การตรวจสุขภาพสำหรับผู้ชายอายุ 65 ปีขึ้นไป ต้องตรวจอะไรบ้าง scaled

การตรวจสุขภาพสำหรับผู้ชายอายุ 65 ปีขึ้นไป ต้องตรวจอะไรบ้าง

การดูแลผู้ใหญ่ในครอบครัว นอกจากออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอย่างการสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์แล้ว การพาไปตรวจสุขภาพก็เป็นอีกสิ่งที่ลูกหลานไม่ควรละเลย

คุณควรคอยย้ำเตือนให้ผู้สูงอายุเห็นถึงความสำคัญของการไปพบแพทย์เป็นประจำ มาดูกันว่า ผู้ชายในวัย 65 ปีขึ้นไป ควรตรวจอะไรกันบ้าง

เป้าหมายของการตรวจสุขภาพ

คุณควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ แม้ว่าจะมีสุขภาพดีก็ตาม เป้าหมายของการตรวจในแต่ละครั้งเพื่อ

  • คัดกรองโรคในระยะเริ่มต้น
  • ประเมินความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในอนาคต
  • ส่งเสริมสุขภาพและสุขลักษณะที่ดี
  • รับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค

ผู้ชายอายุ 65 ปีขึ้นไป ควรตรวจอะไรบ้าง?

แบ่งเป็นการตรวจพื้นฐานและการตรวจจำเพาะ มีรายละเอียดดังนี้

การตรวจพื้นฐาน

  • การซักประวัติและ การตรวจร่างกายโดยแพทย์
  • การตรวจประเมินสุขภาพจิตทั่วไป การใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่
  • การตรวจดัชนีมวลกาย
  • การตรวจวัดสัญญาณชีพทั่วไป
  • ตรวจการได้ยินทั่วไป (Finger Rub Test)
  • ตรวจตาทั่วไป
  • การตรวจคัดกรองโรคความดันโลหิตสูง
  • การตรวจเม็ดเลือด (CBC)
  • การตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน (FBS)
  • การตรวจคัดกรองโรคไขมันในเลือดสูง
  • ตรวจดูการทำงานของไต
  • ตรวจปัสสาวะ
  • การตรวจเอกซเรย์ทรวงอก
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

การตรวจจำเพาะ

  • การตรวจสมรรถภาพและความแข็งแรงของร่างกาย (Fitness Test)
  • การตรวจฟัน
  • การตรวจสายตา
  • การตรวจหาโรคจากสิ่งแวดล้อม เช่น โลหะหนัก เอกซเรย์ทรวงอกเพื่อหาโรคปอดจากสิ่งแวดล้อม การตรวจสมรรถภาพปอด
  • การตรวจหาโรคการทำงาน เช่น การตรวจสมรรถภาพการได้ยิน สมรรถภาพการมองเห็น การตรวจหาโรคจากความร้อน/ความเย็น/แรงสั่นสะเทือน สารเคมีที่ตกค้างในร่างกาย โรคปอดจากการทำงาน เป็นต้น
  • โรคติดเชื้อในวัยเจริญพันธุ์
  • มะเร็งทวารหนัก (สำหรับกลุ่มเฉพาะ)
  • ตรวจหาภาวะกระดูกบางและกระดูกพรุน
  • ประเมินการใช้ชีวิตประจำวันด้วย Barthel ADL index
  • ประเมินภาวะทางโภชนาการ
  • ประเมินประสิทธิภาพของสมองด้วยปบบสอบถาม Modified IQCODE
  • ประเมินภาวะซึมเศร้าทั่วไป

การตรวจความดันโลหิต 

  • คุณควรตรวจความดันโลหิตทุกปี และหากมีเลขความดันโลหิตตัวบน (Systolic number) อยู่ระหว่าง 120-139 หรือเลขความดันโลหิตตัวล่าง (Diastolic number) อยู่ระหว่าง 80-89 mmHg หรือมากกว่านั้น ก็ยิ่งควรตรวจอย่างสม่ำเสมอทุกปี
  • หากเลขความดันโลหิตตัวบนสูงกว่า 140 หรือเลขความดันโลหิตตัวล่างสูงกว่า 90 ให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือไปพบแพทย์ทันที
  • หากคุณเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ มีปัญหาโรคไต หรือเป็นโรคอื่นๆ คุณควรตรวจความดันโลหิตบ่อยครั้งกว่าปกติ หรืออย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี

การตรวจระดับคอเลสเตอรอลและการป้องกันโรคหัวใจ

  • คุณควรตรวจระดับคอเลสเตอรอลทุก 5 ปี หากคอเลสเตอรอลในเลือดของคุณอยู่ในระดับปกติ
  • หากคุณมีคอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ มีปัญหาโรคไต หรือมีปัญหาสุขภาพที่มีความเสี่ยง แพทย์อาจแนะนำให้คุณเข้ารับการตรวจคอเลสเตอรอลบ่อยครั้งกว่าปกติ

