ปัญหาผิวแห้งถือเป็นปัญหาผิวอันดับต้นๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไป แม้ว่าไม่ใช่ปัญหาผิวที่ร้ายแรง หรือทำให้เกิดอันตราย แต่การที่ผิวแห้งก็ทำให้รู้สึกไม่น่ามอง ขาดความมั่นใจ และทำให้รู้สึกคันตามมาได้ ซึ่งการเกาผิวจะยิ่งทำให้มีผื่นแดง ถลอก และมีสภาพที่ดูแย่กว่าเดิม
สำหรับวิธีที่ช่วยบรรเทาปัญหามีดังต่อไปนี้
สารบัญ
1. เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
ถ้ามีผิวที่แห้งกร้าน ควรเติมความชุ่มชื้นให้ผิวทุกวัน โดยให้ทำทันทีหลังอาบน้ำ แช่ตัว หรือล้างมือ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผิวกำลังชุ่มชื้น
หากสามารถทนความรู้สึกเหนอะหนะ เหมือนน้ำมันได้ ให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) ที่มีเนื้อหนา หนัก และเหนียว หรือจะใช้ออยท์เมนท์ (Ointment) อย่างปิโตรเลียมเจล (Petroleum jelly) ช่วยเคลือบผิวและป้องกันการสูญเสียน้ำก็ได้
ส่วนโลชั่น (Lotion) อาจไม่มีประสิทธิผลเท่ากับการทาครีม แต่โลชั่นก็ทำให้เรารู้สึกสบายผิวมากกว่าการทาครีมและออยท์เมนท์ เพราะโลชั่นมีน้ำเป็นส่วนผสมหลัก และน้ำจะระเหยไปอย่างรวดเร็วเมื่อทาที่ผิว
สำหรับมอยส์เจอไรเซอร์ที่ใช้บำรุงผิวควรปลอดจากสีย้อม น้ำหอม และสารที่ทำให้ผิวระคายเคืองชนิดอื่นๆ รวมถึงควรใช้ชนิดไฮโปอัลเลอร์เจนิค (Hypoallergenic) ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้และทำให้รู้สึกคันมากกว่าเดิม
2. ใช้เวลาอาบน้ำให้น้อยลง
การอาบน้ำ หรือแช่ตัวบ่อยเกินไปสามารถทำให้น้ำมันตามธรรมชาติที่ผิวถูกกำจัดออกไป ทำให้ผิวแห้งกร้านได้ หากคุณมีผิวแห้ง ให้ลองเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอาบน้ำดังนี้
- อาบน้ำโดยใช้น้ำเย็น หรือน้ำอุ่น
- จำกัดเวลาการอาบน้ำให้มากสุดแค่ 10 นาทีต่อครั้ง
- เติมเบบี้ออยล์ (Baby oil) หรือโอ๊ตมีล (Oat meal) ลงในอ่างอาบน้ำเพื่อบรรเทาอาการคัน
- ใช้ผ้าขนหนูซับตามร่างกายอย่างอ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการถูอย่างรุนแรง
3. หลีกเลี่ยงสบู่ที่ช่วยดับกลิ่น
สบู่ที่ช่วยดับกลิ่นสามารถไปดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวได้ ซึ่งมันสามารถกระตุ้นให้คุณรู้สึกคัน ดังนั้นควรจำกัดบริเวณของร่างกายในการใช้สบู่เหล่านี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
โดยให้ใช้ที่ใต้รักแร้ เท้า หรือขาหนีบก็เพียงพอแล้ว ส่วนบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย ให้ใช้สบู่สูตรที่มีความอ่อนโยน หรือหากผิวแห้งง่าย ให้เลือกใช้สบู่ที่ไม่มีกลิ่นหอม หรือที่ระบุว่า เหมาะสำหรับผิวที่มีความไวต่อสิ่งกระตุ้น
สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่มีน้ำหอมก็สามารถทำให้ผิวแห้งและคันได้เช่นกัน
นอกจากนี้คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้ผงซักฟอก หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีการเติมน้ำหอม หรือกลิ่นลงไป
วิธีอื่นๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง
- หลีกเลี่ยงการใช้คลีนเซอร์ (Cleanser) โคโลญจน์ (Cologne) น้ำหอม Body mist ผลิตภัณฑ์ที่ใช้หลังโกนหนวด หรือผลิตภัณฑ์คล้ายกันที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะสามารถทำให้ผิวแห้งได้นั่นเอง
- หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อหยาบ หรือขรุขระอย่างผ้าวูล (Wool) เพราะจะยิ่งทำให้รู้สึกคัน แต่ให้ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าคอตตอน (Cotton) หรือผ้าไหม (Silk) แทน
- อากาศที่แห้งและมีความชื้นต่ำสามารถดึงน้ำออกจากผิวได้ กรณีเช่นนี้อาจใช้เครื่องเพิ่มความชื้นภายในบ้าน โดยรักษาระดับของความชื้นให้อยู่ที่ประมาณ 45%-55%
การรักษาผิวแห้งและอาการคันผิว
หากปัญหาผิวแห้งทำให้รู้สึกคันตามร่างกาย การใช้ครีมรักษาอาการคันที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือออยท์เมนท์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) 1% อาจช่วยบรรเทาอาการได้ เพราะเป็นยาสเตียรอยด์ชนิดหนึ่งที่อาจช่วยลดอาการคัน แดง และบวมได้
หากมีอาการคันอย่างรุนแรง อาการผิวแห้งกร้านและความรู้สึกคันไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังจากดูแลผิว คุณควรไปพบแพทย์ผิวหนังอีกครั้งเพื่อวินิจฉัยสภาพผิวหนัง เพราะในบางกรณี ปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากปฏิกิริยาแพ้ หรือโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังอื่นๆ ได้
เช่น โรคผื่นผิวหนังอักเสบ หรือโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งจำเป็นต้องใช้การรักษาที่เฉพาะเจาะจง
แต่หากยังไม่มีเวลาไปพบแพทย์ ปัจจุบันมีบริการปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์ให้บริการแล้ว สามารถเปิดวิดีโอคอลเพื่อให้แพทย์เห็นสภาพผิวหนังได้ เพื่อประกอบการให้คำแนะนำ
นอกจากนี้ไม่ควรเกาผิวเพราะอาจทำให้ผิวติดเชื้อได้ โดยมีสัญญาณบอกคือ ผิวแดง ผิวที่กดแล้วเจ็บ อาการบวม และมีหนอง
การรักษาผิวแห้งสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงเปลี่ยนกิจวัตรการดูแลทำความสะอาดผิว เพียงแค่นั้นผิวของคุณก็สามารถกลับมาชุ่มชื้นดูดีได้อีกครั้ง และความมั่นใจของคุณก็จะกลับมาด้วยเช่นกัน
ลองสำรวจดูผิวดูว่า เริ่มแห้ง หรือมีอาการคันหรือไม่ แล้วลองบำรุงดูแลผิวของคุณดูจากข้อมูลข้างต้น เพื่อสุขภาพผิวที่ดีและเพื่อรูปลักษณ์ที่ดีของตัวคุณเอง
ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ศักดิ์สิทธิ์ พรรัตนศรีกุล