหาทางการหายใจ มีอาการโคม่าถึงขั้นเสียชีวิตได้

อาการทนต่อแอลกอฮอล์ของคุณอาจต่ำลงในขณะที่คุณกำลังรับประทานยา Lorazepam ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่รถยนต์ ใช้เครื่องจักรกล หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่ต้องการสมาธิและการประสานงานในระหว่าง 24 – 48 ชั่วโมงหลังจากได้รับยา Lorazepam ในรูปแบบฉีดหรือจนกว่าคุณไม่รู้สึกง่วงซึม

ขนาดยา Lorazepam

ขนาดของยาชนิดนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของตัวยาว่าเป็น ยาเม็ด ยาน้ำ หรือยาฉีด คุณควรรับประทานยา Lorazepam ให้เท่ากับที่แพทย์ได้สั่งจ่าย มาให้คุณ

ยาเม็ด Lorazepam มีขนาด 0.5 มิลลิกรัม 1 มิลลิกรัม และ 2 มิลลิกรัม

  • ในกรณีที่ใช้เพื่อลดอาการวิตกกังวล  ในผู้ใหญ่รับประทานวันละ 1 – 3 มิลลิกรัม โดยแบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง หรือครั้งเดียว ก่อนนอนหรือตามแพทย์สั่ง
  • หากใช้เพื่อช่วยให้นอนหลับ ในผู้ใหญ่ให้รับประทานวันละ 1 – 4  มิลลิกรัม ครั้งเดียวก่อนนอน หรือตามแพทย์สั่ง ทั้งนี้ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยหนักด้วยโรคทางกาย ควรลดขนาดของยาลงเพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงจากยา

เมื่อคุณเพิ่งเริ่มรับประทานยา Lorazepam แพทย์ประจำตัวของคุณอาจค่อยๆ เพิ่มระดับยาเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง ขนาดยาอาจน้อยลงหากคุณอยู่ในวัยสูงอายุหรือมีอาการอ่อนเพลีย

คุณควรรับประทานยา Lorazepam พร้อมกับของเหลว เช่น น้ำดื่มหนึ่งแก้ว พร้อมอาหาร หรือรับประทานยาเดี่ยวไม่พร้อมอาหาร

ยา Lorazepam ชนิดน้ำมีบรรจุในขวดพร้อมหลอดหยดที่มีขนาดยาระบุไว้ชัดเจน ผสมตัวยากับของเหลวหรืออาหารกึ่งแข็ง เช่น น้ำเปล่า น้ำผลไม้ โซดา เครื่องดื่มผสมโซดา ซอสแอปเปิ้ล หรือ พุดดิ้ง

สำหรับ Lorazepam ในรูปแบบของยาฉีด แพทย์ประจำตัวของคุณจะฉีดยาเข้าสู่หลอดเลือดดำอย่างช้าๆ หรือฉีดยาเข้าสู่กล้ามเนื้อ คุณอาจได้รับขนาดยาซ้ำหรือการรักษาอื่นๆด้วยเช่นกัน หลังจากที่คุณได้รับยา Lorazepam แล้ว แพทย์ประจำตัวของคุณจะเฝ้าดูอาการเพื่อให้มั่นใจว่าตัวยานั้นออกฤทธิ์ดีและไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ

ทั้งนี้ยา Lorazepam จัดเป็นยาที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ไม่สามารถหาซื้อได้เองในประเทศไทย หากคุณต้องการใช้ยานี้ ต้องพบแพทย์เพื่อให้แพทย์เป็นคนพิจารณาถึงความเหมาะสมในการสั่งจ่ายเท่านั้น

การเลิกยา Lorazepam

แพทย์จะค่อยๆ ลดขนาดยาของ Lorazepam ที่คุณใช้อยู่ลง ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณยาที่ใช้ก่อนที่จะเลิกยาด้วย หากคุณรับประทานยา Lorazepam มาหลายปี ก็จะต้องใช้เวลาในการค่อยๆลดขนาดยาลงจนสามารถหยุดยาได้นานกว่าระยะเวลาที่คุณใช้ยา

