review health check up all you can check plus programs at phyathai 2 hospital by jutarat burinok25

ตรวจสุขภาพได้ไม่อั้น! กับโปรแกรม All You Can Check Plus ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2

สำหรับคนวัยทำงาน แม้อายุเราจะยังน้อย แต่การตรวจสุขภาพประจำปีก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ แถมยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วย

ตอนนี้เราก็อายุ 26 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจเรื่องการตรวจสุขภาพประจำปีเลย คิดว่าตัวเองออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่เคยเจ็บป่วยหรือเป็นอะไรหนักๆ สุขภาพก็น่าจะดีอยู่แล้ว

จนช่วงหลังมานี้ เราต้องพบเจอกับสิ่งต่างๆ มากมายในแต่ละวัน ทั้งฝุ่นควัน อาหารแปรรูป ความเครียดจากการทำงาน พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงเชื้อโรคต่างๆ จนทำให้สุขภาพเริ่มอ่อนแอลง เราเลยอยากหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น

เพราะอย่างนี้เราเลยมองหาโปรแกรมตรวจสุขภาพที่มีรายการตรวจครบครอบคลุม คุ้มค่า คุ้มราคา จนได้มาเจอกับโปรแกรมตรวจสุขภาพ All You Can Check Plus ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 

ซึ่งโปรแกรมนี้ก็เป็นโปรแกรมตรวจสุขภาพที่คุ้มมากๆ มีรายการตรวจครบตั้งแต่เรื่องพื้นฐานไปจนถึงการตรวจสุขภาพแบบเจาะลึก 

ที่สำคัญคือโปรแกรมนี้เค้าครอบคลุมระยะเวลาการตรวจถึง 1 ปี ทำให้เราสามารถกลับมาตรวจซ้ำกี่ครั้งก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมตรวจสุขภาพที่ซื้อครั้งเดียวแต่ตรวจได้ไม่อั้นตลอดทั้งปีเลย คุ้มค่าแบบนี้เราก็ไม่รอช้าแล้วค่ะ เลือกใช้บริการโปรแกรมนี้ทันที

ใช้บริการตรวจสุขภาพ ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2

การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพ

การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพก็ไม่มีอะไรมากค่ะ อย่างแรกเลยก็คือควรงดน้ำและอาหารประมาณ 8-10 ชั่วโมงก่อนตรวจ (แต่ยังสามารถดื่มน้ำเปล่าได้อยู่นะคะ)

ส่วนผู้หญิงอย่างเราที่จะต้องมีการตรวจภายในด้วย ก็ควรมาตรวจหลังประจำเดือนหมดแล้วหรือก่อนมีประจำเดือนจะดีกว่าค่ะ นอกจากนี้ก็ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ สบายตัว เพื่อความสะดวกในการตรวจด้วย

รีวิวตรวจสุขภาพ โปรแกรม All You Can Check Plus ที่ รพ.พญาไท 2

เมื่อเดินทางมาถึงที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 ก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ว่ามาใช้บริการตรวจสุขภาพได้เลยค่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าเราต้องขึ้นไปที่ชั้นไหน แผนกไหน

พอขึ้นมาแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ประจำแผนกคอยยืนต้อนรับอยู่ ซึ่งอันดับแรกเราจะต้องลงทะเบียนทำประวัติคนไข้ใหม่ก่อน เสร็จแล้วก็จะมีพี่พยาบาลพาไปตรวจคัดกรองเบื้องต้นอย่างการวัดความดัน วัดส่วนสูง และชั่งน้ำหนัก

ลงทะเบียนก่อนตรวจสุขภาพ

หลังจากตรวจคัดกรองเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว พี่พยาบาลจะพาเราเข้าไปพบคุณหมอเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับโปรแกรมการตรวจสุขภาพและเลือกรายการตรวจที่เหมาะสมให้กับเราเลยค่ะ

โดยอันดับแรกคุณหมอจะซักประวัติเบื้องต้นก่อน จากนั้นก็อธิบายเกี่ยวกับโปรแกรมตรวจสุขภาพ All You Can Check Plus ให้ฟังว่ามีรายการตรวจอะไรบ้าง?

ปรึกษาคุณหมอก่อนตรวจสุขภาพ

โปรแกรม All You Can Check Plus ตรวจอะไรได้บ้าง?