การตรวจเบาหวาน

  • ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อหาภาวะเบาหวานทุกๆ 3 ปี
  • หากคุณมีน้ำหนักเกิน หรือมีความดันโลหิตของสูงกว่า 135/80 mmHg และมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน แพทย์อาจแนะนำให้คุณเข้ารับการตรวจเบาหวานบ่อยครั้งขึ้น

การตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่

ควรเข้ารับการตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่จนถึงอายุ 75 ปี การทดสอบทำได้หลายวิธี โดยอาจใช้เพียงวิธีเดียว หรือใช้ร่วมกันก็ได้ ดังนี้

  • การตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระทุกปี
  • การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทุกๆ 10 ปี พร้อมกับการตรวจเม็ดเลือดแดงในอุจจาระทุกปี
  • การตรวจส่องกล้องมะเร็งลำไส้ใหญ่ทุกๆ 10 ปี

คุณอาจต้องเข้ารับการตรวจส่องกล้องบ่อยขึ้น หากมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เช่น

  • เป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล
  • มีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือคนในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้
  • มีประวัติตรวจพบเนื้องอกในลำไส้ใหญ่

การตรวจคัดกรองมะเร็งปอด

คณะป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ผู้มีอายุระหว่าง 55-80 ปี ที่มีประวัติสูบบุหรี่ 30 แพ็คต่อปี และยังคงสูบบุหรี่อยู่ หรือเลิกบุหรี่ไปแล้วภายในช่วง 15 ปี เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดเป็นประจำทุกปีด้วยการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเข้มรังสีต่ำ (LDCT)

การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก

  • ผู้ชายที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยเฉพาะผู้มี่มีบุคคลในครอบครัวเคยป่วยด้วยโรคนี้
  • คุณสามารถเข้ารับการตรวจเลือด PSA เพื่อคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากได้ทุกปี
  • ผู้ชายที่ไม่มีอาการของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แพทย์จะไม่แนะนำให้ตรวจเป็นประจำ

การตรวจโรคกระดูกพรุน

  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน เช่น ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน น้ำหนักตัวน้อย สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์จัด เคยกระดูกหักหลังจากอายุ 50 ปี หรือคนในครอบครัวมีประวัติโรคกระดูกพรุนคุณควรปรึกษากับแพทย์เกี่ยวกับการตรวจโรคกระดูกพรุน
  • ผู้ชายที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปควรเข้ารับการทดสอบความหนาแน่นของกระดูก

การตรวจฟัน

ควรเข้าพบทันตแพทย์ 1-2 ครั้งต่อปี เพื่อตรวจสุขภาพฟันและทำความสะอาดช่องปาก เช่น ขูดหินปูน แต่ทันตแพทย์อาจประเมินและแจ้งให้คุณมาพบบ่อยกว่านั้นตามกรณี

การตรวจตา

  • คุณควรตรวจสายตาทุก 1-2 ปี
  • ผู้ที่เป็นโณคเบาหวาน ควรตรวจสายตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะเสี่ยงต่อภาวะเบาหวานขึ้นจอตา

การทดสอบการได้ยิน

หากเริ่มมีอาการที่บ่งบอกถึงปัญหาในการได้ยิน ควรเข้ารับการทดสอบการได้ยิน

การฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกัน

  • เมื่อมีอายุ 65 ปีขึ้นไป ควรได้รับวัคซีนป้องกันปอดบวม หากยังไม่เคยฉีดวัคซีนนี้ หรือฉีดครั้งล่าสุดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
  • ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี
  • คุณอาจได้รับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด 1 ครั้ง เมื่อมีอายุ 60 ปี
  • คุณควรได้รับวัคซีนกระตุ้นการป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ทุกๆ 10 ปี
  • วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากสายพันธุ์ที่ระบาดจะเปลี่ยนไปทุกปี
  • วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบควรฉีด 1 ครั้ง และอาจพิจารณาให้ฉีดซ้ำอีกครั้งใน 5 ปี
  • วัคซีนป้องกันบาดทะยัก ฉีดทั้งหมด 3 เข็มภายใน 6 เดือน สามารถฉีดกระตุ้นได้ทุก 5 ปี
  • วัคซีนป้องกันงูสวัด ฉีดเพียง 1 ครั้ง (ไม่ควรฉีดในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยรังสี)

กรณีที่มีความซับซ้อนของภาวะโรคอื่นๆ ที่เป็นอยู่ด้วย แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อประเมินก่อน ส่วนวัคซีนทางเลือกอื่นๆ ก็สามารถฉีดได้ โดยปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดทุกครั้ง


ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. รุจิรา เทียบเทียม


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top