หนองในเทียม (Chlamydia) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ เนื่องจากอาการของโรคมักไม่แสดงออกชัดเจน หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้
บทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น พร้อมไขข้อสงสัยว่า หนองในเทียมอันตรายแค่ไหน และสามารถติดต่อทางไหนได้บ้าง? เพื่อให้คุณสามารถป้องกันความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง
สารบัญ
หนองในเทียมเกิดจากอะไร?
หนองในเทียม เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis ซึ่งสามารถติดเชื้อได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก และดวงตา การติดเชื้อมักเกิดขึ้นผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก
อาการของหนองในเทียม
หลายคนที่ติดเชื้อหนองในเทียมอาจไม่มีอาการใด ๆ แต่หากมีอาการ อาจสังเกตได้ ดังนี้
อาการในผู้ชาย
- ปัสสาวะแสบขัด
- มีของเหลวสีขาว ขุ่น หรือใสไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ
- อัณฑะบวมและปวด
อาการในผู้หญิง
- ตกขาวผิดปกติและมีกลิ่นแรง
- ปวดท้องน้อย
- รู้สึกแสบระหว่างปัสสาวะหรือเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ
- มีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือนหรือหลังมีเพศสัมพันธ์
อาการเมื่อติดเชื้อบริเวณอื่น
หากติดเชื้อ Chlamydia บริเวณอื่น อาการอาจจะแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ได้รับเชื้อ เช่น
- คอ: หากติดเชื้อบริเวณคอ อาจมีอาการเจ็บคอ คล้ายต่อมทอนซิลอักเสบ แต่โดยส่วนใหญ่บางรายมักไม่แสดงอาการ
- ทวารหนัก: หากติดเชื้อบริเวณทวารหนัก อาจมีอาการเจ็บ ปวด คัน หรือเลือดออกจากทวารหนัก
- ตา: หากติดเชื้อที่ตา อาจทำให้ตาแดง คัน เคืองตา และมีขี้ตาเยอะ คล้ายเยื่อบุตาอักเสบ
หนองในเทียมติดต่อทางไหน?
โรคนี้ติดต่อผ่านการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก โดยไม่มีการป้องกัน หรือการสัมผัสของเหลวที่ติดเชื้อแล้วนำมือมาสัมผัสดวงตา อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตาได้ รวมถึงถ้าหากแม่ติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ทารกก็สามารถติดเชื้อจากแม่ระหว่างการคลอดได้เช่นกัน
หนองในเทียมอันตรายแค่ไหน?
หากผู้ป่วยมีการติดเชื้อหนองในเทียมและไม่ได้รับการรักษา หนองในเทียมสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ เช่น
- ในผู้หญิง: อาจนำไปสู่โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยากและการตั้งครรภ์นอกมดลูก
- ในผู้ชาย: อาจทำให้เกิดการอักเสบของท่อปัสสาวะและอัณฑะ ซึ่งส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์
- ในทารกแรกเกิด: หากแม่ติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ ลูกอาจติดเชื้อที่ตาหรือปอดจากการคลอด
วิธีการดูแลรักษาหนองในเทียม
หนองในเทียมสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วย ยาปฏิชีวนะ เช่น Azithromycin หรือ Doxycycline โดยแพทย์จะเป็นผู้สั่งยาและกำหนดระยะเวลาในการใช้ยา ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ผู้ป่วยห้ามมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการรักษา หรือถ้าหากมีอาการผิดปกติหลังจากรักษา ควรกลับไปพบแพทย์ทันที
การป้องกันหนองในเทียม
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อ Chlamydia เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด แต่โรคหนองในเทียมมักมีอาการไม่รุนแรง ทำให้สังเกตได้ยากทั้งในตัวเองและคู่นอน ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดคือการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเสมอ ไม่ใช่แค่ป้องกันหนองในเทียม แต่รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ด้วย ซึ่งสามารถทำได้โดยวิธีต่อไปนี้
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เมื่อมีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ
- หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจและรักษา
หากกังวลเรื่องการเสี่ยงติดเชื้อหนองในเทียม ลองเช็กสุขภาพด้วยแพ็กเกจตรวจหนองใน ที่ HDmall.co.th จองง่าย สะดวกสบาย มีโรงพยาบาลและคลินิกที่ได้มาตรฐานให้เลือกใช้บริการ พร้อมราคาโปรโมชันส่วนลดสุดคุ้ม คลิกเลย!