จากที่คุณหมออธิบายให้ฟัง โปรแกรม All You Can Check Plus จะแบ่งการตรวจออกเป็น 3 ส่วนค่ะ ส่วนแรกคือ Basic Check Up จะเป็นการตรวจติดตามค่าผลตรวจพื้นฐาน ดูการทำงานของตับ ไต ไขมันในเลือด ความดันโลหิต เอกซเรย์ปอด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

หากตรวจสุขภาพในโปรแกรม Basic Check Up แล้วมีผลตรวจที่น่ากังวล ก็สามารถลองกลับไปปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แล้วกลับมาตรวจเช็กสุขภาพอีกทีภายใน 3-6 เดือน หรือก่อนครบกำหนด 1 ปี ได้เลย

ส่วนที่ 2 คือ Advance Check Up เป็นการตรวจร่างกายแบบเจาะลึกที่มีให้เลือกมากถึง 9 หมวด โดยเราสามารถเลือกตรวจได้ 6 หมวด ตามไลฟ์สไตล์และความเสี่ยงที่คุณหมอแนะนำเลยค่ะ

และส่วนสุดท้ายคือ Check up Plus จะเป็นการตรวจประเมินสุขภาพเฉพาะทางด้าน Anti-aging พร้อมทั้งลงลึกระดับฮอร์โมน มีให้เลือกมากถึง 4 หมวด โดยเราสามารถเลือกตรวจได้เพิ่มเติม 1 หมวดค่ะ

หลังจากคุณหมออธิบายข้อมูลของโปแกรมตรวจสุขภาพเสร็จแล้ว คุณหมอก็จะสอบถามเราว่ามีความกังวลเรื่องอะไรเป็นพิเศษมั้ย เพื่อที่จะได้ประเมินและแนะนำรายการตรวจสุขภาพในส่วนของ Advance Check Up และ Check up Plus ให้

ซึ่งจากการประเมิน ในส่วนของ Advance Check Up คุณหมอก็แนะนำให้ตรวจคัดกรองโรคหัวใจ ตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกาย และตรวจคัดกรองมะเร็งค่ะ ส่วน Check up Plus อันนี้คุณหมอแนะนำให้ตรวจเฉพาะทางด้าน Anti-Aging

ตรวจสุขภาพ All You Can Check Plus ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2

หลังจากเสร็จขั้นตอนการพูดคุยกับคุณหมอแล้ว พี่พยาบาลก็จะพาไปตรวจสุขภาพตามแผนกต่างๆ เลย ซึ่งใครที่กังวลว่าเข้ามาแล้วจะงง ไม่รู้ว่าต้องตรวจอะไรก่อน ไปตรวจที่แผนกไหน เราบอกเลยค่ะว่าไม่ต้องกลัว เพราะที่นี่มีพี่พยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและพาไปตรวจทุกขั้นตอนเลย

ขั้นตอนการตรวจสุขภาพ Basic Check Up

เริ่มแรกจะเป็นการเจาะเลือดและเก็บตัวอย่างปัสสาวะค่ะ โดยเราจะได้เข้าไปด้านในห้องสำหรับเจาะเลือดโดยเฉพาะเลย

พอเข้ามาแล้ว พี่พยาบาลประจำห้องเจาะเลือดก็จะให้นำแขนขึ้นมาวางไว้บนเบาะรอง จากนั้นก็นำสายมารัดที่ต้นแขนและเริ่มทำการเจาะเลือดทันที

ขั้นตอนการเจาะเลือด

เราจะบอกว่าพี่พยาบาลที่นี่มือเบามากๆ ตอนเจาะเลือดไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด แถมใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ จากนั้นพี่พยาบาลจะให้กระบอกเก็บปัสสาวะมา เราก็ไปทำการเก็บปัสสาวะให้เรียบร้อยแล้วนำกระบอกมาส่งคืนได้เลย

ขั้นตอนการตรวจเอกซเรย์ปอด

ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการตรวจเอกซเรย์ปอดค่ะ ซึ่งขั้นตอนนี้จะเป็นการตรวจดูความผิดปกติของอวัยวะระบบทางเดินหายใจบริเวณเนื้อปอด ทรวงอก เส้นเลือดในปอด รวมถึงกระดูกซี่โครง กระดูกไหปลาร้า และกะบังลม

