Default fallback image

แผลริมอ่อนอันตรายแค่ไหน หายเองได้หรือไม่?

แผลริมอ่อน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน ด้วยลักษณะอาการที่น่ากลัวอย่างแผลเปิดบริเวณอวัยวะเพศ ทำให้หลายคนสงสัยว่า แผลริมอ่อนอันตรายแค่ไหนและสามารถหายเองได้หรือไม่ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับแผลริมอ่อนให้มากขึ้น เพื่อคลายข้อสงสัยและเตรียมพร้อมรับมือกับโรคนี้อย่างถูกต้อง

สาเหตุของการเกิดแผลริมอ่อน 

แผลริมอ่อน (Chancroid) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus ducreyi สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยมักพบแผลบริเวณอวัยวะเพศและต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ โรคนี้สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปากกับผู้ติดเชื้อและการสัมผัสแผลหรือสารคัดหลั่ง เช่น หนอง น้ำเหลือง หรือเลือดของผู้ติดเชื้อโดยตรง

อาการของแผลริมอ่อน

แผลริมอ่อนมีระยะฟักตัวประมาณ 3-7 วัน ซึ่งถือเป็นโรคที่แสดงอาการเร็วเมื่อเทียบกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ อาการเริ่มต้นจะมีตุ่มแผลที่อวัยวะเพศ ขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร จะรู้สึกเจ็บปวด แม้ไม่สัมผัส 

ในผู้หญิงแผลมักเกิดที่แคมเล็กหรือฝีเย็บ ส่วนในผู้ชายจะพบแผลที่ปลายองคชาต ลำองคชาต หรืออัณฑะ บางรายอาจมีแผลที่ทวารหนักหรือช่องปากด้วย 

หลังจากนั้น 1-2 วัน ตุ่มแผลจะเริ่มเปื่อยนุ่มและขอบบาง เมื่อสัมผัสหรือเสียดสีแผลอาจมีเลือดออกได้ง่ายหรือแตกเป็นหนองได้ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดแผล 

แผลริมอ่อนอันตรายแค่ไหน?

แผลริมอ่อนเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus ducreyi แม้จะไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ เช่น

  • ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบอาจบวมโตและกลายเป็นฝีหนอง หากฝีแตกออก อาจทำให้เกิดแผลเป็นและรอยแผลเป็น
  • แผลริมอ่อนที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่อวัยวะเพศ ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปลักษณ์และความรู้สึก
  • แผลริมอ่อนทำให้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศอ่อนแอลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น

แผลริมอ่อนหายเองได้ไหม?

แผลริมอ่อนสามารถหายเองได้ แต่จะใช้เวลานานกว่าการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่า เช่น แผลอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าจะหายสนิท หรือเชื้ออาจแพร่กระจายไปส่วนอื่นของร่างกาย ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ แผลที่หายเองอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ และในระหว่างที่แผลยังไม่หาย คุณยังคงสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้

วิธีการรักษาแผลริมอ่อน

การรักษาแผลริมอ่อนสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การใช้ยาปฏิชีวนะและการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและการตอบสนองต่อการรักษา

1. การใช้ยา

การใช้ยาแพทย์จะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของแผล ซึ่งยาปฏิชีวนะจะช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นเมื่อแผลหาย ยาปฏิชีวนะที่มักใช้รักษาแผลริมอ่อน ได้แก่ Azithromycin, Ceftriaxone, Ciprofloxacin และ Erythromycin เป็นต้น 

แพทย์จะพิจารณาเลือกยาปฏิชีวนะและขนาดยาที่เหมาะสมตามความต้องการด้านสุขภาพของผู้ป่วย สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งและครบตามระยะเวลาที่กำหนด แม้ว่าแผลจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม

2. การผ่าตัด

ในกรณีที่มีฝีขนาดใหญ่และรู้สึกเจ็บปวดที่ต่อมน้ำเหลือง แพทย์จะทำการระบายหนองด้วยเข็มหรือการผ่าตัด วิธีนี้ช่วยลดอาการบวมและความเจ็บปวดขณะรอแผลหาย แต่อาจทำให้เกิดแผลเป็นเล็กน้อยที่บริเวณที่ทำการรักษาได้

วิธีการป้องกันแผลริมอ่อน

  • การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางช่องคลอด ทางทวารหนัก และทางปาก
  • ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอจะสามารถรักษาได้ทันท่วงทีหากพบการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น การใช้ผ้าเช็ดตัว หรือแปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจมีความเสี่ยงจากการสัมผัสกับแผลหรือน้ำลายที่มีเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีอาการของโรคแผลริมอ่อน
  • มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ติดเชื้อเพียงคนเดียว

ป้องกันแผลริมอ่อน รู้ก่อนรักษาก่อน เลือกดูแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์พร้อมรับส่วนลดราคาพิเศษ ที่ HDmall.co.th ตรวจก่อน ปลอดภัยกว่า คลิกเลย!

Scroll to Top