ยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉิน ดีหรือไม่ ควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัย

ยาคุมฉุกเฉิน หรือยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency contraception pill) ออกฤทธิ์ไม่ต่างกับยาคุมกำเนิดแบบธรรมดา เพียงแต่ยาเม็ดคุมฉุกเฉินจะมีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดมากกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไป และจะใช้ก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นฉุกเฉินเท่านั้น

มีคำถามเกี่ยวกับ ยาคุมฉุกเฉิน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ยาคุมฉุกเฉินจะรับประทานหลังจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อลดโอกาสในการตั้งครรภ์ แต่หากต้องการคุมกำเนิดในระยะยาวแล้ว ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบธรรมดาจะมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกว่า

ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินและการออกฤทธิ์

ยาคุมฉุกเฉินที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งชนิดฮอร์โมนเพียงตัวเดียวและชนิดฮอร์โมนรวม มีรายละเอียดดังนี้

1.ยาคุมฉุกเฉินแบบมีฮอร์โมนเพียงตัวเดียว 

ยาคุมฉุกเฉินแบบมีฮอร์โมนเพียงตัวเดียวคือ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ในหนึ่งเม็ดยาจะประกอบไปด้วยตัวยาลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) 0.75 มิลลิกรัม

ยาคุมชนิดนี้ออกฤทธิ์โดยการช่วยชะลอ หรือยับยั้งการเจริญของถุงไข่ หรือการแตกของถุงไข่ ซึ่งก็จะเป็นการยับยั้งไม่ให้ไข่ตกนั่นเอง

2.ยาคุมฉุกเฉินแบบฮอร์โมนรวม

ยาคุมฉุกเฉินแบบฮอร์โมนรวม หรือที่เรียกว่า Yuzpe Regimen จะมีฮอร์โมน 2 ชนิดรวมเข้าด้วยกัน คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Ethinyl Estradiol – EE) 0.1 มิลลิกรัม และโปรเจสเตอโรน (Levonorgestrel) ขนาด 0.5 มิลลิกรัมในหนึ่งเม็ดยา

ยาคุมชนิดนี้ออกฤทธิ์โดยการเข้าไปขัดขวางการปฏิสนธิของอสุจิและไข่และช่วยยับยั้งการตกไข่ แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงมากกว่าชนิดฮอร์โมนเพียงตัวเดียว จึงทำให้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแบบฮอร์โมนรวมไม่เป็นที่นิยมใช้กันมากนักในปัจจุบัน

วิธีใช้ยาคุมฉุกเฉิน

  1. หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกให้เร็วที่สุด โดยไม่ควรนานเกิน 120 ชั่วโมง หรือ 5 วัน หรือจะให้ดีก็ไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน ถ้าดีที่สุดก็ต้องไม่เกิน 12 ชั่วโมง และหลังรับประทานเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมงก็ต้องรับประทานเม็ดที่ 2 ซ้ำอีก 1 เม็ด
  2. สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ดพร้อมกันได้เลยทีเดียว โดยที่ไม่มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย เมื่อเปรียบเทียบกับการแบ่งรับประทานออกเป็น 2 ครั้ง แต่ในบางรายโดยเฉพาะมือใหม่ อาจทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ เนื่องจากตัวยาในรูปแบบการรับประทานครั้งเดียวจะมีความแรงเพิ่มมากขึ้นจากการแบ่งกิน 2 ครั้งถึง 2 เท่าตัว
  3. หลังจากที่รับประทานยาในแต่ละเม็ดไปแล้ว หากมีการอาเจียนออกมาภายในเวลา 2 ชั่วโมง จะต้องซ้ำใหม่อีก 1 เม็ดในทันที
  4. การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียนตามมาได้ การรับประทานยาแก้อาเจียนเสียก่อนก็สามารถที่จะช่วยบรรเทาอาการลงได้
  5. การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากกว่า 2 กล่อง หรือ 4 เม็ดต่อเดือนขึ้นไป อาจทำให้มีผลข้างเคียงกับรังไข่ในระยะยาวเกิดขึ้นได้
  6. หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน และลืมรับประทานยาคุมชนิดปกตินานเกิน 3 วันก็สามารถที่จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้
  7. ควรเก็บยาคุมฉุกเฉินเอาไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิห้องปกติ หรือมีอุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส
  8. ยาบางอย่างอาจมีผลทำให้ระดับฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดฉุกเฉินลดลงได้ เช่น ยากันชัก ยารักษาวัณโรค

คำแนะนำในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน

การใช้ยาคุมฉุกเฉินแม้จะมีความปลอดภัยสูง แต่หากใช้อย่างผิดวิธีก็อาจส่งผลในระยะยาวได้เหมือนกัน จึงมีคำแนะนำในการใช้ยาดังนี้

  • ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ ก่อนที่จะใช้ยาคุมฉุกเฉิน
  • แม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินตามกำหนดอย่างถูกต้องแล้วก็ตาม แต่ยังมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ได้ หากตั้งครรภ์จริงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะยาคุมฉุกเฉินจะไม่มีผลต่อทารกในครรภ์
  • หากรับประทานยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ ตัวยาจะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 75 – 79% (จะต้องรับประทานยาทั้งหมด 2 เม็ด) แต่ถ้าหากรับประทานภายใน 12 – 24 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์จะช่วยป้องกันได้ถึง 85%  แต่หากพ้นจาก 72 ชั่วโมงไปแล้ว หรือเลยเวลาไป 72 – 120 ชั่วโมงก็จะสามารถป้องกันได้แค่ 60% เท่านั้น
  • แม้ว่าในระหว่างที่รับประทานยาเม็ดแรกกับเม็ดที่ 2 จะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร้กังวล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะวางใจได้ 100% เพราะยังมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้อยู่ โดยเฉพาะหากมีเพศสัมพันธ์หลังจากที่รับประทานยาครบ 2 เม็ดไปแล้ว จะยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์ให้สูงมากขึ้น
  • ภายในระยะเวลา 1 เดือนสามารถรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินได้มากกว่า 1 ครั้ง และการรับประทานยาคุมฉุกเฉินสามารถรับประทานได้มากกว่า 2 ครั้ง แต่ไม่ควรเกิน 2 กล่องต่อเดือน
  • การใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินซ้ำกันหลายครั้ง อาจส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงตามมาได้ จึงไม่ควรที่จะใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเพื่อคุมกำเนิดประจำ หรือใช้รับประทานเป็นยาคุมกำเนิดในระยะยาว
  • หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ประจำเดือนขาด ประจำเดือนไม่มา ให้ไปพบแพทย์โดยเร็ว

หากไม่แน่ใจว่า ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างไรและไม่กล้าปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ด้วยเหตุผลว่า เขิน อาย ไม่สะดวก หรือด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ปัจจุบันหลายๆ แห่งมีบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ยาคุมฉุกเฉินให้บริการแล้ว

จะแค่โทรคุยแบบไม่เห็นหน้า หรือจะวีดีโอคอล ก็สามารถเลือกได้

มีคำถามเกี่ยวกับ ยาคุมฉุกเฉิน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

แต่หากกังวลใจไปถึงขั้นว่า หากรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ทันเวลาจริงๆ แล้วเกิดท้องไม่พร้อมขึ้นมาจะทำอย่างไร ก็มีบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์เรื่องปัญหาท้องไม่พร้อมเช่นกัน

ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน

การรับประทานยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงได้บ้าง ดังนี้

อาการต่างๆ เหล่านี้จะสามารถหายไปได้เองภายใน 24 ชั่วโมง

ผลข้างเคียงในระยะยาว

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด หากรับประทานในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือใช้นานเกิน 2 กล่องต่อเดือน ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะเทียบยาคุมกำเนิดแบบปกติไม่ได้เท่านั้น

แต่ยังมีผลให้รังไข่และเยื่อบุโพรงมดลูกมีอาการผิดปกติ อีกทั้งยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ถึง 2% อีกด้วย

การเลือกซื้อยาคุมฉุกเฉิน

สำหรับในประเทศไทย มียาคุมฉุกเฉินที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียวคือ ลีโวนอร์เจสเดรล (Levonorgestrel) รวมถึงยาคุมฉุกเฉินแบบฮอร์โมนรวม ซึ่งหมายความว่า รวมฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Levonorgestrel) กับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Ethinyl estradiol) เข้าไว้ด้วยกัน

เราสามารถหาซื้อยาคุมฉุกเฉินได้ตามร้านขายยาทั่วไป ปัจจุบันได้มีการผลิตยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นออกมา คือ Ulipristal acetate แต่ยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นยาคุมที่ใช้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง เช่น ถุงยางขาด ฉีก รั่ว อีกทั้งยาคุมฉุกเฉินยังมีข้อจำกัดในการใช้พอสมควร

ดังนั้นจึงไม่ควรนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้คุมกำเนิดแบบระยะยาว หรือนำมารับระทานอย่างต่อเนื่องเด็ดขาด หรือหากคิดว่า มีความจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนใช้ยาทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล

มีคำถามเกี่ยวกับ ยาคุมฉุกเฉิน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