ก่อนที่จะเริ่มตรวจเราก็ต้องไปเปลี่ยนชุด ถอดชุดชั้นใน และถอดเครื่องประดับที่เป็นโลหะทั้งหมดออกจากตัวก่อน หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วก็เข้าไปที่ห้องเอกซเรย์ได้เลย

สำหรับขั้นตอนนี้จะมีนักรังสีเทคนิคเป็นคนตรวจให้ โดยขั้นตอนการตรวจก็ง่ายมากๆ เพียงแค่ยืนเอาตัวแนบเครื่องเอกซเรย์ จากนั้นนักรังสีเทคนิคจะให้หายใจเข้าลึกๆ และกลั้นหายใจค้างไว้ประมาณ 5 วินาที

ขั้นตอนการตรวจเอกซเรย์ปอด

ระหว่างที่กลั้นหายใจ นักรังสีเทคนิคจะทำการกดถ่ายฟิล์มภาพเอกซเรย์ โดยรวมใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็ไปตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) กันต่อค่ะ

ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)

ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) จะเป็นการตรวจดูอัตราการเต้นของหัวใจและจังหวะการเต้นของหัวใจ เพื่อตรวจหาความผิดปกติค่ะ

โดยขั้นตอนนี้พี่พยาบาลจะให้เราขึ้นไปนอนบนเตียง จากนั้นก็ติดตั้งอุปกรณ์การตรวจที่บริเวณข้อมือ ข้อเท้า และหน้าอก

ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)

พอติดอุปกรณ์เสร็จแล้ว เราก็แค่นอนนิ่งๆ ให้เครื่องทำการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้เลย โดยรวมใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ รวดเร็วมาก

ขั้นตอนการตรวจสุขภาพ Advance Check Up

หลังจากตรวจโปรแกรม Basic Check Up เสร็จแล้ว เราก็มาตรวจโปรแกรม Advance Check Up กันต่อค่ะ ซึ่งการตรวจในครั้งนี้คุณหมอก็แนะนำให้เราตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกาย ตรวจคัดกรองมะเร็ง และตรวจคัดกรองโรคหัวใจค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกาย

ขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกาย จะตรวจทั้งหมด 3 อย่าง คือ ตรวจความสมดุลร่างกาย (Posture Check) ตรวจสมรรถภาพร่างกาย (Muscle Check) และตรวจมวลกล้ามเนื้อด้วยเครื่อง Inbody (Body Check)

เริ่มแรก เจ้าหน้าที่จะให้เราไปเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายเพื่อเตรียมตัวเข้าไปตรวจร่างกายกับนักกายภาพบำบัดกันก่อน หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ก็ไปเริ่มตรวจมวลกล้ามเนื้อด้วยเครื่อง Inbody (Body Check) กันเลยค่ะ

สำหรับขั้นตอน Body Check จะเป็นการตรวจวัดสัดส่วนของร่างกาย วัดมวลกล้ามเนื้อ ไขมัน และน้ำในร่างกายค่ะ ซึ่งขั้นตอนก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก นักกายภาพฯ จะให้เราไปยืนบนเครื่องคล้ายๆ กับเครื่องชั่งน้ำหนักเพื่อวัดองค์ประกอบของร่างกาย จากนั้นก็วัดรอบเอวให้ต่อ ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ

ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการตรวจความสมดุลร่างกาย (Posture Check) โดยนักกายภาพฯ จะให้ไปยืนอยู่ด้านหน้าแผ่นกริดสีขาวๆ ที่เป็นลายตาราง เสร็จแล้วก็จะติดสติ๊กเกอร์เรืองแสงตามปุ่มกระดูกของเราพร้อมกับให้ใส่แว่นตาป้องกันแสงเลเซอร์

หลังจากนั้นนักกายภาพฯ จะให้เราทำท่าทางต่างๆ เช่น ยืนหน้าตรง ย่ำเท้าอยู่กับที่ และยืนหันข้าง ย่ำเท้าอยู่กับที่ ระหว่างที่ทำท่าทางต่างๆ นักกายภาพฯ ก็จะยิงแสงเลเซอร์มาที่ตัวของเราแล้ววัดโครงสร้างร่างกายเลย

ขั้นตอนการตรวจความสมดุลร่างกาย (Posture Check)

