Default fallback image

วัคซีนเด็กก่อนวัยเรียน 4–6 ปี ควรฉีดป้องกันโรคอะไรบ้าง ฉีดตอนไหน พ่อแม่ต้องรู้!

ช่วงวัยเด็กเป็นวัยที่มีการพัฒนาการด้านร่างกายอย่างต่อเนื่อง แต่ภูมิคุ้มกันอาจยังไม่แข็งแรง พอต่อการป้องกันโรค มีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย การฉีดวัคซีนจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย ป้องกันโรคติดต่อที่อาจเกิดได้ง่ายเมื่อเด็กอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และลดการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น

คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการพาลูกน้อยไปรับวัคซีนตามช่วงวัย โดยเฉพาะช่วงอายุ 4–6 ปี ที่เด็กกำลังจะเข้าโรงเรียนในไม่ช้า เพื่อให้ลูกได้มีภูมิคุ้มกันต่อโรคก่อนเกิดการติดเชื้อ ไปดูกันว่ามีวัคซีนเด็กอะไรบ้างที่ควรฉีด ฉีดเมื่อไร และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง

ประเภทของวัคซีนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน

วัคซีนสำหรับเด็กแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักด้วยกัน ดังนี้

วัคซีนพื้นฐาน เป็นวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เด็กทุกคนต้องได้รับ เพื่อป้องกันโรคพบได้บ่อยและมีความรุนแรง เช่น วัคซีนป้องกันโปลิโอ วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด–หัดเยอรมัน–คางทูม (MMR) วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ–บาดทะยัก–ไอกรน (DTP) วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบเจอี 

วัคซีนเสริม เป็นวัคซีนเพิ่มเติมที่เด็ก ๆ ควรได้รับ เพื่อป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมวัคซีนพื้นฐาน เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส และวัคซีน EV71 ป้องกันโรคมือ เท้า ปาก หรือ

นอกจากวัคซีนหลัก และวัคซีนเสริมแล้ว หากช่วงไหนที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อที่มีวัคซีน คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็ก ๆ ไปรับวัคซีนอย่างเหมาะสม เพราะเด็กเป็นกลุ่มเปราะบาง ที่เสี่ยงเกิดอาการรุนแรง หรือภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย

เด็กก่อนวัยเรียนต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง ฉีดเมื่อไหร่ ฉีดกี่เข็ม?

วัคซีนพื้นฐาน

ช่วงก่อนอายุ 4 ปี เด็ก ๆ จะได้รับวัคซีนเข็มก่อนหน้ามาอยู่แล้ว และช่วงวัย 4–6 ปี ก็มีวัคซีนพื้นฐานที่ต้องได้รับต่อเนื่อง ดังนี้

อายุ

วัคซีนพื้นฐาน

4–6 ปี 
  • วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน (DTP) กระตุ้นครั้งที่ 2 และก่อนหน้าควรได้รับวัคซีนนี้มาแล้ว 4 เข็ม ในช่วงอายุ 2, 4, 6 และ 1 ปี 6 เดือน 
  • วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดรับประทาน (OPV) กระตุ้นครั้งที่ 2 และก่อนหน้าควรได้รับวัคซีนโปลิโอมาแล้ว 4 ครั้ง ในช่วงอายุ 2, 4, 6 และ 1 ปี 6 เดือน 

หากเด็ก ๆ ได้รับไม่ครบ หรือยังไม่เคยได้รับวัคซีนกลุ่มนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนพื้นฐานให้ครบ