ทั้งนี้ในระหว่างที่ลดขนาดยาที่ใช้ต่อวันลง อาจจะมีอาการกระวนกระวาย นอนไม่หลับได้บ้าง ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลิกยา และไม่ควรหยุดยาทันทีอย่างหักดิบ

การใช้ยา Lorazepam เกินขนาด

การใช้ยา Lorazepam เกินขนาดอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต อาการแสดงของการใช้ยา Lorazepam เกินขนาด มีดังนี้

  • ง่วงซึม สับสน
  • สั่น ชัก หัวใจแต้นช้า
  • เดินเซ อ่อนแรง reflex ลดลง
  • อาจกดการหายใจ และ มีอาการโคม่า

หากมีอาการดังต่อไปนี้หรือพบเห็นบุคคลต้องสงสัยว่ากินยา Lorazepam เกินขนาดควรนำส่งโรงพยาบาลทันที

การรักษาภาวะยา Lorazepam เกินขนาด  

  • ให้รับประทาน activated charcoal เพื่อลดการดูดซึมยาสำหรับผู้ป่วยที่ยังไม่หมดสติ หรือให้ล้างท้องในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ รวมถึงให้การรักษาตามอาการร่วมกับให้ specific antidote โดยให้สารละลายทางหลอดเลือดดำเพื่อเพิ่มการกำจัดยา
  • หากมีภาวะกดการหายใจควรให้ออกซิเจน หากจำเป็นให้พิจารณาช่วยการหายใจ อาจพิจารณาให้ยา flumazenil ซึ่งเป็น specific benzodiazepine receptor antagonist เพื่อลดฤทธิ์การระงับประสาทหรือฤทธิ์กดการหายใจ

ทั้งนี้ต้องเฝ้าระวังติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก Flumazenil อาจทำให้เกิดการชัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่ใช้ benzodiazepine ต่อเนื่องมานานหรือผู้ป่วยที่กำลังรับประทานยา tricyclic antidepressant และไม่ควรใช้ flumazenil ในผู้ป่วยโรคลมชักที่เคยรักษาด้วย benzodiazepine

การลืมรับประทานยา Lorazepam

ถ้าคุณลืมรับประทานยา Lorazepam ให้รับประทานยาทันทีหลังจากที่คุณนึกได้

แต่ถ้าคุณต้องรับประทานยาหลายขนาดต่อวัน และลืมรับประทานยา และเกือบจะถึงอีกช่วงเวลาถัดไปสำหรับการรับประทานยาแล้ว ข้ามยาเม็ดนั้นที่คุณลืมไป และรับประทานยาตามกำหนดเดิมที่คุณจำเป็นต้องรับประทาน

อย่ารับประทานยาเพิ่มตามปริมาณยาที่คุณลืมรับประทาน หรือมากกว่าปริมาณที่แพทย์สั่ง

คำถามที่พบบ่อยสำหรับยา Lorazepam

1. การรับประทานยา Lorazepam เป็นประจำทุกวันนั้นปลอดภัยหรือไม่

คำตอบ: ยาตัวนี้ใช้ในระยะสั้นเพื่อรักษาอาการวิตกกังวล อาการนอนไม่หลับ อาการชักแบบเฉียบพลัน และทำให้ผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลซึ่งมีอาการเกรี้ยวกราดรู้สึกง่วงซึม จากตัวยาอื่นๆ ในกลุ่ม benzodiazepines

ยา Lorazepam มีแนวโน้มสูงที่ใช้แล้วเกิดอาการเสพติด และมีการรายงานว่าคนไข้นำยาตัวนี้ไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อวัตถุประสงค์ให้รู้สึกเสพย์สุข หรือใช้ยาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