มาถึงขั้นตอนสุดท้าย นั่นก็คือการตรวจสมรรถภาพร่างกาย (Muscle Check) โดยขั้นตอนนี้นักกายภาพฯ จะตรวจวัดกำลังแขนและข้อมือด้วยเครื่องไดนาโมมิเตอร์ที่คล้ายๆ กับตาชั่งขายของและมีก้านจับอยู่ด้านบน 

ซึ่งเราจะต้องจับตรงก้านนั้นไว้แล้วออกแรงบีบไว้ให้แน่นที่สุด หลังจากบีบจนสุดแรง ตัวเครื่องก็จะวัดค่าออกมาทันทีว่ามือและแขนของเรามีความแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน

ขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพร่างกาย (Muscle Check)

หลังจากนั้นขั้นตอนต่อมาจะเป็นการตรวจสมรรถภาพความยืดหยุ่นของหลังและลำตัวส่วนล่าง โดยเราจะต้องลงไปนั่งกับพื้นแล้วเหยียดแขนและขาทั้ง 2 ข้างไปข้างหน้าจนสุด ระหว่างที่แขนดันไปข้างหน้า ตัวเครื่องก็จะทำการตรวจวัดความยืนหยุ่นของเราทันทีค่ะ

ขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพความยืดหยุ่นของหลังและลำตัวส่วนล่าง

ต่อมาจะเป็นการตรวจสมรรถภาพความแข็งแรงของหลังและขา โดยเราจะต้องขึ้นไปยืนบนเครื่องไดนาโมมิเตอร์ที่มีโซ่เหล็กคล้องอยู่ เสร็จแล้วก็ทำท่า Squad พร้อมกับจับแท่งยาวๆ เอาไว้และดึงขึ้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะออกแรงได้

หลังจากออกแรงดึงแล้ว ตัวเครื่องจะทำการวัดค่าออกมาเป็นตัวเลขเลยว่าหลังกับขาของเราแข็งแรงมากแค่ไหน

ขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพความแข็งแรงของหลังและขา

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายนั่นก็คือการตรวจสมรรถภาพความทนทานของระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด อันนี้ถ้าใครที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็อาจจะเหนื่อยนิดนึงนะคะ

โดยสิ่งที่เราต้องทำก็คือการก้าวขาขึ้นลงเป็นสเต็ปกับกล่องไม้เป็นเวลา 3 นาทีค่ะ ซึ่งสเต็ปที่ว่านี้เราจะต้องทำให้ทันตามจังหวะกลองที่พี่นักกายภาพฯ เปิดให้ฟังด้วยนะคะ 

ขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพความทนทานของระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด

หลังจากตรวจสมรรถภาพและความสมดุลของร่างกายครบทุกขั้นตอนแล้ว ต่อมาเราก็ไปตรวจคัดกรองโรคหัวใจกันต่อเลย

ขั้นตอนที่ 2 ตรวจคัดกรองโรคหัวใจ

สำหรับขั้นตอนการตรวจคัดกรองโรคหัวใจ เราจะต้องไปเปลี่ยนเป็นชุดของทางโรงพยาบาลก่อนค่ะ หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ไปเริ่มตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) กันก่อนเลย

สำหรับขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) พี่พยาบาลจะติดตั้งอุปกรณ์บริเวณจุดชีพจรอย่างหน้าอก แขน และขาทั้งสองข้างก่อน จากนั้นก็ให้เราขึ้นไปเดินบนสายพานโดยจะเริ่มจากระดับความเร็วช้าสุด ค่อยๆ ปรับให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ

ขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST)

หลังจากตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) เสร็จแล้ว ต่อมาจะเป็นการตรวจคลื่นเสียงหัวใจ (ECHO) ค่ะ

โดยขั้นตอนนี้จะมีวิธีการตรวจคล้ายกับการอัลตราซาวด์เลย คุณหมอจะปล่อยพลังงานคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูงไปยังบริเวณหัวใจเพื่อตรวจดูความผิดปกติ ใช้เวลาตรวจไม่เกิน 10 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ

ขั้นตอนการตรวจคลื่นเสียงหัวใจ (ECHO)

และสุดท้ายจะเป็นการตรวจการแข็งตัวของหลอดเลือด (ABI) ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เราแค่ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วพี่พยาบาลจะติดอุปกรณ์วัดความดันบริเวณต้นแขนและข้อเท้าทั้งสองข้าง จากนั้นก็นอนนิ่งๆ ให้เครื่องตรวจวัดการแข็งตัวของหลอดเลือดอัตโนมัติได้เลย

