ตับ (Liver) และม้าม (Spleen) เป็นอวัยวะที่อยู่ภายในช่องท้อง โดยตับจะมีขนาดใหญ่ อยู่ในช่องท้องด้านบนขวา ส่วนม้ามจะมีขนาดเล็กกว่า และอยู่ในช่องท้องด้านบนซ้าย
ตามปกติแล้ว ตับ และม้ามนั้นมีหน้าที่แตกต่างกัน โดยตับจะสร้างโปรตีน และฮอร์โมนหลายชนิด รวมถึงมีหน้าที่กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ในขณะที่ม้ามมีบทบาทในระบบภูมิคุ้มกัน โดยช่วยกำจัดเชื้อโรค และเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ
บางครั้งอาจเกิดโรคหรือความผิดปกติที่ทำให้ตับ และม้ามโตขึ้นพร้อมกันได้ ซึ่งเรียกว่า “ภาวะตับม้ามโต (Hepatosplenomegaly)” ทำให้เราสามารถคลำพบตับ และม้ามมีขนาดใหญ่ขึ้นได้
สารบัญ
สาเหตุที่ทำให้ตับม้ามโต
ความผิดปกติที่ทำให้เกิดภาวะตับม้ามโต ได้แก่
- โรคตับ เช่น โรคตับแข็ง เนื่องจากตับมีระบบไหลเวียนเลือดระบบเดียวกับม้าม เมื่อตับมีความผิดปกติจึงส่งผลเกิดความผิดปกติที่ม้ามด้วย
- โรคเลือด เช่น โรคโลหิตจาง โรคธาลัสซีเมีย ภาวะที่มีเม็ดเลือดแตก เนื่องจากตับ และม้ามเป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดเม็ดเลือดแดง และฮีโมโกลบิน เมื่อเม็ดเลือดถูกทำลายมาก จึงส่งผลให้ตับม้ามมีขนาดโตขึ้นด้วย
- การติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ไวรัสตับอักเสบ บี ซึ่งม้ามก็มีบทบาทในการกำจัดเชื้อโรคด้วยเช่นกัน
- เป็นโรคออโตอิมมูน หรือโรคแพ้ภูมิต้านทานตัวเอง ทำให้เซลล์ในร่างกายถูกกำจัดจำนวนมาก
- เส้นเลือดดำในตับอุดตัน ทำให้การไหลเวียนเลือดของตับ และม้ามผิดปกติ
- เป็นโรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อาการที่พบร่วมกับตับม้ามโต
ผู้ป่วยที่มีตับม้ามโต มักพบอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย
- แน่นท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อาจมีไข้ ขึ้นอยู่กับโรคที่เป็นสาเหตุ
- ติดเชื้อได้ง่าย
- มีรอยฟกช้ำ หรือจ้ำเลือดขึ้นตามตัว
- หายใจลำบาก เนื่องจากตับ และม้ามโตจนกดเบียดอวัยวะในช่องท้อง และกะบังลม
- ตัวเหลือง ตาเหลือง ดีซ่าน อาจพบได้หากสาเหตุมาจากโรคตับหรือตับอักเสบ
- ซีด อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ พบได้ในผู้ป่วยโรคโลหิตจาง โรคธาลัสซีเมีย หรือเม็ดเลือดแดงถูกทำลายมาก
การรักษาภาวะตับม้ามโต
การรักษาภาวะตับม้ามโต จะเน้นรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น
- หากมีการติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบ จะรักษาด้วยยาต้านไวรัส
- หากเป็นโรคตับแข็ง ตับอักเสบ จะให้ยาลดการอักเสบของตับ ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หากสาเหตุมาจากโรคมะเร็ง จะทำการรักษาโดยใช้ยาเคมีบำบัด ฉายรังสี หรือการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับชนิด และระยะของมะเร็ง
- หากผู้ป่วยเป็นโรคเลือด จะรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น ถ้ามีเม็ดเลือดแดงต่ำมากอาจต้องให้เลือดทดแทน หรือถ้าโลหิตจางเล็กน้อย อาจให้ทานธาตุเหล็กเสริม
- หากตับม้ามโตมากจนทำให้หายใจลำบาก และไม่สามารถรักษาได้ เช่น เป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง ทำให้ตับม้ามโตมาตั้งแต่เด็ก อาจจำเป็นต้องตัดม้ามออก เพื่อให้หายใจสะดวก อาการซีดดีขึ้น และรับเลือดน้อยลง
- หากตับเกิดความเสียหายมาก อาจต้องทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ
การดูแลตัวเองเมื่อมีตับม้ามโต
หากพบว่าตัวเองมีตับม้ามโต ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรักษาโดยด่วน ซึ่งนอกเหนือจากการรักษาแล้ว เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อประคับประคองอาการได้ ดังนี้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด
- รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ทานผักผลไม้มากๆ และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารเสริม และสมุนไพรทุกชนิด ยกเว้นยาตามคำสั่งแพทย์
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
การป้องกันตับม้ามโต
ตับม้ามโตนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งบางสาเหตุเราไม่สามารถป้องกันได้ เช่น โรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรคที่เป็นตั้งแต่กำเนิด แต่สำหรับโรคที่เป็นสาเหตุอื่นๆ เราสามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค เช่น มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เพื่อไม่ให้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี
นอกจากนี้ คุณควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันโรคตับแข็ง ปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกรับประทานทานอาหารเสริมสมุนไพรที่อาจมีผลต่อตับ และยังควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพโดยรวมที่ดีด้วย