หากผู้ป่วยใช้ยากลุ่ม Benzodiazepines ในระยะยาว อาจมีอาการทนต่อยา และหากหยุดยาทันทีจะเกิดอาการขาดยา และส่งผลเสียต่อการรับรู้ของสมอง อาการขาดยาอาจเริ่มตั้งแต่อาการวิตกกังวลและนอนไม่หลับจนถึงอาการชัก และอาการวิกลจริต อาการตื่นเต้น และทำให้อาการชักแย่ลง

อย่าลืมปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับสภาวะที่เกิดขึ้นกับคุณและยาที่คุณกำลังรับประทานอยู่เป็นประจำก่อนที่คุณจะใช้ยา Lorazepam

2. ยา Lorazepam ใช้เพื่อรักษาอาการใดบ้าง

คำตอบ: ยา Lorazepam มักใช้เพื่อรักษาโรควิตกกังวล อาจใช้เป็นยาช่วยให้หลับ ยาทำให้สงบ ยากล่อมประสาท ยากันชัก และยาคลายกล้ามเนื้อ ตามดุลยพินิจของแพทย์ที่ให้การรักษา

ยาตัวนี้อาจใช้แล้วอาจติดได้ และควรใช้โดยผู้ป่วยที่ได้รับในใบสั่งยาเท่านั้น ปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์ของคุณสำหรับข้อมูลเฉพาะเพิ่มเติมของตัวยา

3. ฉันมีอาการนอนไม่หลับ และยานอนหลับทั่วไป ทำให้ฉันรู้สึกง่วงซึม แพทย์ของฉันจึงลองให้ฉันรับประทานยา Lorazepam ซึ่งมันค่อนข้างใช้ได้ดีเลยทีเดียว ฉันสนใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงทางลบในระยะยาวของยาตัวนี้ ฉันอายุ 56 ปีและไม่มีภาวะหยุดหายใจในขณะหลับ

คำตอบ: ยา Lorazepam ที่ใช้ในปริมาณน้อยถูกใช้เพื่อรักษาโรคผิดปกติทางการนอน ยาตัวนี้สามารถทำให้ผู้ใช้เสพติดได้หากใช้ในระยะเวลานานแต่สามารถหยุดได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ขนาดยาที่ลดลงเพื่อกำจัดผลข้างเคียงต่างๆ ที่เกิดจากการใช้ยานี้

ห้ามหยุดยาโดยพละการ ต้องแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง ควรใช้ยาในปริมาณน้อย ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ดีในการรักษาโรคนอนไม่หลับ ห้ามเพิ่มขนาดยาโดยที่ไม่แจ้งแพทย์ก่อน ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้ผลเหมือนเดิมหลังจากที่คุณใช้ยาตัวนี้มาสักระยะหนึ่ง ควรปรึกษาแพทย์

4. ฉันรับประทานยา Lorazepam (3/4 เม็ดของ lorazepam 1 mg) ในตอนกลางคืนเพื่อช่วยให้หลับ ฉันใช้ยาตัวนี้มา 2 – 3 ปี ในปริมาณน้อย นี่สามารถทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยหรือไม่ และฉันมีอาการท้องอืดท้องแข็งมาสักพัก นี่เป็นเพราะฉันกำลังมีอาการของโรคถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบหรือไม่ คุณพอมีคำแนะนำไหมคะ

คำตอบ: ข้อมูลเกี่ยวกับยาไม่ได้ระบุถึงเรื่องผลข้างเคียงของการมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือภาวะบวมน้ำจากตัวยา โปรดปรึกษาแพทย์ประจำตัวของคุณเกี่ยวกับอาการแสดง เพราะมันอยู่นอกเหนือสิ่งที่เภสัชกรสามารถระบุได้และเราไม่สามารถวินิจฉัยอาการของโรคได้

5. ยา Lorazepam ถูกใช้รักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอย่างไร