ขั้นตอนการตรวจการแข็งตัวของหลอดเลือด (ABI)

ขั้นตอนที่ 3  ตรวจสุขภาพสตรี

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของโปรแกรม Advance Check Up นั่นก็คือการตรวจสุขภาพสตรีค่ะ โดยขั้นตอนนี้เราจะได้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก รวมถึงตรวจอัลตราซาวด์มดลูกและรังไข่

เริ่มแรกเราจะได้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกก่อน ซึ่งที่นี่เค้าจะเลือกตรวจด้วยวิธี ThinPrep ให้ค่ะ เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย สะดวกรวดเร็ว ผลตรวจแม่นยำ ที่สำคัญคือสามารถตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ได้พร้อมกันด้วย

ผู้ใช้บริการตรวจสุขภาพ โปรแกรม All You Can Check Plus ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2

หลังจากตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเสร็จแล้ว ก็ไปตรวจอัลตราซาวด์มดลูกและรังไข่กันต่อ โดยรวมทั้งสองขั้นตอนใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ ถือว่ารวดเร็วมากๆ แถมตอนตรวจก็ไม่ได้น่ากลัวและไม่เจ็บอย่างที่คิด ใครที่กังวลอยู่ก็หมดความกังวลไปได้เลยค่ะ

ผลการตรวจสุขภาพ

สำหรับผลตรวจสุขภาพที่ออกมา โดยรวมทั้งผลตรวจพื้นฐานและผลตรวจร่างกายแบบเจาะลึก ค่าต่างๆ ของเราก็ออกมาปกติดี ไม่มีตรงไหนน่ากังวล รวมๆ แล้วสุขภาพยังแข็งแรงดีมากค่ะ

ส่วนผลตรวจ Anti-Aging ในโปรแกรม All You Can Check Plus เราก็ได้มาปรึกษากับคุณหมอเพื่อน พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าระดับฮอร์โมนเพศหญิงและการต้านความเครียดของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติดีทุกรายการเช่นกัน

แต่เนื่องจากช่วงหลังเรารู้สึกว่าตัวเองพักผ่อนน้อย ป่วยบ่อยขึ้น เลยปรึกษาปัญหานี้กับคุณหมอไป ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าเกิดจากการที่ร่างกายของเราขาดวิตามินดีเลยส่งผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอและไม่ค่อยสบายอยู่บ่อยๆ 

คุณหมอเลยแนะนำให้กินวิตามินดี 3 (Vitamin D3) เสริมในประมาณ 5,000 IU อย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยหลังจากกินวิตามินดี 3 ครบ 3 เดือนแล้ว คุณหมอก็จะนัดให้เข้ามาตรวจเช็กสุขภาพในโปรแกรม Basic Check Up ซ้ำอีกครั้งนึงค่ะ

ผู้ใช้บริการและคุณหมอ

สำหรับการตรวจสุขภาพของเราในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการตรวจเช็กแบบชุดใหญ่ จัดหนักจัดเต็ม ครบทุกด้านจริงๆ ค่ะ ใครที่กำลังมองหาโปรแกรมตรวจสุขภาพแบบบุฟเฟต์ ซื้อครั้งเดียวตรวจซ้ำได้ตลอดทั้งปี เราแนะนำโปรแกรม All You Can Check Plus ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 เลย

โดยเฉพาะวัยทำงานนี่เหมาะที่สุดแล้ว ยิ่งเราตรวจตั้งแต่อายุยังน้อย ตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำทุกปี ก็จะได้รู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้สามารถหาทางรักษาได้ทัน หรือปรับพฤติกรรมของตัวเองให้สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้นได้

บรรยากาศของ โรงพยาบาลพญาไท 2

ถ้าใครที่สนใจก็แนะนำให้เข้าไปจองแพ็กเกจผ่าน HDmall.co.th เลยนะคะ เพราะในนี้เค้ามีโปรโมชั่นร่วมกับ โรงพยาบาลพญาไท 2 อยู่ รับรองว่าราคาดี คุ้มค่าแน่นอน พลาดไม่ได้จริงๆ ค่ะ

Scroll to Top