อ่านบทความเพิ่มเติม: วัคซีนเด็กเล็ก 0–12 เดือน, วัคซีนเด็กวัยหัดเดิน 1–3 ปี

วัคซีนเสริม

วัคซีนเสริมสำหรับเด็กอายุ 4–6 ปี มีหลายตัว เช่น 

อายุ

วัคซีนเสริม

6 เดือนขึ้นไป
  • วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป ปีละ 1 ครั้ง จำนวน 1 เข็ม หากเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 1 เดือน
  • วัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก หรือวัคซีนอีวี 71 (EV71) เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ไปจนถึงอายุไม่เกิน 6 ปี ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน 
  • วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ เจ อี ชนิดเชื้อตาย ฉีด 3 เข็ม เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน เข็มถัดไปฉีดห่าง 1–4 สัปดาห์ และ 1 ปี ตามลำดับ 
1 ปี ขึ้นไป
  • วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป เข็มแรกแนะนำให้ฉีดในช่วงอายุ 1 ปี–1 ปี 6 เดือน และเข็มที่ 2 ฉีดห่างกัน 1–3 เดือน ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ 
  • วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด–คางทูม–หัดเยอรมัน–อีสุกอีใส (MMRV) เป็นวัคซีนเข็มรวมที่ทดแทนการฉีดวัคซีนรวมโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน กับวัคซีนอีสุกอีใส แบบเข็มแยก ฉีดได้ในเด็กอายุ 1–12 ปี
1 ปี 6 เดือน ขึ้นไป
  • วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ ชนิดเชื้อเป็น ฉีด 1 เข็ม เมื่ออายุ 1 ปี 6 เดือนขึ้นไป หรือชนิดเชื้อตาย ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6–12 เดือน
4–6 ปี
  • วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ชนิด 3 เข็ม สำหรับคนที่เคยเป็นไข้เลือดออกแล้ว อายุ 6–45 ปี  และชนิด 2 เข็ม สำหรับคนที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน อายุ 4–60 ปี ห่างกัน 3–6 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดวัคซีน
ทุกช่วงวัย
  • วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ฉีด 2 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 7 วัน แนะนำให้ฉีดก่อนได้รับเชื้อ 

นอกจากวัคซีนเหล่านี้ อาจมีวัคซีนเสริมอื่น ๆ ที่แพทย์แนะนำให้เด็กได้รับตามความเหมาะสม หรือความเสี่ยงของเด็กแต่ละคน โดยวัคซีนบางชนิดจะเป็นวัคซีนรวม คุณพ่อคุณแม่ควรจดบันทึกวัคซีนที่ลูกได้รับ และทุกครั้งที่ลูกรับวัคซีน ควรพกติดตัวไปให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย

วัคซีนเด็กเล็กมีผลข้างเคียงไหม ดูแลลูกหลังฉีดวัคซีนอย่างไรดี?

การฉีดวัคซีนเพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เล็กน้อย ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย และหายเองได้ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรเฝ้าสังเกตอาการที่เกิดขึ้น และรับมืออย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถดูแลลูกหลังจากฉีดวัคซีนได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

สังเกตอาการทันทีหลังฉีด
ควรพักรอที่สถานพยาบาลประมาณ 30 นาที เพื่อสังเกตอาการแพ้รุนแรง เช่น ปากบวม ผื่น หรือหายใจลำบาก หากมีอาการเหล่านี้ ควรแจ้งแพทย์ทันที แม้อาการแพ้ยาหรือแพ้วัคซีนจะรุนแรง แต่พบได้น้อยมาก

ดูแลบริเวณที่ฉีด
อาจมีอาการปวด หรือบวมแดงบริเวณที่ฉีด ควรประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน ควรพาลูกไปพบแพทย์

จัดการกับไข้
เด็ก ๆ อาจตัวร้อนและมีไข้หลังฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงทั่วไป คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ยาลดไข้ตามคำแนะนำของแพทย์ และให้ลูกดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ ร่วมกับการเช็ดตัวลดไข้อย่างเหมาะสม

สังเกตอาการทั่วไป
หากลูกมีอาการผิดปกติ เช่น ร้องไห้ไม่หยุด ซึม อาเจียน เบื่ออาหาร อาการแพ้ยา อาการอื่นที่รุนแรง เป็นต่อเนื่อง หรือน่ากังวล ควรปรึกษาแพทย์ทันที

การดูแลลูกหลังฉีดวัคซีนอย่างเหมาะสมจะช่วยลดผลข้างเคียงจากวัคซีน ทำให้เด็กได้รับประโยชน์จากวัคซีนอย่างเต็มที่ 

ทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อสุขภาพที่ดี และการเติบโตอย่างมีความสุขของเด็ก ๆ ยิ่งเป็นเด็กที่เตรียมเข้าสู่รั้วโรงเรียนในไม่ช้า ก็ควรได้รับวัคซีนตามกำหนด เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงก่อนเข้าสู่รั้วโรงเรียน 

สุขภาพของลูกน้อยสำคัญที่สุด เช็กแพ็กเกจวัคซีนเด็กเล็ก พร้อมเปรียบเทียบราคาในได้เลยที่ HDmall.co.th

Scroll to Top