คำตอบ: ยา Lorazepam เป็นยาที่ใช้เพื่อการรักษาอาการวิตกกังวล ช่วยให้เกิดอาการสงบต่อสมองและเส้นประสาท (ระบบประสาทส่วนกลาง) แพทย์อาจสั่งจ่ายยาตัวนี้เพื่อช่วยคลายความวิตกกังวลที่ทำให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้น หรืออัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้นและอาจทำให้สภาวะของหัวใจแย่ลง ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าทำไมแพทย์ถึงเลือกใช้ยาตัวนี้ คุณควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเหตุผลที่เลือกใช้ยาตัวนี้

6. ยา Lorazepam จะทำให้ระบบการเผาผลาญของฉันลดลงและทำให้ฉันมีภาวะบวมน้ำหรือไม่ 

คำตอบ: มีรายงานเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์จาก ยา Lorazepam ว่า 1-10% ของผู้ป่วยในการศึกษาวิจัยมีการเปลี่ยนของรสชาติอาหารที่รับประทาน และมีน้ำหนักตัวเพิ่มหรือน้ำหนักตัวลดลง

ยังไม่มีการระบุถึงการมีภาวะบวมน้ำซึ่งอาจเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ หากพบอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ที่ให้การรักษา

7. ยา Lorazepam ใช้เพื่ออะไร และผลข้างเคียงของยามีอะไรบ้าง

คำตอบ: ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของยา Lorazepam คือ อาการง่วงซึม รู้สึกสงบ และกดการหายใจ (หายใจตื้น) ผลข้างเคียงอื่นๆของยาตัวนี้ คือ ความดันโลหิตต่ำ การสูญเสียความทรงจำ มึนศีรษะ ปวดศีรษะ สับสน มีอาการซึมเศร้า คลื่นไส้ น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลง มีอาการอ่อนแอ และความผิดปกติทางสายตา

8. ยา Lorazepam สามารถทำให้เกิดอาการทางประสาทและสั่นไหวหรือไม่ 

คำตอบ: ยา Lorazepam ออกฤทธิ์โดยการทำปฏิกิริยากับสารเคมีในสมองที่ช่วยลดความตื่นเต้นที่ผิดปกติในสมอง ผลข้างเคียงบางประการที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา Lorazepam ได้แก่  อาการซึมเศร้า อาการง่วงซึม หายใจช้า ผื่นแดง น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม งุนงงสับสน มึนศีรษะ และปวดศีรษะ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของยาที่สั่งจ่าย

มีรายงานของผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงในทางที่กลับกัน คือ มีการพูดมากกว่าปกติ มีการระบายอารมณ์ รู้สึกตื่นเต้น และมีการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ และยังมีรายงานของความอยู่ไม่นิ่งและพฤติกรรมก้าวร้าวด้วยเช่นกัน

นี่ถือเป็นปฏิกิริยาที่พบได้ไม่บ่อยนักจากการใช้ยา Benzodiazepine ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ป่วยน้อยกว่า 1% ที่ใช้ยาตัวนี้ ผู้ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดปฏิกิริยาเหล่านี้ คือ ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีประวัติการเสพติดแอลกอฮอล์หรือมีความผิดปกติทางจิต

นอกจากนี้ อาจมีปัจจัยทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน โปรดปรึกษาแพทย์ของคุณถึงอาการที่กำลังเกิดขึ้น และห้ามหยุดยาเองโดยที่ไม่ปรึกษาแพทย์

การหยุดยากลุ่ม Benzodiazepine เช่น ยา Lorazepam โดยฉับพลัน อาจทำให้เกิดอาการขาดยาหรือถอนยาได้ เช่น อารมณ์เศร้า นอนไม่หลับ ปวดเกร็งในช่องท้องหรือกล้ามเนื้อ อาเจียน เหงื่อออก อาการชัก และ อาการสั่น เป็นต้น

Scroll to Top